- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 June 2016 17:56
- Hits: 1419
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
เริ่มพบแนวต้าน? แม้ราคาน้ำมันจะสามารถกลับมายืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล และเป็นการปรับตัวขึ้นมาเกือบ 1 เท่าตัวนับจากจุดต่ำสุดในช่วงต้นปี โดยเรามองว่าราคาน้ำมันที่ขึ้นในช่วงหลังเกิดจาก ด้าน Supply ที่ถูกรบกวนระยะสั้น (Supply Interruptions) ประกอบกับตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ล่าสุดที่ไม่ลดลงอีก ในช่วงหลัง หลังจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเรามองว่าที่ราคาน้ำมันมากกว่า 50-60 ดอลลาร์/บาร์เรล อาจไม่ sustain ในระยะสั้น
ด้านปัจจัยภายในประเทศมีไฮไลท์ คือ มติ พรบ. ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แม้จะช่วยให้รัฐมีรายได้เพิ่มจากปีละ 3 หมื่นล้านบาท เป็น 6.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งแม้ว่าจะกระทบภาพรวมเศรษฐกิจไม่มาก แต่อาจรบกวน Semtiment ของกลุ่มอสังหาฯ ในระยะสั้น
ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะสั้น กรณี Brexit เริ่มสร้างความกังวลให้กับตลาด สะท้อนจากตลาดเงินในยุโรป ที่พันธบัตร 10 ปีของเยอรมันลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงต้นปี และเป็นจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.04-0.05%
ส่วนทางด้านประเด็น Fund Flow คาดได้ยังรับปัจจัยบวกภายใต้แรงซื้อสุทธิต่างชาติ และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มต่อเนื่อง เป็นกว่า 25,000 ล้านบาท แนะจับตาหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่เอกชนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้น ล่าสุดสหพัฒน์ฯ ระบุเศรษฐกิจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดดีขึ้นตามลำดับ รวมถึงกำลังการซื้อในประเทศ
พร้อมแนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดอ่อนค่าลงเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ซึ่งส่งผล (+) ต่อราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่ค่าเงินบาทล่าสุด อยู่ที่ 35.28 – 35.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(2) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(3) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น ANAN, AP และ SPALI
(4) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SEAFCO และ SYNTEC
SET SET50 SET100
1,442.42 -1.00 921.02 +0.12 2,058.41 -0.43
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +17.95, NASDAQ -6.96, S&P +2.72, FTSE +52.48, CAC +1.60 และ DAX +166.60
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 และเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา รวมถึงการแสดงมุมมองเศรษฐกิจในด้านบวกของนางเจเน็ต เยลเลน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพร่วงลงอย่างหนัก
ด้านตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้น โดยนอหเหนือจากแรงบวกจากราคาน้ำมัน นักลงทุนให้น้ำหนัก กับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ มากกว่าประเด็นการขึ้นดอกเบี้ย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 8 เดือน โดยได้รับแรงหนุน จากการที่ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเข้าใกล้จุดต่ำสุดรอบ 1 เดือน และจากการดิ่งลงของปริมาณการผลิต น้ำมันในไนจีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโจมตีอุตสาหกรรมน้ำมัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,247.00 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ โดย นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยจาก FED
(+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +1,790 ล้านบาท สะสม YTD +26,865 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.84 1.85 3.31
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 45,946.78
สถาบัน 169.65
บัญชีหลักทรัพย์ 292.83
ต่างประเทศ 1,790.38
ในประเทศ -2,252.86
ประเด็นที่ต้องติดตาม 8 - 10 มิ.ย. 2559
8/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
สต็อกน้ำมัน
9/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
สต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย.
10/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมิ.ย.
งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนพ.ค.
(5) กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น เช่น IRPC และ TOP ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(7) กลุ่มการแพทย์ ที่มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เช่น BDMS
(8) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(9) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT, BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.01 อยู่ที่ 1.71% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.4 อยู่ที่ 14.05
หุ้นแนะนำ : EGCO
นักวิเคราะห์ : พลเทพ วงษ์นาค โทร.02-684-8796