- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 June 2016 17:57
- Hits: 1453
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อ/ถือค่าบวก...ทยอยขายเมื่อถึงเป้าหมาย'
Stock Picks- Jun 2016 : Fundamental : CPALL, CPN, IVL, JASIF, LPH
Dark Horse : GLOBAL.
Fundamental Pick -Today: PTTGC
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev :PTTEP 15%
Technical View ภาพตลาดเป็นบวก แต่ควรระวังการแกว่งตัว
Support Resistance Stop Loss
SET 1400, 1380 1440-1450 หลุด 1415
SET50 900,880 930-940 หลุด 905
Technical Picks - Today KTB, SCC, ANAN, EASTW, KAMART, VIH, PTTGC, GLOBAL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดเงินและตลาดหุ้นสหรัฐตอบรับตัวเลขภาคแรงงานเดือนพ.ค.ที่เพิ่มน้อยกว่าคาด (ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.เพิ่มเพียง 3.8 หมื่นตำแหน่งจากที่คาดการณ์ 1.62 แสนตำแหน่ง) ทำให้ Probability ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางมิ.ย.นี้เหลือน้อยมาก และโอกาสในการประชุมช่วงที่เหลือของปีนี้ลดลงด้วยเช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนมีการ Take profit ทั้งในตลาดเงินและตลาดหุ้น ซึ่งนักลงทุนได้เข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ และหุ้นกลุ่มการเงิน & ประกันดักไว้ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามการอ่อนตัวไม่รุนแรงมาก เพราะหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีและสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินยังต่ำมาก/ติดลบ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบสามารถทรงตัวในพื้นที่ 50+/- ดอลลาร์สหรัฐได้อยู่แม้จะมีการแกว่งตัวเมื่อปรับขึ้นมาถึงพื้นที่ดังกล่าว สำหรับสินทรัพย์ที่ได้อานิสงค์ในระยะสั้น คือ ทองคำ ซึ่งพุ่งขึ้นแรงถึง 2.5% ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
เราคาดว่าตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยมีสิทธิแกว่ง/อ่อนในช่วงต้นสัปดาห์ โดยมีแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 1415 จุด สำหรับกลุ่มที่คาดว่าจะคึกคักขึ้นคือ รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง เนื่องจากอาจจะมีการขายซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ชมพู เหลืองในเดือนมิ.ย.นี้ หุ้นเด่นเป็น CK, SEAFCO, SCC เป็นต้น กลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2H59 ทั้งจาก M&A และผ่านพ้นการปิดซ่อมบำรุงโรงงานไปแล้ว หุ้นเด่นเป็น IVL, PTTGC สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น PTTGC
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวก แนวต้านระยะสั้น 1450-1450, 1460 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบ หรือต่ำกว่า 1415 จุด การอ่อนตัวจะมีแนวรับเก็งกำไร 1400, 1380-1370 จุด กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวกและไม่ควรหวัง Gap มาก และควรพิจารณา Take Profit หุ้นที่ราคาถึงเป้าหมายแล้ว
การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดีและมีโอกาสปรับขึ้น พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ KAMART, LH, SYNEX, EASTW, VGI ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ RATCH, BEM, WORK, QH, SENA, CENTEL หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ GLOBAL, SIRI, SCN, AAV, VIH หุ้นที่หลุด List เป็น TNH
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
• ยูโรโซน : ดัชนี PMI รวมภาคผลิตบริการเดือนพ.ค.ขยับขึ้นเป็น 53.1มาร์กิต อิโคโนมิคส์ เปิดเผยว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการของยูโรโซนอยู่ที่ 53.1 ในเดือนพ.ค. ดีกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 52.9 และตัวเลขเดือนเม.ย.ที่ 53.0 อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวของภาคผลิตและบริการในไตรมาส 2/59 ต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา
สหรัฐ : ตัวเลขจ้างงานพ.ค.แย่กว่าคาดกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพ.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่ง ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลง 0.3% สู่ระดับ 4.7% หลังจากอยู่ที่ 5.0% ในเดือนเม.ย. ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ4.9%
สหรัฐ : กระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอ่อนลงนักวิเคราะห์มองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เฟดจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้ และโอกาสที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยปลายเดือนก.ค.ก็อ่อนลงจากที่มีการคาดการณ์กันไว้ โดยโอกาสความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.สู่ระดับ4% จากเดิมที่ 21%, ส่วนเดือนก.ค.ปรับลดลงสู่ 38% จากระดับ 58%, เดือนก.ย. 49% จาก 66%, เดือนพ.ย. 52% จาก68% และเดือนธ.ค. 68% จาก 79%
สหรัฐ : จับตาสุนทรพจน์ประธานเฟด 6 มิ.ย.นี้ตลาดต่างจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในวันที่ 6 มิ.ย. ซึ่งจะแสดงมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และนโยบายอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานสหรัฐต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี
สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเพิ่มขึ้นดีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนเม.ย. โดยเพิ่มขึ้น1.9% จากมี.ค.ที่เพิ่ม 1.7% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้
สหรัฐ : เดือนเม.ย.ขาดดุลดารค้าเพิ่มขึ้นกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานด้วยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.3% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 3.74 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.13 หมื่นล้านดอลลาร์ทั้งนี้ตัวเลขการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 2.5% สู่ระดับ 1.201 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. ขณะที่ตัวเลขการส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 1.828 แสนล้านดอลลาร์ ตัวเลขการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 2.4% สู่ระดับ 1.789 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.
