- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 July 2014 17:22
- Hits: 2419
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“ซื้อ/ถือต่อเมื่อเหนือ SMA10”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ภาพตลาดวันก่อน : # วันศุกร์อ่อนตัว...แต่ไม่มาก ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงไปต่ำสุดที่ 1523.53 (-12.13 จุด) ปัจจัยกดดันหลัก คือ ข่าวการเลื่อนเปิดประมูล 4G ออกไป 1 ปี ทำให้มีแรงเทขายหุ้นใหญ่ในกลุ่มสื่อสารอย่างแรง ส่วนเรื่องเครื่องบินมาเลเซียถูกยิงตกกระทบไม่มาก เพราะแรงซื้อหุ้นพลังงานอย่าง PTTEP และ PTT เข้ามาช่วยพยุงไว้ รวมทั้งแรงซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กเข้ามาเสริมด้วย ปิดตลาด SET -2.25 จุด ปิดที่ 1533.41 นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิสูงถึง 4 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มที่เหลือเป็นซื้อสุทธิ
ปัจจัยและกลยุทธ์ : # ปัจจัยภายนอกที่ติดตามสัปดาห์นี้ คือ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งหากยังปรับขึ้นและเหนือระดับเงินเฟ้อเป้าหมายระยะยาวที่ 2.0% ก็อาจทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ (คือ ไตรมาส 3/58) รวมทั้งประธานเฟดบางสาขาก็กำลังกดดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าแผนเดิมด้วย
# การการเลื่อนประมูล 4G ส่งผลกระทบต่อ Sentiment การลงทุนในกลุ่มผู้ประกอบการมือถือ เช่น ADVANC, DTAC, TRUE, INTUCH (~90% ของNAV มาจาก ADVANC) แต่ราคาหุ้นที่ลดลงทำให้ Dividend Yield สูงขึ้น ในเชิงกลยุทธ์ เน้นทยอยซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว
# เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว บอร์ด BOI อนุมัติลงทุนอีก 5.1 หมื่นล้านบาท (โดยหลักเป็นโครงการอีโคคาร์เฟส 2 และพลังงานไฟฟฟ้า) นับเป็นข่าวดีกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เช่น รับเหมาก่อสร้าง, วัสดุก่อสร้าง, นิคมอุตสาหกรรม และธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่เน้นลูกค้า Corporate & SME (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านใน)
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1520 จุด ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 วันของ SET Index มีแนวเด้ง 1500+/- จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1540-1550 จุด ทั้งนี้ในระยะสั้นมากควรระวังการแกว่งให้มากขึ้น สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น SYNTEC
Fundamental Pick
SYNTEC แนะนำซื้อราคาปิด 2.16 บาท เป้าหมาย 2.52 บาท
# คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 เติบโตก้าวกระโดดถึง 171% y-o-y เพราะอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวชัดเจน ในช่วง 2Q57 บริษัทได้งานใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 3 พันล้านบาท ส่งผลให้งานในมือ(Backlog) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของงานในมือสูงถึง 12-15% ทาง DBS จึงปรับประมาณการกำไรปี 57-58 เพิ่มขึ้น 6% และ 28%ตามลำดับ สำหรับกำไรหลักทั้งปี 57 คาดว่าจะขยายตัวก้าวกระโดด 48% และปี 58 เติบโตต่ออีก 26%
# แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 2.52 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 11 เท่า จุดเด่นของ SYNTECนอกเหนือการเติบโตของกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งมากในปี 57-58 คือ มีโอกาสได้งานก่อสร้างอีกมากและถือ BMCL ที่ต้นทุนต่ำ (ปัจจุบันถืออยู่ 305 ล้านหุ้น ต้นทุนเฉลี่ย 1.07 บาท/หุ้น ซึ่งราคาBMCL ได้ปรับขึ้นมาก ณ สิ้น 2Q57 คาดว่า SYNTEC จะมี Unrealized gain จาก BMCLประมาณ 95 ล้านบาท หรือ 0.06 บาท/หุ้น SYNTEC แต่กำไรส่วนนี้จะบันทึกไว้ในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล)
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต้นเดือนก.ค.ลดลง
# ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในช่วงต้นเดือนก.ค.นั้น ลดลงสู่ระดับ 81.3 จากช่วงท้ายเดือนมิ.ย.ที่ 82.5 ขณะที่ผู้บริโภคในสหรัฐวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตมากขึ้นรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ออกมาล่าสุดนี้อยู่สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 83.0
• ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นแรง…สัปดาห์นี้จับตาตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,100.18 จุด พุ่งขึ้น 123.37 จุด หรือ +0.73% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,432.15 จุด เพิ่มขึ้น 68.70 จุด หรือ +1.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,978.22จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +1.03% ปัจจัยหนุน คือ แรงซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนายแลร์รี เพจ ซีอีโอของกูเกิลได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่บนบริการโทรศัพท์มือถือ วีดิโอ และเว็บ เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานในด้านการตลาด และเพื่อเสริมฐานธุรกิจของกูเกิลให้แข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งการซื้อกลับหุ้นกลุ่มสายการบิน
# ปัจจัยจับตา คือ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ รวมถึงเครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน
• สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลงจากแรงขายทำกำไร
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับตัวลง 6 เซนต์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 65 เซนต์ ปิดที่107.24 ดอลลาร์/บาร์เรล...จะเห็นได้ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงน้อยกว่า BRENT เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในสัปดาห์ก่อนร่วงลงมากว่าคาด
- สัญญาทองคำ COMEX อ่อนลงแต่ยังเหนือ1300 ดอลลาร์/ออนซ์
# สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ 18 ก.ค.57 เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากความตื่นตระหนักเกี่ยวกับข่าวเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถูกยิงตกในยูเครน ปิดตลาดสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 7.5ดอลลาร์ หรือ 0.57% ที่ 1309.4 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• สภาพัฒน์ฯ มองเศรษฐกิจไทย 2H57ขยายตัวสูง...ประกาศประมาณการรอบใหม่18 ส.ค.นี้
# สภาพัฒน์ฯ จะประกาศประมาณตัวเลขเศรษฐกิจไทยปี 57-58 รอบใหม่วันที่ 18 ส.ค.นี้ โดยขณะนี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ผ่านการบริโภคภายในประเทศ และการขับเคลื่อนการลงทุนของภาคเอกชน จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 1.2 ล้านล้านบาท จากวงเงินเดิม 2 ล้านล้านบาท เนื่องจากบางโครงการลงทุนสามารถเดินหน้าได้ทันที เช่น รถไฟทางคู่ การก่อสร้างรถไฟฟ้า เป็นต้น
# แต่...สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วง คือการส่งออกที่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเนื่องจากราคาสินค้าเกษตรยังไม่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการพัฒนาแข่งกับต่างประเทศไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องติดตามการส่งออกในครึ่งปีหลัง หากสามารถเติบโตได้อย่างน้อยร้อยละ 6-7 ต่อเดือน มีโอกาสที่การส่งออกในปีจะเติบโต 3-5 % จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีนี้เติบโตได้ 2.5% หรืออยู่ในกรอบ 1.5-2.5%
- กลุ่มสื่อสาร : ซิมไม่ดับ แต่ RegulatoryCost ผู้ประกอบการยังคงสูง กลยุทธ์ คือทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนรับปันผลสูงในDTAC, ADVANC และ INTUCH ส่วน TRUEเป็น Not Rated
# กสทช.ยืนยันซิมไม่ดับ กสทช.กล่าวว่าจะเปิดประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz และ 900MHz ได้ในเดือนก.ค.58 (ซึ่งเดิมจะเปิดประมูลในเดือนส.ค.57 และพ.ย.57 ตามลำดับ) สำหรับคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่สิ้นสุดอายุสัมปทานไปแล้วและกำลังสิ้นสุดระยะเวลาคุ้มครองผู้ใช้บริการบนคลื่น 1800 MHz ของ TRUEMove และ Digital Phone ในวันที่ 15 ก.ย.57 จะมีการขยายระยะเวลาคุ้มครองฯ จนกว่าจะจัดสรรคลื่นความถี่แล้วเสร็จ ดังนั้นจะไม่มีซิมดับแน่นอน
# ต้นทุนการดำเนินงานที่เป็น Regulatory Cost ของผู้ประกอบการจะสูง เมื่อลูกค้าอยู่ในระบบเดิมเป็นสัดส่วนที่มาก เพราะต้องจ่ายส่วนแบ่งกำไรที่สูง 20-25% (ถ้าย้ายไป 3G ต้นทุนจะลดลงเหลือประมาณ 5.75%) นักวิเคราะห์ของ DBS แนะนำถือ ADVANC โดยให้ราคาพื้นฐาน240 บาท และแนะนำถือ DTAC ราคาพื้นฐาน 116 บาท
# สรุปการวิเคราะห์เป็นรายบริษัท
• TRUE : ความจริง TRUE คลื่น 1800 MHz จะหมดอายุก่อนรายอื่น คือ 15 ก.ย.57 และมีลูกค้าที่ยังใช้บริการ 8-9 ล้านราย แต่จะมีการขยายอายุใบอนุญาตชั่วคราวออกไปก่อน หรือTRUE อาจใช้วิธีรีบย้ายลูกค้าไป 3G ซึ่งคือคลื่น 850/2100 MHz เพราะได้ผลตอบแทนสุทธิเมื่อหัก Regulatory Cost มากกว่า ความกังวลจึงน้อย และข้อดีที่เกิดกับ TRUE คือ ยิ่งความล่าช้าในการประมูลเกิดขึ้นมากเท่าไร TRUE จะได้ประโยชน์ เพราะมีโอกาสที่จะสามารถพัฒนา 4G ได้ไกลกว่าคู่แข่งโดยจับมือกับพันธมิตร คือ China MobileInternational และเมื่อเพิ่มทุนสำเร็จก็จะมีต้นทุนทางการเงินลดลงด้วย คำแนะนำการลงทุน Not Rated แต่เรามีมุมมองที่ดีขึ้นอย่างมากกับ TRUE
• ADVANC : มีความเสี่ยงมากที่สุดจากการที่คลื่น 900 MHz จะหมดอายุในวันที่ 30 ก.ย.58แม้จะเหลือเวลาอีกถึง 1 ปีเศษ แต่การที่ ADVANC มีฐานลูกค้าใหญ่ที่สุด รวมทั้งมีลูกค้าเหลือให้ระบบ 2G เดิมอยู่สูง คือ ราวครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่กลับมีคลื่นความถี่รองรับเหลือน้อยที่สุด คือ คลื่น 2100 MHz และอีกประการหนึ่งที่เป็นข้อจำกัด คือ การขยับขยายไปยัง4G ทำได้ช้ากว่า TRUE ทาง DBS แนะนำเพียงถือ ให้ราคาพื้นฐานเป็น 240 บาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาที่ 215 บาท มีส่วนเพิ่ม (Upside) 12% และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 57 ที่ 6.1%
• DTAC: ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากการเลื่อนเปิดประมูล 4G เพราะคลื่น 2G ของบริษัทจะหมดอายุปี 61 ซึ่งช้ากว่ารายอื่น แต่การที่ DTAC มีคลื่น 1800 MHz อยู่แล้ว จึงมีความไม่แน่นอนว่าเมื่อมีการเปิดประมูลแล้ว ทางบริษัทจะติดปัญหาด้านคุณสมบัติเกี่ยวกับสัดส่วนของผู้ถือหุ้นต่างด้าวหรือไม่ และแม้ว่า DTAC จะมีคลื่น 1800 MHz ก็จะทำ 4G ได้ยาก เพราะต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ 30% ส่วน 4G ที่ทำอยู่ในปัจจุบันที่คลื่น 2100 MHz บน5 MHz นั้นมีประสิทธิภาพน้อย ฝ่ายวิจัยฯ DBS แนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 116 บาทคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 57 เท่ากับ 5.8%
