- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 July 2014 16:01
- Hits: 2871
บล.เคที ซีมิโก้ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
Sideway Up
Highlight
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ปรับขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลก ลุ้นข่าวบวกจากกำไรบจ.และกระแส M&A
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ Germany PPI มิ.ย. คาด 0%m-m (Vs -0.3%) Taiwan: ส่งออก มิ.ย. (Vs 4.7%y-y)
+ Weekly Fund Flow 10-16 ก.ค. (ดูรายงาน): แรงซื้อ Equities สูงสุดรอบ 4 สัปดาห์ (+$6.2bn. Vs +$5.4bn.) โดยซื้อตลาดหุ้นสหรัฐฯเป็นสัปดาห์ที่ 8 +$4.3bn. (Vs $3.7bn.) ส่วนตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อสัปดาห์ที่ 3 +$218mn. (Vs +$192mn.) แต่การลงทุนโดยตรง ยังคงขาย -$32.9mn. (Vs-$11.9mn.)
+วันทำการล่าสุด นักลงทุนต่างชาติซื้อลดลงเหลือ +797 ลบ. (ซื้อสะสมสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือ +6 พันลบ. Vs สัปดาห์ก่อนหน้า +9.47 พันลบ.) ส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายเพิ่ม อย่างมีนัย -4.03 พันลบ. (ขายสะสม 4 วันรวม -8.26 พันลบ.)
+/- การเมือง รอฟังความคืบหน้าเรื่องการแจกคูปองทีวีดิจิตอล และร่างกฎหมายฯ ปกครอง และสรุปโครงการโครงสร้างพื้นฐานเสนอ คสช. พรุ่งนี้
คาดดัชนีฯ วันนี้ Sideway Up กรอบ 1528-1545 จุด โมเมนตั้มบวกจากการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลก มุมมองบวกต่อรายงานผลกำไรบจ.และข่าว M&A สวนความเสี่ยงคือระดับ Overbought ทางเทคนิคและ Valuation ที่แพง
กลยุทธ์: ระยะ 1-2 สัปดาห์ เปลี่ยนจากซื้อสะสม เป็น Trading Buy โดยมีจุดขายตัดขาดทุน/กำไร 3% อิงแนวโน้มภาวะ Overbought ทางเทคนิคและระดับ PER ของดัชนีฯ ที่สูงใกล้ระดับ Peak ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะนำรอซื้อสะสมบริเวณ 1480 จุด หุ้น Top pick KBANK SCB SIRI LPN PS PTTEP ADVANC INTUCH 2Q57F ส่วนเก็งกำไรหุ้น High earnings Play แนะนำ TTW CSS SCCC IVL GOLD
หุ้นในกระแส:
หุ้นโมเมนตัมบวก (ขึ้นเกิน 6.5%) ได้แก่ RASA AQUA BMCL TGPRO RML APCO CKP EFORL หุ้นที่ลงกว่า 3.0% ได้แก่ ADVANC SUPER LOXLEY TWZ INTUCH TRUE DTAC
NVDR (หน่วย: ลบ.) สูงสุดด้านซื้อ ได้แก่ DTAC+202 AOT+131 SCC+120 สูงสุดด้านขาย ได้แก่ TRUE-153 ADVANC -141
หลักทรัพย์ที่มี Short Sell สูงสุด (หน่วย:ล้านบาท) ได้แก่ ADVANC 188 SCB 85 TMB 70
Market Outlook
คาดดัชนีฯ วันนี้ Zig-Zag Up ในกรอบ 1528/1518 ถึง 1545/1570 จุด เราแนะนำ Trading Buy แบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3-5% หากหลุดแนวรับ ลุ้นเก็งกำไร Earnings Play โดยกลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงินจะเริ่มทยอยประกาศ จับตา DTAC THREL PTTEP BIGC
คาดดัชนีฯ วันนี้ Zig-Zag Up ในกรอบ 1528/1518 ถึง 1545/1570 จุด เราแนะนำ Trading Buy แบบมีจุดขายตัดขาดทุน 3-5% หากหลุดแนวรับ โมเมนตั้มบวกวันนี้จะมาจาก การฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลก หลังผ่อนคลายสถานะการณ์ในยูเครนระดับหนึ่ง และผลกำไรบจ.สหรัฐฯ กลุ่มเทคโนโลยี ออกมาดีกว่าคาด ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ยังลุ้นเก็งกำไร Earnings Play โดยกลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงินจะเริ่มทยอยประกาศ จับตา DTAC THREL PTTEP BIGC อย่างไรก็ดี เราเริ่มส่งสัญญาณเตือนของการเกิด Correction รอบใหญ่ ใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า จากแรงขายนักลงทุนสถาบันฯและต่างชาติ (ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบดอลล์ อาจเริ่มมี Upside จำกัด อิง GS คาด 31.7-32 บาท ในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า) วิตก Valuation ของตลาดหุ้นไทย (PER ปัจจุบัน 18.5 เท่า สูงสุดรอบ 14 เดือน Vs สูงสุดรอบ 4 ปี อยู่ที่ 19.83 เท่า เดือน ก.พ. 56)
ปัจจัยต่างประเทศ (Sideway Up) ยังคงจับตาสถานการณ์ในยูเครน คาดส่งผลผันผวนต่อทิศทางตลาดน้ำมันดิบ และความเสี่ยงโลก Geopolitical Risks จากมาตรการกดดันรัสเซียจากสหรัฐฯ ยุโรป และ ผลการดำเนินงานบจ.สหรัฐฯ จับตาผลกำไร Microsoft, Apple (22/7) Facebook (23/7) Amazon.com, Ford, Caterpillar, 3M (24/7) และกระแสข่าว M&A ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ ไม่ค่อยโดดเด่น (จะเด่นอีกทีสัปดาห์ต่อไป จากผลประชุมเฟด และ 2Q57F GDP คาดเติบโตดีกว่า 3%)
ปัจจัยในประเทศ (+) จากการปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีฯ ผลกำไรบจ. และสรุปราคาคูปองทีวีดิจิตอล
"กสทช." คาดสรุปราคาคูปองทีวีดีจิตอล 24 ก.ค.นี้ คาดแจกคูปองได้ 15 ก.ย. เพื่อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พิจารณาภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ ส่วนโบรกเกอร์หลายแห่งเริ่มปรับมุมมองเป้าหมายดัชนีฯ เช่นเดียวกับ KTZ(ดูรายงานในเล่ม) โดยล่าสุด SCBS คาดว่า ดัชนีในตลาดหุ้นไทยในปลายปีนี้จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 1,600 จุด ส่วนปัจจัยปัญหาการปะทะกันในฉนวนกาซา อิรัก ยูเครน เชื่อว่าปัญหาต่าง ๆ นั้นไม่บานปลาย และเป็นปัญหาในระยะยาว จึงไม่น่ากังวลพร้อมยังมองว่า ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงมีปัจจัยที่เป็นบวกมากกว่าปัจจัยลบ ขณะที่ผลกำไรบจ.ที่มิใช่สถาบันการเงิน จะเริ่มต้นโดย PTTEP BIGC แนะนำ เก็งกำไรรายหลักทรัพย์ (ดูรายงานในเล่ม) ส่วนหุ้นมีกระแสบวกสัปดาห์ก่อน ได้แก่ TMB GLOW LH
ประเด็นที่ต้องจับตา : เราเริ่มเตือน การแรลลี่ของตลาดหุ้นไทยจากนี้ไป เป็นแบบ High Risk/Low Return
Valuation ของตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน มีความเสี่ยงของการปรับฐานในระยะสั้น : ณ ปัจจุบัน ระดับ Trailing PER ของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 18.5 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดรอบ 14 เดือน และใกล้เคียงกับระดับ Peak สูงสุดรอบ 4 ปีที่เคยทำไว้เมื่อ ก.พ. 56 ที่ระดับ 19.83 เท่า หรือหากเทียบเป็น Forward PER ก็อยู่ในระดับใกลเคียงกับ ค่าเฉลี่ย+1S.D. (15.5เท่า) สะท้อน การปรับขึ้นช่วงนี้ส่วนใหญ่มาจาก Momentum Playมากกว่า Valuation Driven ซึ่งหากเทียบสถิติในอดีตที่เคยทำ Peak PER ในช่วงตลาดขาขึ้น เราพบว่าดัชนีฯปรับลดลง-4.91% ถึง -16.32% (ดูตาราง) ดังนั้น การลงทุนระยะสั้นจากนี้ไป แนะนำ เปลี่ยนจากซื้อเป็น Trading Buy และจะกลับมาเปลี่ยนเป็น Buy อีกครั้ง เมื่อดัชนีฯอ่อนตัวอย่างน้อย 5%
ซึ่งสอดคล้องกับปัจจัยเทคนิค ที่เริ่มมีสัญญาณเตือนภาวะ Overbought ของ Stochastics, RSI ที่เริ่มเข้าเขต Overbought ทั้งในรูปแบบรายวันและรายสัปดาห์ และการวิ่งห่างจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 5/10/25 วัน หรือ 10 สัปดาห์ ค่อนข้างมาก สะท้อนสัญญาณดัชนีฯได้ 2 รูปแบบ คือ
1. พุ่งแรงทันทีไปที่บริเวณ 1550/1570 จุด อิงกรอบ Uptrend ใหม่ 1509-1570 จุด โดยมีแนวต้านต่อไปที่ 1539/1545/1570 จุด ตามลำดับ
2. ดิ่งลงแรงมาที่แนวรับสำคัญเส้น SMA 25 วันที่ 1493 จุดหรือ SMA 10 สัปดาห์ที่ 1472 จุด เพื่อลดความ Overbought ทางเทคนิค
เราให้น้ำหนักของการเกิดรูปแบบที่ 2 ดัชนีฯจะปรับฐานมาที่บริเวณ 1480 จุด หลังจากทดสอบแนวต้าน 1539/1545 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายดัชนีฯ ปีนี้ของเราที่ 1537/1584 จุด อิงสัญญาณเงินบาท/ดอลล์ สหรัฐฯ ที่แข็งค่าสุดรอบ 7 เดือนมาที่ 32.09 บาท ขณะที่ GS คาดค่าเฉลี่ย 3-6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 32 บาท และ 31.70 บาท/ดอลล์ตามลำดับ สะท้อนโอกาสเกิด Upside FX Gain เริ่มมีจำกัด
Event Plays:
1) Earnings Play: เก็งกำไรหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะรายงานกำไร 2Q57F เติบโตสูง อาทิ CSS PTTEP SCCC IVL GOLD ANAN CSS JUBILE MINT SVI THANI THCOM (ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่โบรกเกอร์มีความเห็นเชิงบวกต่อ Upward Revision ล่าสุด ได้แก่ TMB BCP)
2) High Dividend Play: หลักทรัพย์ที่มีประวัติการจ่ายปันผลสูงรายปีเฉลี่ยสูงกว่า 3.5% และจ่ายปันผลระหว่างกาลสม่ำเสมอในช่วงกลางปี รวมถึงมี % Upside ต่อราคาเป้าหมาย ได้แก่ INTUCH, SNC, ADVANC, LALIN, LH ,BOL, UEC, JMART, BTS TNITY CSL DTAC TTW TRT PTTGC SAMTEL
(ล่าสุดเพิ่ม TTW)
3) หุ้น Turnaround โตก้าวกระโดด ปี57/58 CFRESH, GOLD, MJD, THRE, TPOLY, TTA, VNG (turnaround) APCO, CSS, DCON, IFEC, IVL (โตก้าวกระโดด)
4) หุ้นที่มีประเด็นบวกต่างๆ : MFEC RASA TRUE (ปป.โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่) JAS (ซื้อหุ้นคืน) BLAND (คาดบันทึกกำไรพิเศษ+เตรียมออกกอง Impact growth reit) IFEC (ย้ายไปหมวดพลังงาน) LH QH (Hidden Asset สูง)
ปัจจัยพื้นฐานระยะยาว : KTZ มองเป้าหมายดัชนีฯสูงขึ้น จาก Liquidity, Growth, Earnings
KTZ มีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยปี 58 โดยอาจขึ้นไปทำ New High ได้ถึง 1,686 จุด อิง PE ที่ 15.0 เท่า เทียบกับเป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 1,537 จุด อิงอัตราการเติบโตผลกำไรปี 57 และ 58 ที่ 10.3% และ 13.5% และการเกิด Re-rate PER (จากเดิม 14.4 เท่า) จากกระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาลงทุนตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากขายสุทธิไปกว่า 1.9 แสนลบ. ในปี 56 และ 3.8 หมื่นลบ. ใน 1H57 อิงภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุด ตั้งแต่ 1H57F และเติบโตปี 58F สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4% ขณะที่ความเสี่ยงการเมืองปรับลดลง ทั้งนี้ Concern จะมาจาก Exit Strategy ของสหรัฐฯ อังกฤษ
เราแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหลักทรัพย์เป็น 80% (จากเดิม 60%) และลดการถือครองพันธบัตรเป็น 10% (จากเดิม 30%) เน้นลงทุนกลุ่ม Domestic Play หุ้นเด่นแนะนำ KBANK SCB ADVANC SIRI PS CPALL SCC AAV CENTEL และกลุ่ม Cyclical Play หุ้นเด่นแนะนำ PTT IVL IRPC PSL
คาดดัชนีฯ เข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่ หลังจากตลาดหุ้นไทยผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ (หากอิงสถิติในอดีต หลังการรัฐประหารปี 49 หรือช่วงหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 51 และวิกฤติการเงินยุโรปปี 54 ดัชนีตลาดฯ สามารถปรับขึ้นได้ สูงสุด 47.1% 79.6% และ 52.7% ในช่วง 1 ปี นับจากจุดต่ำสุด ตามลำดับ) โดยคาดแรงหนุนมาจากทั้งภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และต่างประเทศที่ฟื้นตัว การส่งออกที่ผ่านจุดต่ำสุด การเมืองคลี่คลาย รวมถึงการเลือกตั้งทั่วไปที่คาดจะมีขึ้นช่วงปลายปีหน้า ส่งผลความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติฟื้น และมีกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย
ปรับระดับ PE เหมาะสมเป็น 15.0 เท่า สำหรับปี 58 และ 15.5 เท่า สำหรับปี 57 จากเดิม 14.4 เท่า อิงสถิติย้อนหลังช่วงวิกฤติรัฐประหารปี 49 รวมถึงวิกฤติการเงินอื่นๆ) จะพบว่า ระดับ PER ของดัชนีตลาดฯปรับสูงขึ้นอย่างมีนัย บนคาดการณ์เชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและผลกำไร ที่จะมีการปรับประมาณการสูงขึ้นกว่าคาด หลังจากที่ปัญหาการเมืองคลี่คลาย หนุนการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (ตลาดหุ้นไทย เป็นเพียงตลาดเดียวในภูมิภาคเอเชียฯ ที่มีแรงขายสุทธิ YTD) หลังมีการเลือกตั้งทั่วไปปลายปีหน้า โดยดัชนีฯ หุ้นไทยเคยขึ้นไปซื้อขายที่ PER สูงถึง 19 เท่า (จาก 8.9 เท่า ในช่วงเกิดรัฐประหารปี 49) ทั้งนี้เป้าหมายดัชนีฯ ปี 57 และ 58 ปรับขึ้นเป็น 1,537 จุด (จากเดิม 1,440 จุด) และ 1,686 จุดตามลำดับ ส่วนเป้าหมายดัชนีฯ ปี 57 คำนวณจากวิธิ Bottom up อยู่ที่บริเวณ 1584 จุด (หลายบจ.อยู่ระหว่างการปรับราคาเป้าหมายไปเป็นปี 58F)
++สัปดาห์ที่ผ่านมา : ตลาดหุ้นไทย ปรับขึ้นดีสุดอันดับ 3 ในภูมิภาครองจาก เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย
+ ตลาดหุ้นโลก: ตลาดหุ้นเอเชียฯ ปรับตัวขึ้นดีกว่าตลาดหุ้นโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมา นำโดย เกาหลีใต้ +1.54%w-w อินโดนีเซีย ไทย ฮ่องกง อันเป็นผลจาก การวิตกต่อข่าวเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถูกยิงบริเวณยูเครน ส่งผลให้กังวลต่อความเสี่ยงการเกิดสงคราม ระหว่าง รัสเซีย กับ สหรัฐฯ ยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น w-w (0.38-0.92%) จากรายงานผลกำไรบจ.ดีกว่าคาด และข่าว M&A
ตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น +1.01%w-w (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า+1.48%w-w) โดยเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 3 ของตลาดหุ้นโลกสำคัญๆ จากแรงซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ +6 พันลบ. Vs สัปดาห์ก่อนหน้า +9.47 พันลบ. ส่วนทั้งเดือน ก.ค. ซื้อสะสม +1.65 หมื่นลบ.
ความเคลื่อนไหวการลงทุนในตลาดหุ้นไทย รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 14-18 ก.ค. 57 ว่า ตลาดหุ้นไทย ปรับเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ โดยมีแรงซื้อเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 2/2557 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงจากการขายทำกำไรในวันอังคาร โดยดัชนีขยับขึ้นต่อเนื่องในช่วงกลางสัปดาห์ จากการเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทย ปิดลดลงอีกครั้งในวันศุกร์ จากการขายหุ้นกลุ่มสื่อสาร หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชะลอประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคม ออกไป 1 ปี รวมทั้ง นักลงทุนขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงหลังข่าวเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกยิงตกในยูเครน
กลุ่มอุตฯ ที่ปรับขึ้นสูงสุด กลับมาเป็น กลุ่ม Transport +4.65%w-w Energy +2.61% ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ +1.77% ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างฯ ยังคงให้ผลตอบแทนแย่สุด -2.45%w-w จาก SCC เตือนกำไรปีนี้ผ่าน Peak ไปแล้วใน 1Q57 และกลุ่ม ICT -1.28%w-w จากข่าว กสช. เลื่อนประมูลคลื่น 4G ออกไป 1 ปี
* ตลาดโภคภัณฑ์ ผันผวน จับตาสถานะการณ์ยูเครน : ราคาน้ำมันดิบ กลับมาฟื้นตัวเล็กน้อย 0.54-2.2%w-w หลังจากลดลง 2 สัปดาห์ จากวิตกสถานะการณ์ในยูเคน และลิเบีย ส่วนค่าระวางเรือ กลับมาดิ่งลงแรง -10.07%w-w จากปัจจัยฤดูกาล ที่ค่าระวางเรือจะอ่อนตัวลงในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. ส่งผลให้การฟื้นตัวคาดว่าจะมีจำกัด
+ ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน : คาดบาททรงตัวในกรอบ 32-32.3 บ./ดอลล์ สัปดาห์นี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด ค่าเงินบาทสัปดาห์เคลื่อนไหวในกรอบ 32.00-32.30 บาทต่อดอลลาร์ จับตาประเด็นทางเศรษฐกิจ-การเมืองในประเทศ ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำ คัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดขายบ้านมือสอง-บ้านใหม่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน มิ.ย. ดัชนีราคาบ้านเดือน พ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังอาจจับตารายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ค. (เบื้องต้น) ของหลายๆ ประเทศด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 14-18 ก.ค.57 ว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ค่าเงินยูโรร่วงลงสู่ 1.3492 ดอลลาร์ในวันศุกร์ และนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ก.พ. ที่ยูโรร่วงผ่านระดับดังกล่าว หลังจากธนาคารกลางอิตาลีปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจของอิตาลี ประจำปี 2014 ลงสู่ 0.2 % และเตือนว่า แนวโน้มเศรษฐกิจอิตาลีเผชิญกับความไม่แน่นอนเป็นอย่างมาก และยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของยูโรโซนดิ่งลงกว่า 50 % โดยดิ่งลงสู่ 8.9 พันล้านยูโรในเดือน พ.ค. จาก 1.88 หมื่นล้านยูโรในเดือน เม.ย. แต่ยูโรฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่เหนือ 1.35 ดอลลาร์ได้ในเวลาต่อมา
ในขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุล โดยได้แรงหนุนจากความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจาก มีการยิงเครื่องบินของสายการบินมาเลเซียตกในยูเครน
ประเด็นจับตา
1. ประเด็นการเมือง: จับตาแนวทางการตั้งสภาปฏิรูป และกำหนดเวลานำไปสู่การเลือกตั้ง
ประเด็นการเมือง (Update):
"ประจิน"หารือคมนาคม สรุปยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐาน,เล็งเสนอคสช.วันอังคาร พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เชิญ นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม พร้อม หัวหน้าส่วนราชการและผู้แทนรัฐวิสาหกิจใน สังกัด ร่วมหารือข้อสรุปร่างยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อเตรียมเสนอต่อหัวหน้าคสช.พิจารณา ในการประชุมคสช.วันอังคารที่ 22 ก.ค.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" เมื่อวันศุกร์ มีประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ คือ การสร้างทางรถไฟรางคู่ขนาดมาตรการ 1.435 เมตร เพื่อเชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าคสช.พิจารณาจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 เรียบร้อยแล้ว โดยเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 จำนวน 2.575 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขงบประมาณที่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในวันอังคารที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เร่งรัดให้ส่งเสริม สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ชายแดนเป้าหมายรวมทั้งสิ้น 12 พื้นที่กำหนดเป็นระยะเร่งด่วน ดำเนินการทันทีในปี 2558 ใน 5 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พื้นที่ชายแดน จังหวัดมุกดาหารอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พื้นที่ชายแดน จังหวัดตราด พื้นที่ด่านศุลกากรสะเดา และปาดังเบซาร์
เตรียมสร้างรถไฟรางคู่ขนาด 1.435 เมตร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้านคมนาคม ได้มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ
และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาโครงการสำ คัญ เพื่อให้สามารถดำ เนินการได้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 ส่วนใดที่มีความพร้อมให้เริ่มดำเนินการไปก่อน ในส่วนโครงการรถไฟทางคู่นั้น ให้พิจารณาถึงอนาคต ที่จะต้องรองรับการเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งการเชื่อมต่อกับประเทศจีน ที่ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่มีรางขนาด 1.435 เมตร เพื่อจะรองรับการวิ่งของขบวนรถที่ความเร็วสูงถึง 160-180 กม./ชม. การพัฒนาจุดเชื่อมต่อทางลอดต่างๆ เพื่อให้ขบวนรถไฟวิ่งได้อย่างต่อเนื่องระบบรางของไทยที่ใช้อยู่ปัจจุบันนั้น มีความกว้าง 1 เมตร เพื่อรองรับการวิ่งของขบวนรถที่ความเร็วประมาณไม่เกิน 90 กม./ชม. ซึ่งในอนาคตนั้น จะมีปัญหาในเรื่องการจัดหาอะไหล่ และการซ่อมบำรุงที่ทั่วโลกมีแนวโน้มไปใช้งานระบบรางแบบใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เสียโอกาสในเรื่องการพัฒนาการค้า การขนส่งคมนาคม เราสามารถพัฒนาปรับปรุงให้ระบบเดิมใช้ในเรื่องการเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้า การลดต้นทุนการขนส่งในระยะแรกให้มีการวางรางขนาด 1 เมตร เพิ่มเติมในเฉพาะเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่นและเป็นเส้นหลักในการขนส่งสินค้าปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้มีแผนในการก่อสร้างไว้แล้วใน 5 เส้นทางตามความเร่งด่วน คือ เส้นทางแรก ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย เส้นที่สอง ลพบุรี -ปากน้ำโพ เส้นที่สาม มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ เส้นที่สี่ นครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน และ เส้นที่ห้า ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร
ยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่าจีน3เดือน
การส่งเสริมเรื่องของการท่องเที่ยว คสช. ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปร่วมหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้พิจารณาจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ หากเกิดความเดือดร้อนขึ้นในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มเติมจากความคุ้มครองจากการประกันซึ่งอาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในปัจจุบัน ในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเ ชื่อ มั่น ใ ห้กับ นัก ท่อ ง เ ที่ย ว ที่จ ะ เ ดิน ท า ง ม า ท่อ ง เ ที่ย ว ใ น ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ใ น โ อ ก า ส ต่อ ไ ป ทั้งนี้ คสช.ได้อนุมัติให้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ในโอกาสที่จะครบ 40 ปีของความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อยืนยันมิตรภาพระหว่างของทั้งสองประเทศ และส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวชาวจีนได้เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ในห้วงhight season ที่กำลังมาถึง จะเริ่มตั้งแต่เดือน ส.ค. นี้
แผนบริหารจัดการน้ำไร้โครงการใหญ่
ค ว า ม คืบ ห น้า ก า ร บ ริห า ร จัด ก า ร ท รัพ ย า ก ร น้ำ ไ ด้กำ ห น ด โ ร ด แ ม พ ไ ว้ 3 ร ะ ย ะ คือระยะแรก จัดทำโครงสร้างแผนงานโครงการความรับผิดชอบของอนุกรรมการทั้ง 5 กลุ่มประกอบด้วย พื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก พื้นที่ที่สอง คือ พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เรื่องที่สาม คือ ระบบข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจ เรื่องที่สี่คือ การจัดองค์กรข้อกำหนดกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เรื่องที่ห้า การประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้ กำหนดให้ทำแผนแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 57 ระยะที่ 2 การจัดทำรายละเอียดแผนงานโครงการโดยให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน ร ะ ย ะ ที่ 3 จั ด ทํ า แ ผ น บ ริห า ร จั ด ก า รทรัพยากรน้ำฉบับสมบูรณ์ ซึ่งทุกขั้นตอนจะเสร็จสิ้นภายในเดือนต.ค. 2557 ในระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของโรดแมพนั้น จะมีการดำเนินการในลักษณะคู่ขนาน โดยในปีงบประมาณ 2557 จะจัดสรรงบประมาณแบบบูรณาการจากกระทรวงต่าง ๆ ในกรอบวงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท เพื่อมาดำเนินการในการฟื้นฟูแหล่งน้ำ ขุดลอกคูคลอง เพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ และการระบายน้ำให้ดียิ่งขึ้น
กสทช. คาดสรุปราคาคูปองทีวีดีจิตอล 24 ก.ค. นี้ คาดแจกคูปองได้ 15 ก.ย.
นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านเศรษฐศาสตร์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการ กสทช. เตรียมประชุมสรุปราคาคูปองสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทีวีดิจิตอลในวันที่ 24 ก.ค.นี้ เพื่อเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้พิจารณาภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้ และแจกคูปองได้ในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยคูปอง ต้องสามารถแลกได้ทั้งกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิตอล หรือ เซตท็อปบ็อกซ์ ทีวี เสาอากาศแบบแอคทีฟ แอเทน่า กล่องดาวเทียม เคเบิล และยังสนับสนุนให้แจกเซตท็อปบ็อกซ์ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการแจกคูปอง
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีกระแสข่าวว่า ราคาคูปองที่จะสรุปส่ง คสช. อาจต่ำ กว่า 1,000 บาท แต่สูงกว่า 690 บาท ขณะที่เวทีรับฟังความคิดเห็นเรื่องคูปองทีวีดิจิตอลทั้ง 4 ภูมิภาคที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เห็นว่า ราคาคูปองที่ 1,000 บาท เป็นราคาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับภาระมากเกินไปรวมถึงเห็นด้วยที่คูปองจะแลกได้ทั้ง เซตท็อปบ็อกซ์ ทีวี เสาอากาศ กล่องดาวเทียม เคเบิล โดยเห็นว่าประชาชนจะเป็นผู้เลือกเองว่าจะนำคูปองไปแลกซื้ออะไร และประเด็นกระบวนการแจกคูปอง ที่อยากให้แจกโดยเร็ว
2. Fund Flow: (10-16 ก.ค. 57) ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อสัปดาห์ที่3 +$218mn. (Vs +$192mn.) แต่การลงทุน
โดยตรง ยังคงขาย-$32.9mn. (Vs -$11.9mn.) แนะนำ บจ.คาดกำไรเติบโตดี-ปันผลระหว่างกาล ได้แก่ KBANK KTB TMB PTTEP PTT TRUE MINT IVL
Fund Flow: สัปดาห์ที่ผ่านมา (10-16 ก.ค. 57) ซื้อเพิ่ม Equities > Bonds ส่วนตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นเป็น+$218mn. (Vs $192mn.)
สัปดาห์ที่ผ่านมา แรงซื้อโลกยังคงซื้อต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Equities Funds มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นสูงสุดรอบ 4สัปดาห์เป็น +$6.2bn. (Vs สัปดาห์ก่อน +$5.4bn. +$1.3bn. -$0.6bn. สะสม YTD +$81.2bn.) เป็นแรงซื้อในตลาดหุ้น DM +$4.1bn. ทั้งนี้ อิงสถิติหลังปี 2520 เป็นต้นมา แรงซื้อหุ้นที่สูงถึง 1.5% ของ Global Market Cap. จะพบว่าผลตอบแทนลงทุนในหุ้น จะให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ +5.5% ส่วน Bond Funds มีแรงซื้อต่อเป็นสัปดาห์ที่ 18 ในรอบ 19 สัปดาห์ ที่ +$3.5bn. (สัปดาห์ก่อนหน้า +$3.5bn. +$4.9bn. +$4.7bn. ตามลำดับ สะสม YTD+$111.2bn.)
ตลาดหุ้น USA มีแรงซื้อต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่8 จำนวน +$4.3bn. (Vs สัปดาห์ก่อน +$3.7bn. +$3.1bn. +$1.5bn.) ส่งผล แรงซื้อสะสม YTD +$82bn.(Vs +$119bn. y-y) ขณะที่ ตลาดหุ้น Europe มีแรงขายเล็กน้อย -$32.9mn ในสัปดาห์นี้ (Vs สัปดาห์ก่อน -$11.9mn.) เป็นการขายสัปดาห์ที่ 2 ในรอบ 55 สัปดาห์สะสมสุทธิ $100 bn.
ส่วนกองทุน GEM มีแรงซื้อต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 14 ในรอบ 16 สัปดาห์ ด้วยปริมาณทรงตัว +$0.9bn. (Vs สัปดาห์ก่อนหน้า +$1.2bn. +$500mn. +$445mn ตามลำดับ) สะสม +$17.9bn. นับตั้งแต่มีแรงซื้อกลับมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่สิ้นเดือนมีค. เป็นต้นมา (Vs ขายสุทธิ -$44bn. รอบ1ปีสิ้นสุดมีค.57) โดยเป็นการซื้อสุทธิในกองทุน เอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ที่ +$540mn. (จาก +$501mn. ในสัปดาห์ก่อน) แรงซื้อสุทธิรายเดือน ของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นเอเชีย 6 ประเทศ
6 ชาติเอเชียฯ มีแรงซื้อต่อเป็นสัปดาห์ที่ 10 ด้วยปริมาณสูงสุดใกล้เคียงสัปดาห์ก่อหน้า
สำหรับ 6 ชาติในเอชียไม่รวมญี่ปุ่น พบว่า มีแรงซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ด้วยปริมาณสูงขึ้นเล็กน้อย +$2.3bn..(Vsสัปดาห์ก่อนหน้า+$2.1bn +$2.0bn. +$240mn. ตามลำดับ) สะสม 10 สัปดาห์รวม +$17bn. หรือ 1% ของ MSCI Market Cap.
+แรงซื้อโดดเด่นแบบก้าวกระโดด อยู่ในตลาดหุ้นอินโดนีเซีย โดยซื้อสูงสุดรอบ 17 สัปดาห์ที่ +$745mn. หรือ 0.7% ของ MSCI Indonesia Market Cap. (Vs สัปดาห์ก่อน +$135mn.) และไทย +$218mn. หรือ 0.2% ของ MSCI Thailand Market Cap.(Vs สัปดาห์ก่อน +$192mn.)
ขณะที่ตลาดหุ้นเกาหลีใต้มีแรงซื้อสุทธิ สุงสุด +$814mn.(Vs สัปดาห์ก่อน +$410mn.) ส่วนไต้หวัน กลับมามีแรงซื้อสุทธิ +$142mn.(Vs -$24mn.)
เราคาดว่า โมเมนตัมซื้อของต่างชาติในตลาดหุ้นไทย จะเริ่มมีจำกัด อิงแรงซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนลงทุนใน Thai Funds ยังเห็นแรงขายต่อเนื่องอีก -$32.9mn ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (Vs -$11.9mn. ในสัปดาห์ก่อนหน้า และรวม 15 สัปดาห์ ไหลออกสะสม -$323mn.)
-3. เลื่อนประมูลใบอนุญาต 4G ไป 1 ปี ระยะยาว 12 เดือน แนะนำสะสมเมื่ออ่อนตัว ADVANC INTUCH DTAC
กสทช. ขยายเวลาสัมปทานคลื่น 1800 MHZ ให้ทรูมูฟ-ดิจิตอลโฟน จนกว่าประมูล 4G
กสทช. กล่าวในเอกสารเผยแพร่ ว่า กสทช.จะขยายเวลาสัมปทาน สำหรับคลื่นความถี่ 1800 เมกกะเฮิร์ตของทรูมูฟ และ ดิจิตอลโฟน ไปจนกว่าการประมูลใบอนุญาตระบบ 4G จะแล้วเสร็จ ดังนั้น ประชาชนที่ใช้โทรศัพท์คลื่นความถี่ 1800 เมกกะเฮิร์ต จึงมั่นใจได้ ว่า จะใช้บริการได้ต่อเนื่อง ซิมไม่ดับ และไม่จำเป็นต้องรีบย้ายค่าย
เราประเมินกลุ่มสื่อสารได้รับแรงกดดันในระยะสั้นจากข่าวดังกล่าว โดยเป็นการเลื่อนวันประมูลออกไปนานกว่าที่เราคาดไว้ในตอนแรก อย่างไรก็ดี ในแง่การให้บริการลูกค้าปัจจุบัน คาดไม่กระทบ เนื่องจาก กสทช. ได้ขยายเวลาสัมปทานสำหรับคลื่นที่หมดอายุ แต่การเลื่อนการประมูลออกไปค่อนข้างนาน อาจส่งผลต่อการทำการตลาดในเรื่องของ data ในอนาคต ทั้งนี้ กลุ่มสื่อสารยังมีความโดดเด่นในเรื่องของการจ่ายเงินปันผล จึงแนะทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว ADVANC INTUCH DTAC (ทั้งนี้ DTAC ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล งวดไตรมาส 2/57 ที่ 1.58 บาท/หุ้น หรืออัตราผลตอบแทน 1.4% โดยขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 30 ก.ค. 57)
4. +/- 2Q57F Earnings Results:
ประมาณการของ Bloomberg คาด 2Q57F ที่จะทยอยประกาศบงบการเงินสัปดาห์นี้ นำโดยกลุ่มแบงก์ ส่วนบจ.กลุ่มที่มิใช่สถาบันการเงินจะทยอยประกาศในสัปดาห์ต่อไป นำโดย DTAC DCC BIGC PTTEP TTW PSL
USA: ผลการดำเนินงาน 2Q57F ของบจ.สหรัฐฯ ที่น่าสนใจ : ได้แก่ TI, Halliburton,State Street (21/7) MC Donald, United Technology, Verizon, Microsoft, Apple (22/7) FACEBOOK, Dow Chemical (23/7) Amazon.com, Ford, Caterpillar, 3M (24/7) Xerod (25//7)
+/-5.รายงานเศรษฐกิจสำคัญสัปดาห์นี้ : มีอิทธิพลต่อตลาดสัปดาห์นี้จำกัด แต่จะมีน้ำหนักต่อตลาดมากขึ้นในสัปดาห์หน้า (ผลประชุมเฟด+2Q57F US GDP)
วันจันทร์ 21 ก.ค.: Germany PPI มิ.ย. คาด 0%m-m (Vs -0.3%) Taiwan: ส่งออก มิ.ย. (Vs 4.7%y-y)
วันอังคาร 22 ก.ค.: USA CPI มิ.ย. คาด 0.4%m-m (Vs 0.4%) Existitng Home Sales มิ.ย. คาด 5 ล้านหน่วย (Vs 4.89 ล้านหน่วย) EU: Consumer Confidence ก.ค. คาด -7.7 (Vs -7.5) Indonesia: ประกาศผลเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ
วันพุธ 23 ก.ค.: EU: MFG PMI ก.ค. คาด 51.7 (Vs 51.8) Service PMI ก.ค. คาด 52.7 (Vs 52.8)
วันพฤหัสบดี 24 ก.ค.: USA New Home Sales มิ.ย. คาด 5 แสนหน่วย (Vs 5.4 แสนหน่วย) China: HSBC PMI Mfg ก.ค. คาด 51 (Vs 50.7) South Korea คาด 2Q57F GDP +3.7%y-y (Vs 3.9%) Japan ดุลการค้า มิ.ย. คาดขาดดุล -6.49 แสนล้านเยน (Vs -9.09 แสนล้านเยน)
วันศุกร์ 25 ก.ค. : USA สินค้าคงทน มิ.ย. คาด +0.0%m-m (Vs -0.9%) Germany: IFO Business Climate ก.ค. คาด 109.5 (Vs 109.7) UK: 2Q57F GDP คาดเติบโต 0.8%q-q
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจวันทำการผ่านมา:
รัฐบาลสหรัฐ สรุป เครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH17 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส ถูกขีปนาวุธของฝ่ายกบฎยูเครนยิงตก
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แถลงวานนี้ (18 ก.ค.) ว่ารัฐบาลสหรัฐสรุปว่าเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH17 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ถูกขีปนาวุธภาคพื้นสู่อากาศที่ยิงออกมาจากพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฎยูเครนยิงตก จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสาร และลูกเรือทั้ง 298 คนบนเครื่องเสียชีวิตทั้งยังกล่าวด้วยว่ามีเพียงขีปนาวุธที่ทันสมัยเท่านั้นถึงจะสามารถทำลายเครื่องบินโดยสารที่บินอยู่เหนือระดับ 30,000 ฟุตได้ ซึ่งเท่ากับเป็นการกล่าวหารัสเซียกลาย ๆ เพราะก่อนหน้านี้โอบามาเคยกล่าวหากบฎแบ่งแยกดินแดนในยูเครนว่าได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธจากรัสเซีย
ราคาบ้านใหม่ในจีนลดลงใน มิ.ย. เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) เปิดเผยว่า ราคาบ้านใหม่ในกรุงปักกิ่งเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือน มิ.ย. จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 7.7% ในเดือน พ.ค. และเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% จากเดือน พ.ค. ราคาบ้านในเซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 7.0% ในเดือน มิ.ย. จากปีก่อน เมื่อเทียบกับ 9.6% ในเดือน พ.ค. แต่เมื่อเทียบรายเดือน ราคาบ้านร่วงลง 0.6% ในเดือน มิ.ย. จากเดือน พ.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
Global Momentum
+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ จาก M&A และรายงานกำไรดีกว่าคาดของกลุ่มเทคโนโลยี
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดบวก โดยดัชนี DJIA ปิดพุ่ง 123.37 จุด หรือ 0.73% สู่ระดับ 17,100.18 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ 1.03% สู่ระดับ 1,978.22 จุด Nasdaqปิดบวก 68.70 จุด หรือ 1.57% สู่ระดับ 4,432.15 จุด
เมื่อเทียบกับระดับปิดสัปดาห์ที่แล้ว DJIA + 0.9%w-w, ดัชนี S&P 500 +0.5%w-w ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดสัปดาห์นี้บวกขึ้น 0.4%w-w
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในกลุ่มที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในวันศุกร์ Google พุ่งขึ้น4.2 % สู่ 605.11 ดอลลาร์ หลังรายงานผ ลป ระกอบการ 2Q ที่สูงเกินคาดในวันพฤหัสบดี ทางด้านหุ้นเฟซบุ๊ค อิงค์ทะยานขึ้น 3% สู่ 68.42 ดอลลาร์
นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่ข่าวความขัดแย้งทางการเมือง ในขณะที่ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเรียกร้องให้รัสเซียยุติการสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครน หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียตกในยูเครนเพราะถูกยิงด้วยขีปนาวุธจากพื้นดินสู่อากาศ โดย ปธน.โอบามากล่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงมาจากพื้นที่ของกลุ่มกบฏ ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้ทำให้นักลงทุนคาดการณ์กันว่า สหรัฐอาจจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
คาดกันว่าบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจมีผลกำไรเติบโตขึ้น 5 % ในไตรมาสสอง โดยตัวเลขคาดการณ์นี้ถูกปรับลดลงจากระดับ 8.4 % ที่เคยคาดการณ์ไว้ในช่วงต้นเดือน เม.ย. นอกจากนี้ ยังเป็นที่คาดกันว่ารายได้ของบริษัทในดัชนี S&P 500 อาจปรับขึ้น 3.2 % ในไตรมาสสอง
- ตลาดหุ้นยุโรป ปิดคละ วิตกสถานการณ์ในยูเครนปะทะรอบใหม่
วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรป กลับมาปิดคละ FTSE กลับมาปิดบวก 11.13 จุด หรือ 0.17% สู่ 6,749.45 จุด ดัชนี CAC40 กลับมาปิดเพิ่มขึ้น 19.19 จุด หรือ 0.44% สู่ 4,335.31 จุด และ DAX ปิดลบต่ออีก 33.86 จุด หรือ -0.35% สู่ 9,720.02 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดทรงตัวในวันศุกร์ ในขณะที่แนวโน้มที่ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตกจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง และบดบังผลประกอบการที่แข็งแกร่งของภาคเอกชนในสวีเดน นักลงทุนมองว่า การตกของเครื่องบินมาเลเซียซึ่งทำ ให้มีผู้เสียชีวิต 298 คน อาจจะส่งผลให้นานาชาติเพิ่มแรงกดดันเพื่อให้มีการคลี่คลายวิกฤติ ระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทหลายแห่งในสวีเดน ซึ่งรวมถึงบริษัทอีริคสันที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม, อิเล็กโทรลักซ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และธนาคารสเวดแบงก์ โดย บริษัทเหล่านี้ต่างเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด หุ้นอีริคสันพุ่งขึ้น 8.2 % และส่งผลให้หุ้นบริษัทอัลคาเทล ลูเซนต์ และ หุ้นโนเกียที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมเหมือนกันพุ่งขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ผลประกอบการของอีริคสันแสดงให้เห็นว่า ยอดขายปรับขึ้นในแผนกเครือข่าย โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายในภูมิภาคตะวันออกกลาง, จีน, สหรัฐ และอินเดีย โดยรายงานนี้ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ในทางบวกต่อผลประกอบการรายไตรมาสของอัลคาเทลที่จะออกมาในอนาคต
-ราคาน้ำมันดิบ ปิดลดลงจากแรงขายทำกำไร
วันทำการที่ผ่านมา Brent ส่งมอบ ส.ค. ปิดลดลง 0.65 ดอลลาร์ สู่ 107.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วน Nymex ส่งมอบ ส.ค. ปิดย่อลง 0.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากที่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ถูกยิงตกในยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงด้วย
-ราคาทองคำ ลดลงจากแรงขายทำกำไร
วันทำการที่ผานมา ราคาสัญญาทองเดือน สิงหาคม ปิดตลาด กลับมาลดลง 7.50 ดอลล์ สู่ 1,309.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากความตื่นตระหนักเกี่ยวกับข่าวเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ ถูกยิงตกในยูเครน
- ดัชนีค่าระวางเรือ Baltic Dry Index ปิดลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 10
วันทำการที่ผานมา ดัชนี Baltic Dry Index ปิดลดลงอีก 6 จุดมาปิดที่ 732 จุด หลังจาก ปี 56 พิ่มขึ้น +28.14%y-y เป็น 2227 จุด (จาก 1738 จุด ณ สิ้นปี 55) โดยระดับสูงสุดอยู่ที่ 2337 จุด เมื่อ 12/12/56 และระดับต่ำสุดอยู่ที่ 698 จุดเมื่อ 2/1/56 ขณะที่ระดับสูงสุดตลอดกาลอยู่ที่ 11793 และระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 554 กลุ่มเรือ (Shipping) คาดผ่านจุดต่ำสุด Bottom Out และฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก
ถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย, no. 14501 [email protected] 02-624-6244
ธิดารัตน์ ผโลดม, no. 16564 [email protected] 02-624-6270