สหรัฐ : ภาคบริการพ.ค.เพิ่มน้อยกว่าคาดผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 52.9 ในเดือนพ.ค.ลดลงจากระดับ 55.7 ในเดือนเม.ย. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 55.5 ในเดือนพ.ค.
• ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนลงแต่ไม่มาก...สะท้อนตัวเลขจ้างงานพ.ค.เพิ่มน้อยกว่าคาดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 31.50 จุด หรือ -0.18% ดัชนี S&P500 ปิดลดลง 6.13 จุด หรือ -0.29% และดัชนี NASDAQ ปิดลดลง 28.84 จุด หรือ -0.58% เนื่องจากผิดหวังตัวเลขภาคแรงงาน หุ้นกลุ่มการเงินและประกันร่วงลงเพราะแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรจะน้อยถ้าดอกเบี้ยยังต่ำ แต่ได้รับการชดเชยจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และวัตถุดิบ รวมถึงหุ้นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการดำเนินงานในต่างประเทศ เนื่องจากความหวังที่ว่าดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะทำให้กำไรในต่างประเทศปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคก็ได้อานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ
-/• สัญญาน้ำมันดิบอ่อนลงราว 1% ในวันศุกร์สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ปรับตัวลง 55 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 48.62 ดอลลาร์/บาร์เรล สำหรับตลอดสัปดาห์ราคาร่วงลงไป 1.4% หลังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ ส่วน BRENT ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.8%ปิดที่ 49.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ทั้งสัปดาห์สัญญาปรับตัวลง 0.6% ทั้งนี้เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 9 แท่นในสัปดาห์ก่อนสู่ระดับ 325 แท่น ขณะที่จำนวนแท่นขุดเจาะทั้งหมดที่รวมทั้งน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 4 แท่น มาอยู่ที่ 408 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
- ค่าเงินดอลลาร์อ่อนหลังผิดหวังตัวเลขจ้างงาน & Take Profitดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินหลักอีก 6 สกุล ร่วงลง 1.64% สู่ระดับ 93.98 ในการซื้อขายวันศุกร์ เพราะตัวเลขภาคแรงงานเดือนพ.ค.ออกมาแย่กว่าคาด โอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในกลางมิ.ย.ลดลงเหลือน้อยมาก ผนวกกับมีการซื้อดอลลาร์ล่วงหน้ากันมาหลายวันทำการ จึงมีการขายแบบ Sell on fact ออกมา
+ สัญญาทองคำปรับขึ้นสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 30.3 ดอลลาร์ หรือ +2.50% ปิดที่ระดับ1,242.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.ของสหรัฐต่ำกว่าคาดมาก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลง และโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนต่างๆของปีนี้น้อยลง
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
+ กลุ่มรับเหมา & วัสดุก่อสร้าง : รฟม.เตรียมขายซองประมูลรถไฟฟ้า 3 สายมูลค่า 2 แสนล้านบาทรฟม.เตรียมเปิดขายซองประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) 21 กม.วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท, สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) มูลค่า 5.66 หมื่นล้านบาท และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) มูลค่า 5.46 หมื่นล้านบาท โดยสายสีส้มน่าจะเปิดขายซองได้ในเดือนมิ.ย.นี้ถ้าสรุปว่าจะใช้แหล่งเงินกู้ในประทเศ ส่วนสายสีชมพูและเหลืองเป็นรูปแบบPPP ซึ่งกำลังทำรูปแบบการร่วมทุนและตรวจสอบสัญญาหลัก&แนบซึ่งใกล้เสร็จแล้ว
