- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 06 June 2016 17:04
- Hits: 1350
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
ระมัดระวัง
คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบแคบวันนี้ หลังจากตัวเลขการว่าจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่ประกาศในวันศุกร์ ออกมาไม่ค่อยดีก่อให้เกิดความไม่แน่ใจว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในระยะอันใกล้ได้หรือไม่ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจเน็ท เยลเลน ประธาน Fed วันนี้ว่าจะยังยืนยันการปรับดอกเบี้ยขึ้นหรือไม่อย่างไร ราคาน้ำมันร่วงต่ออีก น่าจะกดดันหุ้นพลังงาน ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ออกไปในทางบวก ตัวเลขนักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และมาตรการล่าสุดของรัฐบาลที่ปล่อยสินเชื่อผ่าน ธกส. จะมีส่วนร่วมอย่างมากในการช่วยเหลือเกษตรกรและ SMEs มีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วย
หุ้นเด่นวันนี้ : MINT (39.50 บาท; NR, ราคาเป้าหมาย AWS ปี 59 45.00 บาท)
บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั้นแนล เป็นบริษัทประกอบธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารระดับโลก ด้วยการครอบครองโรงแรมในพอร์ตจำนวน 147 แห่งและร้านอาหาร 1,859 แห่งใน 32 ประเทศ แนวโน้มกำไรที่สดใสของ MINT ในปีนี้สนับสนุนโดย จำนวนห้องพักเพิ่มขึ้น 1,179 ห้องหรือ +13% YoY ในไตรมาส 1/59 หลังจากการเข้าซื้อโรงแรมทิโวลิ 6 แห่งในโปรตุเกสและการเปิดตัวของโรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยคาดว่าจะปรับขึ้นประมาณ 5% หนุนโดยโรงแรมในกรุงเทพเนื่องจากยังคงมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและส่วนหนึ่งจากฐานที่ต่ำซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ระเบิดในเดือน ส.ค. 58 บริษัทยังได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Sun Hotels ในอัฟริกาและ Oak Hotels ในออสเตรเลียซึ่งจะรับรู้ผลกำไรส่วนเพิ่มตามสัดส่วนในงบรวมตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป และมีแผนขยายร้านอาหารเพิ่มขึ้นซึ่งจะช่วยยอดขายร้านอาหารโดยรวม (TSS) เติบโตได้ 11% โดยคาดว่ายอดขายของสาขาเดิม (SSS) จะเติบโตได้ 2-3% จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ SSS ลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทยังมีรีสอร์ทที่ลายันในภูเก็ตจำนวน 10 ยูนิต และรีสอร์ทที่สมุยอีก 3 แห่ง อยู่ในแบ็คล็อคที่รอรับรู้รายได้จากการขายตั้งแต่ปีนี้ ส่วนโครงการอนันตรา เชียงใหม่ เซอร์วิส สวีทส์ซึ่งร่วมลงทุน 50% กับบมจ. ยูซิตี้นั้น จะเริ่มโอนห้องพักในปี 2559 ซึ่งห้องพัก 30 ยูนิตจากทั้งหมด 44 ยูนิตได้มีการจองซื้อล่วงหน้าแล้ว เราประมาณการกำไรจากการดำเนินงานของ MINT เติบโต 24% ในปีนี้และ 12% ในปี 2560 ในทางเทคนิคอล รูปแบบราคาของ MINT ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นจากการเกิดสัญญาณซื้อทั้งรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน ราคาหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 45.00 บาท จุดตัดขาดทุนอยู่ที่ 38.50 บาท (แนวต้าน: 39.75, 40.25, 40.50; แนวรับ: 39.25, 39.00, 38.50)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ก.ท่องเที่ยวฯ เผยตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างขาติขาเข้าประเทศไทยพุ่ง 12.5% เทียบปีก่อนสู่ 14.2 ล้านคน สำหรับช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากนักท่องเที่ยวเท่ากับ 7.09 แสน ลบ. เพิ่มขึ้น 17.3% เมื่อเทียบ 5 เดือนแรกของปีก่อน (Bangkok Post)
