- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 09 June 2016 16:23
- Hits: 601
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)
Technical highlights
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1460 แนวรับสำคัญ 1425
ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1445.54 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,862 ล้านาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นมาปิดยืนเหนือระดับ 1440 จุด หลังจากถูกขายทำกำไรออกมาในระยะสั้นที่บริเวณแนวต้าน 1450 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1425 จุด
Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากถูกขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้านที่ 1450 จุด ในขณะที่แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1460 จุด และโครงสร้างในระยะยาวมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1500 จุด อย่างไรก็ดี การปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้มีแนวรับสำคัญที่ 1425 จุด ถ้าหลุดจะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบ 1400 จุดอีกครั้ง
กลยุทธ์ :SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1460 จุด โดยที่หุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงมีความโดดเด่นต่อเนื่อง ซึ่งเราแนะนำให้เน้นการเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคาร และสื่อสาร รวมไปถึงการกลับเข้าไปซื้อเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1425 จุด
Asia Fund Flow : 8 มิถุนายน 2559
ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ซื้อสุทธิ 44 ล้านเหรียญ (9 มิ.ย.)
ตลาดหุ้นไต้หวัน ซื้อสุทธิ 395 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ขายสุทธิ 4 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ซื้อสุทธิ 42 ล้านเหรียญ
ตลาดหุ้นไทย ซื้อสุทธิ 37 ล้านเหรียญ
Most Active Value: แนวรับ แนวต้าน
PTT สัญญาณซื้อ แนวโน้มขึ้นทดสอบ 330 และ 340 317 / 315 320 / 324
IVL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 36.00 และ 37.00 แนวรับสำคัญ 32.00 33.50 / 33.00 34.00 / 35.00
PTTEP แนวโน้มขึ้นทดสอบ 88.00 และ 90.00 แนวรับสำคัญ 79.00 83.25 / 83.00 85.00 / 86.00
TASCO แนวโน้มขึ้นทดสอบ 28.00 และ 29.00 แนวรับสำคัญ 25.00 26.50 / 26.00 28.00 / 29.00
SCB ซื้อที่แนวรับ 138 และ 136 แนวต้าน 144-145 140 / 138 142 / 144
AOT แนวโน้มลงทดสอบ 370 แนวต้าน 390 รอซื้อเมื่อทะลุผ่าน 400 กลับขึ้นไป 380 / 374 390 / 394
KBANK ซื้อที่แนวรับ 172 และ 170 แนวต้าน 180 173 / 172 175 / 177
ADVANC แนวโน้มขึ้นทดสอบ 168 และ 175 แนวรับ 162 และ 160 164 / 162 167 / 168
CPF แนวโน้มขึ้นทดสอบ 30.00 และ 31.00 แต่เป็นจังหวะขาย แนวรับ 28.00 29.00 / 28.50 30.00 / 30.50
CPALL แนวโน้มขึ้นทดสอบ 53.00 แนวรับสำคัญ 48.00 49.00 / 48.00 50.50 / 51.00
PTT (PTT TB; THB 317.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 330 และ 340
แนวรับ : 317 และ 315
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และ 20 วัน ก่อนที่จะทะลุผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นไปได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ PTT โดยมีแนวรับที่ 317 และ 315 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 330 และ 340 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 314 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 300
PTT Exploration & Production (PTTEP TB; THB 83.25) - ซื้อ
แนวต้าน : 88.00 และ 90.00 / แนวต้านสำคัญ 94.00
แนวรับ : 83.25 และ 83.00
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในระยะสั้น ในขณะที่โครงสร้างราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ PTTEP โดยมีแนวรับที่ 83.25 และ 83.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 88.00 และ 90.00 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 79.00 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...หุ้นอสังหาริมทรัพย์
