- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 08 June 2016 17:47
- Hits: 571
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Technical Daily
ภาพตลาดวันวาน
ดัชนีแกว่งตัวทิศทางผันผวน เปิดตลาดในแดนบวก แกว่งตัวแคบ ๆ ด้วยการทำจุดสูงสุดที่ 1450.28 จุด เพิ่มขึ้น 6.86 จุด โดยได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน แบงก์และวัสดุก่อสร้างนำโดย SCB, TASCO, PTTEP, PTT ก่อนที่ภาคบ่ายเจอแรงขายหุ้นจากกลุ่มสื่อสาร ขนส่งและอาหารกดดัชนีไหลลงเข้าสู่แดนลบ ทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1440.23 จุด ลดลง 3.19 จุด ทำให้มีกรอบการเคลื่อนไหวทั้งวันที่ 10.05 จุด ก่อนที่ดัชนีจะทำปิดที่ 1442.42 จุด ลดลง 1.00 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 45,947 ล้านบาท
ภาพตลาดวันนี้
ดัชนีวานนี้แสดงอาการชะลอตัวหลังจากขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1450 จุด ด้วยการไหลลงมาทำจุดต่ำสุดที่ 1440 จุด และทำปิดใกล้จุดต่ำสุดของวัน ทำให้กราฟแท่งเทียนที่แสดงมีรูปแบบในเชิงลบที่เรียกว่า Bearish Engulfing และอยู่บริเวณ Peak Zone อีกทั้งสัญญาณที่ Overbought ทำให้แนวโน้มของดัชนีน่าจะเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน โดยมีแนวรับ 1435-1430 จุด และแนวต้าน 1450-1455 // 1460 จุด
กลยุทธ์ : แกว่งตัวผันผวน-ดัชนีเดินหน้าต่อเน้นขาย
Support 1420 // 1400 // 1380 จุด Resistance 1440 // 1455-1460 จุด
พรรณนภา เขมะสุรัตน์ Technical Analyst
เลขทะเบียน : 060110 Tel 02- 6481124
Email: [email protected]
บล.เคทีบี (ประเทศไทย) : Morning Bell
Morning Bell (08-JUN-16)
By KTBST
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) มองทิศทางตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (8มิ.ย.59) ว่า ปัจจัยในต่างประเทศ ที่สำคัญๆ คงเป็นโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed นั้นถูกขยับไปเป็นเดือน พ.ย.แล้ว คาดว่าส่วนหนึ่งมาจาก ผลสำรวจ BRExit ที่พุ่งขึ้นไปที่ 45% และปัจจัยภายนอกที่ยังไม่เอื้อ การชะลอการขึ้นดอกเบี้ย จึงอาจไม่เป็นบวกกับตลาดหุ้น เพราะถูกมองว่าตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินดอลล่าร์ยังคงอ่อนค่า หนุนให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น เป็นปัจจัยเฉพาะกลุ่ม
ด้านปัจจัยบวกของตลาด วันนี้ จะเป็น GDP q1 ของญี่ปุ่นและอียู ก็ออกมาดีกว่าตัวเลขก่อนหน้านี้ และตลาดจับตามองตัวเลขส่งออกของจีน ที่จะรายงานเช้านี้ (คาด -4.0% YoY ; เดือนก่อน -1.8%) ซึ่งจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยด้วย ด้วยปัจจัยตลาดที่ผสมผสานทั้งฝั่งบวกและลบ จะทำให้ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวและแกว่งในกรอบแคบๆ ปัจจัยที่จะมีผลต่อการซื้อขายในระหว่างวัน ได้แก่ การตอบรับของนักลงทุนต่อตัวเลขส่งออกของจีน ทิศทางราคาน้ำมันหลังมีแนวโน้มที่ภาวะ oversupply จะจบเร็วกว่าที่เคยคาด (เป็นบวก) และ ECB จะเริ่มเข้าซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนวันนี้เป็นวันแรก
สำหับกลยุทธ์การลงทุน จากดัชนีฯที่ขึ้นมาแรงและมีข่าวลบเข้ามากวนตลาด อาจเกิดแรงขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามาในตลาด แต่ถึงกระนั้น สัญญาณบวกอย่างหนึ่งของตลาด คือ Fund Flow ที่ยังคงมีเข้ามาในตลาดเอเซีย ทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงก็จะไม่มากนัก โดยเรามอง่ว่าเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อหุ้นในจังกวะที่ราคาอ่อนตัวลงมา เพียงแต่ตัวเลือกจะไม่มากนัก เพราะหุ้นที่เป็นเป้าของนักลงทุนสถาบันที่ราคาหุ้นยังไม่แพง มีจำนวนที่น้อยลง หุ้นที่เราคาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในวันนี้ ได้แก่ CPALL , PTTEP
Stock in Focus