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ถ้ามีการเปิดขายซองประมูลได้ภายในเดือนมิ.ย.59 ก็ถือเป็นข่าวดีและน่าจะช่วยกระตุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างให้คึกคักขึ้นได้ หลัง 1 เดือนที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีความคืบหน้าทำให้ตลาดกังวลว่าเม็ดเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐอาจจะเข้ามาไม่ทันในไตรมาส 4/59 สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเราให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างเท่ากับตลาด (Neutral) โดยในส่วนของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างค่อนไปทางเก็งกำไร เพราะความเสี่ยงธุรกิจสูงกว่ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง (ช่วงเวลาระหว่างเซ็นประมูลงาน-ดำเนินการ-ส่งมอบงาน ใช้เวลาหลายเดือนจึงมีความเสี่ยงเรื่อง Cost overrun สูง) ทำให้ความสามารถในการทำกำไรจะไม่ค่อยเสถียรและโดยภาพรวมจะน้อยกว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หุ้นเด่นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็น CK และ SEAFCO สำหรับกลุ่มวัสดุก่อสร้างคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ โดยเฉพาะปูนซีเมนต์และเหล็กซึ่งเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในงานประเภทนี้ ประเมินว่าอุปสงค์วัสดุก่อสร้างของโครงการประมูลใหม่ในปีนี้จะเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/59 หรือไตรมาส 1/60 เป็นต้นไป หุ้นเด่นเป็น SCC และ TMT
+ งบลงทุนโครงการประชารัฐจะได้รับการอนุมัติและเบิกจ่ายในเดือนมิ.ย.นี้คณะกรรมการโครงการเพิ่มความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากของโครงการประชารัฐได้อนุมัติโครงการที่กองทุนหมู่บ้านเสนอมาแล้ว 2.3 หมื่นล้านบาท (65% ของวงเงินทั้งหมด) และมีโครงการที่จะเสนอให้คณะกรรมการอนุมัติอีก 8 พันโครงการในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งคาดว่าภายในมิ.ย.นี้จะเบิกจ่ายได้ 80% ของกองทุนทั้งหมด
• กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ต้องสรรหา Fin advisor ใหม่ แต่ก.คลังใส่ 1 หมื่นลบ.เดือนก.ค.ตามแผนเดิมกระทรวงการคลังยกเลิกการจัดจ้างที่ปรึกษาการเงินสำหรับกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ที่ได้มาในรอบแรก เพราะตรวจสอบแล้วพบว่าสองกลุ่มที่เสนอตัวเข้ามามีที่ปรึกษาเดียวร่วมกันจึงอาจเข้าข่ายการฮั้วประมูล จึงจะสรรหาใหม่อย่างไรก็ตาม การขายหน่วยเริ่มแรกให้กับกระทรวงการคลัง 1 หมื่นล้านบาทในเดือนก.ค.59 ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม และหลังจากนั้นจะทยอยขายให้นักลงทุนไทยและเทศให้ครบ 1 แสนล้านบาทหรือตามจำนวนเงินเงินที่ต้องใช้ลงทุนจริงซึ่งอาจมากกว่าหรือน้อยกว่า 1 แสนล้านบาทก็ได้
- NPL ออมสินเพิ่มขึ้นแบบมีนัยสำคัญในไตรมาส 1/59
ธนาคารออมสินเปิดเผยว่า NPL ในไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้น 1.11 หมื่นล้านบาท เป็น 4.2 หมื่นล้านบาทในสิ้นมี.ค.59 หรือเพิ่ม 36%QoQ นับว่าเป็นการปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วน NPL ratio เท่ากับ 2.21% ของสินเชื่อรวม (สิ้นปี 58 อยู่ที่1.6%) โดยยอดสินเชื่อและเงินฝากในไตรมาส 1/59 ลดลงทั้งคู่ ปัจจัยที่ทำให้ NPL เพิ่มมาก คือ เศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะภัยแล้ง ราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำ สำหรับกลุ่มลูกหนี้ที่จับตาและอาจมีปัญหาเพิ่มคือ ลูกหนี้สินเชื่อเคหะ, สินเชื่อบุคคลและหนี้สินครู
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค – [email protected]