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นกลุ่มหนึ่งที่ปัจจุบันราคาหุ้นหลายๆตัวปรับขึ้นแรง หลังจากที่ Laggard หุ้นในกลุ่มอื่นๆ หากเรามาแยกการขึ้นของดัชนีกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มกองทุน (REIT) จำนวน 9 กอง 2.กลุ่มสร้างบ้านจำนวน 27 บริษัทและ 3. กลุ่มรับเหมา 6 บริษัท เทียบกับดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์รวม นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่า ดัชนีกลุ่มขึ้นมาประมาณเกือบ 10% ต่ำกว่ากลุ่มสร้างบ้านที่ประมาณ 13% ส่วนกลุ่มที่ถือว่ายังติดลบหรือ Underperform คือ กลุ่มรับเหมา ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่จะขึ้นหลังจากนี้ หากเกิดความชัดเจนเรื่องแผนการลงทุนของภาครัฐ
หุ้นในกลุ่มสร้างบ้าน 27 บริษัทที่ขึ้นมาประมาณ 12-13% หากพิจารณาเฉพาะบริษัทสร้างบ้านขนาดใหญ่ จะพบว่าขึ้นมาเพียง 5 บริษัทเท่านั้นที่ขึ้นได้มากกว่ากลุ่ม นำโดย CPN AP SPALI QH และ SIRI ส่วนหุ้นใหญ่อื่นๆที่ยัง Underperform กว่าดัชนีกลุ่ม คือ LH PS และ LPN เรามองว่าดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แม้ยังมีช่องให้ขึ้นอีกมาก แต่ดูจากสภาพการเทรดในขณะที่นี้ ดูเหมือนจะเป็นการเล่นข่าวพื้นฐานของบางบริษัท มากกว่าที่จะเล่นตามภาพรวมทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการขึ้นของหุ้นจะไม่ขึ้นทั้งแผง แต่จะเป็นเฉพาะเจาะจง ซึ่งภาวะดังกล่าว เรายังไม่สามารถที่จะเข้าไปเล่นหุ้นที่ยัง Underperform ได้ เว้นแต่จะเห็นภาพใหญ่ของกลุ่มฟื้นตัวหรือผลการดำเนินงานใน Q2/16 ออกมาดี
โดยทั่วๆ ไปในหลายๆ ช่วงของการขึ้นและลงของดัชนี SET เรามักจะพบว่าหุ้นที่จะปิดท้ายตลาดหรือจบรอบการขึ้น มักจะเป็นหุ้นอสังหาริมทรัพย์หรือพูดง่ายๆ หากไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ คือกลุ่มที่ราคายังไม่เคลื่อนไหวในช่วงที่กลุ่มอื่นเขาขึ้นกันหมดแล้ว หากภาพนี้ไม่ถูก คือหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ สามารถขึ้นได้ต่อ โดยเฉพาะตัวที่ยังไม่ขึ้นหรือ Underperform กว่ากลุ่ม เรามองว่าน่าเป็นเรื่องการเก็งกำไรในช่วงสั้นๆเท่านั้นเอง
สภาพตลาดใหญ่ๆอย่างสหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่น ดัชนีตลาดเริ่มที่จะแกว่งในกรอบแคบลง หลังดัชนีต่างขึ้นไปรับข่าวการประชุม FOMC ในวันที่ 14-15 มิ.ย. ว่าทาง FED น่าจะคงดอกเบี้ย แต่ดัชนีหุ้นเหล่านี้อาจขึ้นได้อีก หากราคาน้ำมันเกิดปรับตัวขึ้นแรงๆ ดังนั้นตัวแปรที่ตลาดจะไปต่อหรือปรับตัวลง คือ ราคาน้ำมันและค่าเงินดอลลาร์ แต่ในตลาดหุ้นสหรัฐ เรามองจะไปไม่ไหวจากข้อจำกัดของการ Valuation สำหรับทิศทางดัชนี SET หลังขึ้นแตะ 1450 จุดแล้วย่อลง ท่ามกลางแรงกดตลาด คือ ขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E แพง อัตราการทำกำไรของตลาดยังต่ำ หุ้นที่โตจากภายในขึ้นมาในระดับสูง และแรงซื้อต่างชาติยังแผ่ว ดัชนีระดับที่เป้นอยู่ถือได้ว่าเป็นระดับที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนให้มากขึ้น
หากเราย้อนกลับไปดูแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในเดือนมี.ค. หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเหมือนเช่นในเดือนนี้ (Dollar Index ปรับลดลงจาก 98.35 จุดต้นเดือนมี.ค. มาที่ 94.6 ณ สิ้นเดือนมี.ค. ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 35.61 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 35.09 บาท/ดอลลาร์) เราจะพบว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 26,453 ล้านบาท ในขณะที่ดัชนีปรับขึ้นได้ 70 จุดหรือ +5.2% (จาก 1332 จุดปลายเดือนก.พ. มาที่ 1407 จุดปลายเดือนมี.ค.) ส่วนรอบนี้ที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีกปรากฎว่า Dollar Index อ่อนค่าลงจาก 95.79 ณ ปลายเดือนพ.ค. มาที่ 93.52 ณ ปัจจุบัน (ค่าเงินบาทแข็งค่าจาก 35.74 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 35.09 บาท/ดอลลาร์) ในขณะที่ดัชนีปรับขึ้นมาแล้ว 30 จุด จาก 1415 จุดมาที่ 1445 จุดเมื่อวานนี้หรือ +2.1% ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเข้ามา 28,185 ล้านบาทในเดือนนี้ (หากตัด big lot CPALL ออกจะซื้อสุทธิ 23,191 ล้านบาท) ใกล้เคียงกับระดับเดือนมี.ค. แล้ว ซึ่งหากพิจาณาจากปัจจัยทั้งหมดแล้วสามารถสรุปได้ว่าหากค่าเงินดอลลาร์ไม่อ่อนค่าลงแรงๆ อีกครั้ง โอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศก็มีน้อยแล้ว ยิ่งดัชนีอยู่ในระดับที่สูงมากแล้วด้วย (+12.2% YTD) ดังนั้นในช่วงนี้เราแนะนำ ขายทำกำไร เป็นหลักและสลับกลุ่มเล่นหุ้นที่ยัง laggard ตลาดอย่าง PLANB SAWAD RS BA TPIPL วันนี้ให้แนวรับที่ 1438-1440 จุดและแนวต้านที่ 1450-1455 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)
