- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 07 June 2016 17:20
- Hits: 758
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ส่วนที่ซื้อแล้วยังถือต่อได้ แต่ถ้าจะซื้อใหม่น่ารอซื้อช่วงลบต่อไป...
ตลาดหุ้นวานนี้ : แม้ SET ยังขยับบวกต่อได้อีก หลังตัวเลขการจ้างงานฯ ของสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนยังมีความหวังว่าเฟดจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่ก็มีแรงขายกดดันช่วงบวก ทำให้ดัชนีแกว่งผันผวน เพราะยังมีความไม่แน่นอน และขาดปัจจัยบวกเพิ่มเติม
แนวโน้มวันนี้ : คาดว่า SET ยังมีความเสี่ยงกับการที่จะปรับพักตัวลงได้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีรีบาวด์กลับขึ้นมาค่อนข้างแรงและเร็วพอควร ถึงแม้ว่าเช้านี้จะได้รับแรงหนุนจากบรรยากาศการลงทุนที่ดีในต่างประเทศ เนื่องจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ยังแสดงความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และการขยับขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกอีกกว่า 2% จากรายงานเหตุการณ์การโจมตีท่อส่งน้ำมันในประเทศไนจีเรียและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ แต่ตลาดหุ้นเอเชียยังเปิดบวกค่อนข้างแคบ และผันผวนจากความกังวลเรื่องดอกเบี้ย ทำให้ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรกดดัน
กลยุทธ์ : FSS จึงยังแนะนำให้รอซื้อช่วงตลาดอ่อนตัวลงตามคาดเดิมไว้ก่อนดีกว่า แต่ส่วนที่ซื้อแล้วยังเน้นถือต่อเนื่องได้ เพื่อรอลุ้นทำกำไรในรอบบวกใหญ่ ซึ่งเราประเมินเป้าหมายดัชนีไว้แถว 1500 จุด
แนวรับ 1440-1436, 1430-1426 จุด
แนวต้าน 1445-1446 , 1450-1452 จุด
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TWPC, CHEWA, TU(buy back)
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$230 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$168 ล้าน และอินโดนีเซีย US$41 ล้าน ขณะที่ยังคงไหลเข้าไทยติดต่อกันเป็นวันที่ 3 อีก US$22 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังจากเมื่อคืนนี้ประธาน Fed ระบุถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่ายังมีความแข็งแกร่ง และไม่ได้กล่าวถึงเวลาของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) ตลาดหุ้นตอบรับคำแถลงของ Yellen เป็นบวก ถ้อยแถลงของนาง Yellen เมื่อคืนนี้ไม่ได้กังวลกับตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำผิดปกติในเดือน พ.ค. แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าหลัง Yellen ไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน ตลาดหุ้นตอบรับเป็นบวกจากคำกล่าวว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะไม่เร็วนัก แนวโน้ม Flow ยังมีทิศทางไหลเข้าเอเชีย หุ้นขนาดใหญ่ยังคง outperform กว่าหุ้นขนาดเล็ก
(0) ก.คลังชงภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเข้าครม.วันนี้ เรามองว่าผลกระทบเป็นบวกต่อผู้ประกอบการ เพราะการเก็บภาษีสำหรับที่ดินรกร้างว่างเปล่าที่จะเก็บสูงสุดไม่เกิน 5% จะช่วยให้เจ้าของที่ดินปล่อย supply เพิ่มมาในตลาด ช่วยลดแรงกดดันด้านราคาที่ดินที่ทุกวันนี้พุ่งขึ้นไปสูงมาก และที่ดินเป็นต้นทุนหลักของผู้ประกอบการ ประมาณ 30-40% ของต้นทุนทั้งหมด ส่วนการเก็บภาษีบ้านหลังที่ 2 หรือมากกว่านั้น (สูงสุดไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าที่ดิน) ไม่กระทบผู้ประกอบการ เพราะภาระตกอยู่ที่เจ้าของบ้านที่ปล่อยเช่า ทำให้ yield ลดลง อย่างไรก็ตาม เรามองว่าปัญหาหลักของผู้ประกอบการขณะนี้อยู่ที่กำลังซื้อที่หดหายและความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายที่ลดลง มากกว่าจะเป็นด้านต้นทุนที่เพิ่ม