เตรียมพิจารณาภาษีอสังหาฯ พรุ่งนี้ ร่างกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ยืดเยื้อยาวนานจะเข้า ครม. วันพรุ่งนี้ ปลัด ก.คลังกล่าว กฎหมายดังกล่าวจะกำหนดเพดานภาษีไว้ที่ 0.2% ของราคาประเมินสำหรับที่ดินเพื่อการเกษตร 0.5% สำหรับที่อยู่อาศัย 2% สำหรับการใช้เชิงพาณิชย์และ 5% สำหรับที่ดินที่ไม่ได้พัฒนา แต่อัตราที่แท้จริงจะประกาศให้ทราบภายหลัง ภาษีจะเก็บเพิ่มสำหรับบ้านและที่ดินทางการเกษตรที่มีราคาประเมินเริ่มที่ 50 ลบ. และจะเก็บภาษีเฉพาะส่วนที่เกิน 50 ลบ. คาดว่ากฎหมายจะมีผลในปี 60 (Bangkok Post)
ธกส. ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอี 7.2 หมื่นลบ. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เชื่อมั่นว่าจะสามารถปล่อยเงินกู้พิเศษจำนวน 7.2 หมื่นลบ. แก่เอสเอ็มอีได้ครอบคลุม 7,305 ตำบลภายใต้ “โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์การเกษตร” ได้ภายในเดือน มี.ค. ปีหน้า ธนาคารยังได้อนุมัติเงินกู้มูลค่า 1.25 หมื่นลบ. สำหรับโครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ 31 พ.ค. หลังมีการออกโครงการในเดือน ก.พ. ขณะนี้สินเชื่อได้กระจายสู่เอสเอ็มอีภาคการเกษตรแล้ว 2,701 รายใน 2,701 ตำบล (Bangkok Post)
ธกส. ช่วยจ่ายส่วนชดเชยประกันแก่ชาวนา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และรัฐบาลจะร่วมกันจ่ายส่วนชดเชยประกันราคาผลผลิตทางการเกษตรจำนวน 40 บาทต่อไร่ ครอบคลุมพื้นที่ปลุกข้าว 30 ล้านไร่ทั้งประเทศแก่ชาวนาที่ได้รับสินเชื่อจากธนาคาร ธกส. ยังจะกำหนดเพดานขนาดพื้นที่ปลูกข้าวของแต่ละชาวนาทั้งประเทศที่จะรับประกันพืชผลในภายหลัง (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐอ่อนแอ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 38,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นในระดับต่ำสุดนับแต่เดือนก.ย. 53 ส่วนอัตราการว่างงานลดลง 0.3 จุดอยู่ที่ 4.7% ในเดือนพ.ค. ถึงแม้ว่านางลอเร็ตต้า เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ได้กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่าตัวเลขการจ้างงานล่าสุดที่น่าผิดหวังนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อภาพเศรษฐกิจโดยรวมและการทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังเป็นเรื่องที่เหมาะสม แต่เทรดเดอร์ฟันธงอย่างชัดเขนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในเดือนมิ.ย. และก.ค. นักลงทุนในตอนนี้จับตาต่อสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเล็น ประธานเฟดในวันนี้เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับการดำเนินการต่อไปของเฟด (Reuters)
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากราคาพันธบัตรทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบกว่า 5 ปีในเดือนพ.ค. ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งอ่อนไหวมากที่สุดต่อการคาดการณ์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดลดลงต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปี ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน (Reuters)
ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงต่ำสุดในรอบวันเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ นับแต่เดือนก.พ. เมื่อวันศุกร์ หลังจากตัวเลขการจ้างงานสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ลดลง 1.6% อยู่ที่ 93.989 จุด ต่ำสุดนัแบแต่วันที่ 12 พ.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 1 วันนับแต่วันที่ 3 ก.พ. ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดังกล่าวปรับตัวลงประมาณ 1.5% (Reuters)
สหรัฐ:
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงเมื่อวันศุกร์ นำโดยกลุ่มการเงินหลังจากรายงานการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐและความสามารถในการรักษาการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะเวลาอันใกล้นี้ได้ (Reuters)
ดัชนี PMI ภาคบริการของมาร์กิตล่าสุดอยู่ที่ 51.3 ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 51.2 ในเดือนเม.ย. ส่วนดัชนี Markit composite PMI อยู่ที่ 50.9 เพิ่มขึ้นจาก 50.8 ในเดือนเม.ย. (Markit)
คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือนในเดือน เม.ษ. โดยคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้น 1.9% มากสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นนัยว่าอุตสาหกรรมเริ่มมีเสถียรภาพแล้ว ในเดือน มี.ค. ยอดคำสั่งซื้อได้ถูกปรับเป็นเพิ่มขึ้น 1.7% จากเดิมรายงานไว้ที่ 1.5% การเพิ่มขึ้นในเดือน เม.ษ. เป็นไปตามประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ (Reuters)
ยุโรป:
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวลดลง หลังจากสหรัฐฯ รายงานตัวเลขข้อมูลการจ้างงานในสหรัฐฯ อ่อนแอกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยและทำให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงและยูโรแข็งค่าขึ้นโดยเปรียบเทียบ กดดันต่อหุ้นกลุ่มส่งออกยานยนต์ในช่วงระหว่างการซื้อขาย ขณะที่ราคาหุ้น Accor ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากมีรายงานว่าบริษัทคู่แข่งสัญชาติจีนเตรียมที่จะขยายสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโรงแรมมากขึ้น (Reuters)
เอเชีย :
นายกฯ ญี่ปุ่นพร้อมแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมในตลาดแรงงาน หลังจากพบว่ากว่า 40% ของแรงงานในประเทศมาจากการจ้างงานแบบ Part time หรือลูกจ้างชั่วคราว ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่จากตัวเลขในอดีต โดยนายกฯ อาเบะพร้อมจะแก้ปัญหาดังกล่าวโดยเห็นว่าแรงงานในลักษณะงานแบบเดียวกันควรจะได้รับค่าจ้างแรงงานเท่ากัน (Reuters)
จับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนในช่วงสัปดาห์นี้ ได้แก่ เงินทุนสำรองต่างประเทศในวันจันทร์ ข่อมูลการค้าของประเทศ (ส่งออก-นำเข้า) ในวันพุธ และตัวเลข CPI และ PPI ในวันพฤหัสบดี (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันร่วงกว่า 1% วันศุกร์ เป็นลบต่อหลังตัวเลขรายสัปดาห์ของอุตสาหกรรมชี้ว่าบริษัทผลิตน้ำมันสหรัฐเพิ่มแท่นขุดเจาะเป็นครั้งที่สองของปีนี้ Baker Hughes ระบุว่าเพิ่มไป 9 แท่นในสัปดาห์สิ้นสุด 3 มิ.ย. ทำให้กลับมากลัวกันอีกครั้งว่าผู้ขุดเจาะเชลออยพร้อมจะกลับมาถ้าราคาไปอยู่ที่ระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐ Brent ล่วงหน้าปรับลง 40 เซนต์ ปิดที่ 49.64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันสหรัฐลดลง 55 เซนต์ปิดวันที่ 48.62 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับสัปดาห์นี้ราคาร่วงไป 1.1% เป็นการเป็นลบรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบสี่สัปดาห์ (Reuters)
ราคาทองบวกกว่า 2% และเป็นการบวกแรงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในวันศุกร์เพราะตัวเลขการจ้างงานสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอทำให้คาดการณ์กันมากขึ้นว่า Fed จะคงนโยบายดอกเบี้ยไว้ก่อน ราคาทองคำตลาดจรเพิ่มขึ้น 2.5% ปิด 1,240.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าสหรัฐส่งมอบ ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.5% ปิด 1,242.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mrs. Vajiralux Sanglerdsillapachai (No. 17385) Tel: 02 680 5077
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331