Investment Strategy
กลยุทธ์: หากเราย้อนกลับไปดูแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในเดือนมี.ค. หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเหมือนเช่นในเดือนนี้ (Dollar Index ปรับลดลงจาก 98.35 จุดต้นเดือนมี.ค. มาที่ 94.6 ณ สิ้นเดือนมี.ค. ในขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 35.61 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 35.09 บาท/ดอลลาร์) เราจะพบว่านักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 26,453 ล้านบาท ในขณะที่ดัชนีปรับขึ้นได้ 70 จุดหรือ +5.2% (จาก 1332 จุดปลายเดือนก.พ. มาที่ 1407 จุดปลายเดือนมี.ค.) ส่วนรอบนี้ที่เฟดส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไปอีกปรากฎว่า Dollar Index อ่อนค่าลงจาก 95.79 ณ ปลายเดือนพ.ค. มาที่ 93.52 ณ ปัจจุบัน (ค่าเงินบาทแข็งค่าจาก 35.74 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 35.09 บาท/ดอลลาร์) ในขณะที่ดัชนีปรับขึ้นมาแล้ว 30 จุด จาก 1415 จุดมาที่ 1445 จุดเมื่อวานนี้หรือ +2.1% ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเข้ามา 28,185 ล้านบาทในเดือนนี้ (หากตัด big lot CPALL ออกจะซื้อสุทธิ 23,191 ล้านบาท) ใกล้เคียงกับระดับเดือนมี.ค. แล้ว ซึ่งหากพิจาณาจากปัจจัยทั้งหมดแล้วสามารถสรุปได้ว่าหากค่าเงินดอลลาร์ไม่อ่อนค่าลงแรงๆ อีกครั้ง โอกาสที่ดัชนีจะปรับขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศก็มีน้อยแล้ว ยิ่งดัชนีอยู่ในระดับที่สูงมากแล้วด้วย (+12.2% YTD) ดังนั้นในช่วงนี้เราแนะนำ ขายทำกำไร เป็นหลักและสลับกลุ่มเล่นหุ้นที่ยัง laggard ตลาดอย่าง PLANB SAWAD RS BA TPIPL วันนี้ให้แนวรับที่ 1438-1440 จุดและแนวต้านที่ 1450-1455 จุด
Themes play :
ซื้อเก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสถูกเลือกเข้า SET50 : เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร EPG GPSC KCE MTLS และ RATCH ซึ่งเราคาดว่าจะถูกประกาศเข้าไปในการคำนวณดัชนี SET50 ในงวดครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค. 59) โดยจะประกาศในสัปดาห์หน้า (ในขณะที่หุ้นที่คาดว่าจะถูกถอดออกคือ BEC JAS M SCCC TTW) โดยปกติแล้วหุ้นที่ถูกประกาศเข้าไปในการคำนวณ SET50 จะสามารถปรับขึ้นได้ประมาณ 3-5% หลังจากประกาศไปจนวันที่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากกองทุนที่มีนโยบายเลียนแบบดัชนี (Index fund) ที่มีการลงทุนแบบ passive investment จะต้องเข้ามาซื้อหุ้นให้ได้ตามน้ำหนักอ้างอิงในดัชนี โดยในหุ้น 5 บริษัทที่คาดว่าจะเข้า SET50 ทางปัจจัยพื้นฐานเราแนะนำ ซื้อ EPG ราคาเป้าหมาย 16.75 บาท, GPSC ราคาเป้าหมาย 36 บาท, KCE ราคาเป้าหมาย 97 บาทและ RATCH ราคาเป้าหมาย 65.50 บาท
ประเด็นในสัปดาห์
9 มิ.ย. : จีนประกาศตัวเลข CPI YoY เดือนพ.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ +2.3%
9 มิ.ย. : สหรัฐประกาศตัวเลข Wholesales Inventories MoM เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ +0.1%
12 มิ.ย. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Production YoY เดือนพ.ค. จากเดือนก่อนหน้าที่ +6.0%
Opportunity Day
9 มิ.ย. : DRT APCO TSC A TKT
10 มิ.ย. : ADVANC JUBILE ARROW TNP BTS
13 มิ.ย. : CENTEL EFORL IEC K
14 มิ.ย. : GUNKUL TPCH TACC WAVE FSMART
15 มิ.ย. : UREKA UAC MILL SCN SWC MBKET
16 มิ.ย. : CGH MOONG NWR ASN CI ANAN
Fundamental Stock :
INTUCH : Company Note (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 64 บาท)
Technical Pick:
กลยุทธ์ : SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 1460 จุด โดยที่หุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงมีความโดดเด่นต่อเนื่อง
PTT (PTT TB; THB 317.00) - ซื้อ
PTT Exploration & production (PTTEP TB; THB 83.25) - ซื้อ
SET Index : แนวโน้มขึ้นทดสอบ 1460 แนวรับสำคัญ 1425