AMATA–: (ราคาปิด 12.70 บาท; ราคาที่เหมาะสมจาก IAA Consensus 16.73 บาท) AMATA มีแผนทบทวนเป้ารายได้และกำไรปีนี้ในช่วง Q3/59 จากเดิมที่คาดว่าจะโตไม่เกิน 10% และกำไรสุทธิน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1,216 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานงวด Q1/59 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.27 ล้านบาท ลดลง 40% YoY เป็นผลจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง 62% YoY แม้ว่าผลการดำเนินงานจากค่าสาธารณูปโภคยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง (+40%YoY) ... บริษัทฯคาดยอดขายที่ดินปีนี้อยู่ที่ 900-1,000 ไร่ จากปัจจุบันมียอดขายที่ดินอยู่ที่ 250 ไร่ โดยในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะเป็นช่วงที่จะสามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งจะช่วยหนุนให้ทั้งปีมียอดขายที่ดินได้ตามเป้า ปัจจุบันบริษัทฯมี Backlog อยู่ที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 50% โดยมีสัดส่วนมาจากการขายที่ดิน 40% และสาธารณูปโภค 50% บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย หากการเจรจาสำเร็จ คาดว่าจะสามารถโอนและรับรู้รายได้ที่ดินจำนวน 100 ไร่ ได้ใน Q2/59 และยังเห็นสัญญาณการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีนและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามการลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ยังคงรอดูความชัดเจนของนโยบายจากภาครัฐซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของการลงทุน ขณะนี้ AMATA ได้รับความสนใจจากศรีลังกา ให้เข้าไปลงทุนตั้งนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลศรีลังกาได้จัดพื้นที่ใกล้กับกรุงโคลัมโบ เมืองหลวงของศรีลังหา โดยเตรียมระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานรองรับไว้แล้ว...คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยอย่าง AMATAV ที่เข้าไปลงทุนด้านอุตสาหกรรมในเวียดนามที่มีศักยภาพสูง น่าจะช่วยหนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯให้โตตามไปด้วย
ปัจจัยตลาด : ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (07 มิ.ย.) – SET Index ปิดตัวลงที่ 1,442.42 จุด ลดลง 1.00 จุด หรือ -0.07% มูลค่าการซื้อขาย 45,946.78 ล้านบาท คาดตลาดฯเจอแรงขายทำกำไรหลังตลาดฯปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นต่างประเทศ – ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,938.28 จุด เพิ่มขึ้น 17.95 จุด หรือ +0.10%ตลาดฯได้แรงหนุนจากการแสดงความเห็นในด้านบวกของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯและราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามการขึ้นมีกรอบจำกัดจากแรงเทขายหุ้นกลุ่มแบงก์ ด้าน Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น +1.12% ปิดที่ 346.26 จุด
ราคาน้ำมันดิบ WTI (JUN) – สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ +1.4% ปิดที่ 50.36 ดอลลาร์/บาร์เรล จากแรงหนุนการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
เศรษฐกิจโลก- เวิลด์แบงก์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ เนื่องจากการค้าและการลงทุนชะลอตัวลง หรับลด GDP ทั่วโลกลง จาก 2.9% เหลือ 2.4% ในปีนี้
เศรษฐกิจไทย –คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คงประมาณการเศรษฐกิจไทย ‘59 ที่ 3.0-3.5%
กลุ่มพลังงาน – ครม.มีมติเห็นชอบให้ร่างกฎหมายปิโตรเลียม โดยขั้นตอนต่อไปจะส่งให้ สนช. พิจารณา คาดจะแล้วเสร็จภายใน 4 เดือนข้างหน้า
กลุ่มอสังหาฯ – ครม.มีมติวานนี้ให้ร่างกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ โดยคาดบังคับใช้ในปี 2560 เว้นภาษีบ้านอยู่อาศัยมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนบ้านหลังที่สองเก็บตั้งแต่ล้านแรก อัตรา 0.03-0.3%
กลุ่มรับเหมาฯ – รมว.คมนาคม ปรับแผนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม 20 ปี เร่งลงทุนต่อเนื่องตามแผนระยะ 2 ช่วงปี 2560-2564 ทั้งรถไฟฟ้าและทางคู่ มอเตอร์เวย์ ท่าเรือน้ำลึก ทางด่วน งบประมาณ ปี 61 ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท และคาดเสนอโครงการทางคู่มาบกะเบา-จิระ 2.96 หมื่นลบ.เข้าครม. 1-2 สัปดาห์นี้ ประมูลก่อนสิ้นปี