# Dividend Yield น่าจูงใจ ราคาหุ้น ADVANC, DTAC และ INTUCH ที่อ่อนตัวลงแรงเพราะกังวลกับผลกระทบเรื่องการเลื่อนเปิดประมูล 4G นั้นเริ่มน่าจูงใจ โดยเฉพาะในเรื่องอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งขยับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 6% ในปี 57-58 และล่าสุดทาง DTACได้ประกาศจ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการงวด 2Q57 เท่ากับ 1.58 บาท/หุ้น กำหนด XD 30ก.ค.57 คิดเป็น 126% ของกำไรสุทธิต่อหุ้นใน 2Q57 และให้ Yield สำหรับไตรมาสนี้ 1.45% ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการทั้งปี 57 ที่ทาง DBS ทำไว้
กลยุทธ์ : ทยอยซื้อเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาว ในจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว Supply chain ของสองกลุ่มข้างต้น ส่วนการลงทุนภาครัฐจะทยอยเข้ามาในช่วง 4Q57 และเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 1Q58 เป็นต้นไป ดังนั้นเรายังคงมุมมองทางบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวกับการลงทุน เช่นรับเหมาก่อสร้าง (หุ้นเด่น CK, STEC), วัสดุก่อสร้าง (หุ้นเด่น SCC), นิคมอุตสาหกรรม (หุ้นเด่น AMATA, ROJNA) และแบงค์ใหญ่ (หุ้นเด่น BBL, KTB, KBANK)
THAI : แผนฟื้นฟูกิจการ 2 ช่วง...คาด 3Q-4Q58 จึงจะพ้นสภาพขาดทุน เรายังคงคำแนะนำขาย โดยหุ้นที่เราชอบในกลุ่มการบินเป็น AOT (ราคาพื้นฐาน 237 บาท)
# พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บมจ.การบินไทย (THAI)กล่าวว่าที่ประชุมบอร์ดพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ
1.ช่วงวิกฤต คือ ระหว่างปี 2557-2558 เป็นการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และลดรายจ่ายประมาณ 4,000 ล้านบาทพร้อมกันนี้จะเร่งลดรายจ่ายด้านบุคลากร ค่าล่วงเวลา และอื่นๆ ทั้งนี้บอร์ดขอให้มีการกลับไปทบทวนอีกครั้ง เพื่อนำรายละเอียดนำกลับมาเสนอใหม่อีกครั้งภายในการประชุมบอร์ดครั้งหน้า ในวันที่ 24 ก.ค.57
2.ช่วงตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป ซึ่งระยะนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับการปรับโครงสร้าง และอัตรากำลัง โดยเรื่องการปรับลดพนักงานจะเน้นกับผู้ที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากกว่า ส่วนพนักงานระดับล่างยังจำเป็น
# ส่วนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ คาดว่าจะยังติดลบต่อเนื่อง จากไตรมาส1 และ 2 ที่ติดลบเช่นกัน โดยคาดว่าจะติดลบมากกว่า 100 ล้านบาทอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นเท่าไรต้องผ่านแผนฟื้นฟูก่อน ทั้งนี้คาดว่าในช่วงไตรมาส 2 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ปี 58 บริษัทจะพ้นสภาพขาดทุนแน่นอน
# เรายังคงแนะนำขาย THAI โดยมองว่าการฟื้นฟูฯต้องใช้เวลาและบริษัทยังต้องประสบผลขาดทุนจากการดำเนินงานไปอีกหลายไตรมาส ดังนั้นในช่วงนี้จึงให้น้ำหนักการลงทุนไปยังAOT (ราคาพื้นฐาน DBS 237 บาท) ซึ่งเป็นหุ้น Top Pick ในกลุ่มสายการบินของ DBS
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829
[email protected]