(+) KSL แม้แนวโน้มกำไร 2Q16 ไม่สดใส แต่เรายังแนะนำเก็งกำไรตามราคาน้ำตาลที่ล่าสุดพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 18.75 เซนต์ต่อปอนด์ +25% YTD สูงสุดในรอบ 2 ปี และราคาหุ้นมีความสัมพันธ์กับราคาน้ำตาลสูงถึง 87% จากภาวะฝนตกในบราซิลทำให้การเก็บเกี่ยวล่าช้า ปริมาณอ้อยที่ลดลงมากในไทย และค่าเงินเรียลบราซิลกลับมาแข็งค่า สำหรับกำไรสุทธิ 2Q16 (ก.พ.-เม.ย.) เราคาด -47% Q-Q, -60.1% Y-Y ส่วนกำไรปกติ -57% Q-Q, -55% Y-Y เพราะธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอลซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูง ชะลอลง ส่วนกำไรทั้งปีนี้ที่เราคาด +57% Y-Y อาจมี downside เพราะภัยแล้งทำให้ปริมาณอ้อยลดลงมาก หากมีการแย่งซื้ออ้อยจะทำให้ต้นทุนการผลิตน้ำตาลสูงขึ้น และกระทบธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอลที่ใช้กากอ้อยและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบ เรายังคงราคาพื้นฐาน 4.60 บาท
(+) ASP เรายังคงคาดกำไรปีนี้ +9.5% Y-Y คงราคาเหมาะสมที่ 3.50 บาท แม้จะแนะนำเพียงถือเพราะ Upside ไม่มากพอ แต่ ASP เป็นบล.ที่โดดเด่นในด้านการกระจายรายได้ที่หลากหลายที่สุดในกลุ่ม จากการพึ่งพิงรายได้ค่านายหน้า 60% (บล.อื่นอยู่ที่ 70-80%) ที่เหลือมาจากรายได้ค่าธรรมเนียม 20% ในจำนวนนี้มาจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (หุ้นทุนและหุ้นกู้) ธุรกิจจัดการกองทุนรวมและส่วนบุคคล ขณะที่ธุรกิจการลงทุนในรูปแบบ Venture Capital ทำให้รายได้มีความมั่นคงกว่าบล.อื่น ราคาหุ้นจึงไม่ค่อยผันผวนตามมูลค่าการซื้อขายนัก และ ASP ยังเป็นหุ้นที่ให้ Dividend yield สูง เราคาดการณ์ราว 7.7% ต่อปี
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้หลังประธาน FED กล่าวว่ายังมีมุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯแม้ตัวเลขการจ้างงานจะออกมาต่ำผิดคาด แต่ยังไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดในแดนบวกได้เล็กน้อยตามตลาดหุ้นเอเชียที่แกว่งตัวผันผวน รวมถึงรอดูถ้อยคำแถลงของประธาน FED
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ปรับตัวค่อนมาในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯโดยตอบรับในเชิงบวกจากถ้อยคำแถลงของประธาน FED
(+) ค่าเงินบาทยังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.20-35.31 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ค. พุ่งขึ้น 1.07 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 49.69 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีข่าวว่าการโจมตีท่อส่งน้ำมันในไนจีเรียส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้กลุ่มโรงกลั่นมีการสต๊อกน้ำมันมากขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 4.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,247.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังถ้อยคำแถลงของประธาน FED เมื่อคืนไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ย แต่ยังคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
8 มิ.ย. - จีน: ดุลการค้า (พ.ค.) (ตลาดคาดส่งออก -4.2% Y-Y แย่ลงจาก เม.ย. ที่ -1.8% Y-Y)
- ญี่ปุ่น: 1Q16 GDP (ตลาดคาด +0.5% Q-Q ดีขึ้นจาก 4Q15 ที่ +0.4% Q-Q)
9 มิ.ย. - ไทย: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ค.)
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (พ.ค.)
- เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- สหรัฐ: ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
10 มิ.ย. - ตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน ปิดเนื่องในเทศกาลบ๊ะจ่างและ Dragon Boat
12 มิ.ย. - จีน: ยอดค้าปลีก (พ.ค.)
14-15 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch