- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 July 2014 15:27
- Hits: 2200
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
คาด SET มีกรอบบวกจำกัดและเสี่ยงต่อการปรับพัก จึงน่ารอซื้อลบอยู่..
กลยุทธ์ : แม้ว่า SET ยังมีจังหวะแกว่งบวก แต่ก็ผันผวนมากขึ้นและเสี่ยงต่อการเข้าสู่รอบปรับพักตัวลงจากแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังยังไม่ค่อยมีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เข้ามา รวมทั้งในช่วงที่ผ่านมาดัชนีแกว่งตัวขึ้นมาต่อเนื่องค่อนข้างมากแล้วด้วย ทำให้ FSS คาดว่ากรอบการขึ้นต่อให้ทำกำไรได้ น่าจะเริ่มจำกัดมากขึ้น ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นซื้อช่วงตลาดปรับพักตัวลงน่าจะเหมาะสมกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : TOP, VIH, STEC(buy back)
แนวโน้ม : ปลายสัปดาห์ที่แล้ว SET แกว่งผันผวนและมีจังหวะย้อนลบบ่อยครั้งขึ้น ทำให้ยังต้องระวังโอกาสแกว่งพักตัวลงก่อนของตลาดหุ้นไทยในช่วงถัดไป อย่างไรก็ตามเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ถือว่าไม่เลวร้ายนัก หลังสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครนจากการที่เครื่องบินมาเลเซียถูกยิงตกในน่านฟ้ายูเครนถือว่ายังมีไม่มาก ทำให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อในตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังสามารถเปิดบวกได้ ทำให้ FSS คาดว่า SET ก็ยังมีลุ้นจังหวะเคลื่อนไหวในด้านบวกต่อได้อีก โดยเฉพาะแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติในบ้านเราก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากกรอบการขึ้นของตลาดเอเชียไม่ได้กว้างมากนัก ขณะที่ตลาดหุ้นบ้านเราก็เริ่มมีแรงขายกดดันมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้คาดว่า SET ยังมีกรอบขึ้นจำกัดและมีโอกาสที่จะแกว่งตัวผันผวนหรือปรับพักตัวลงได้ ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นเข้าซื้อเฉพาะช่วงตลาดเป็นลบดีกว่า
แนวรับ 1530-1526 , 1523-1520 จุด แนวต้าน 1536-1538 , 1543-1545 จุด
Fund Flow กระแสเงินไหลเข้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในวันศุกร์อีก US$218 ล้าน แม้จะมีข่าวการโจมตีสายการบินมาเลเซียบนน่านฟ้ายูเครน เงินทุนส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$116 ล้าน และอินโดนีเซีย US$41 ล้าน ขณะที่ฟิลิปปินส์เป็นประเทศในกลุ่ม TIP ที่มีเงินทุนไหลออก 2 วันติดกันจากความเสียหายของพายุไต้ฝุ่นรามสูร สรุปรวมทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินทุนไหลเข้าภูมิภาครวม US$1,228 ล้าน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนโดยเป็นการลดลงในทุกประเทศ ยกเว้นเกาหลีใต้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) คสช.เตรียมปรับโครงสร้างพลังงาน เพื่อให้ราคาเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค และเพิ่มการแข่งขันในธุรกิจน้ำมัน ขณะที่ PTT ก็พร้อมลดการถือหุ้นในโรงกลั่น SPRC และ BCP รวมทั้งแยกกิจการท่อส่งก๊าซออกมาเพื่อความโปร่งใส การปฏิรูปดังกล่าวมีผลจำกัดมากต่อ PTTEP
(-) คสช.สั่งระงับประมูลคลื่น 4G ออกไป 1 ปี ส่วนกสทช.คาดว่าจะเริ่มประมูลคลื่น 1800MHz และ 900MHz เร็วสุดเดือนก.ค.ปีหน้า จากเดิมที่กำหนดประมูลเดือน ส.ค. และพ.ย. นี้ การเลื่อนการประมูลทำให้ขาดปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นในหลายเดือนข้างหน้า แต่เงินปันผลที่กลุ่มนี้จ่ายค่อนข้างดี ประมาณ 6% จะเป็นตัวจำกัด downside ของราคาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ADVANC ได้รับผลกระทบมากสุดเพราะหากประมูลไม่ทันสัมปทาน 900 MHz ที่จะหมดอายุ ก.ย. 2015 จะเหลือคลื่น 2100MHz เพียง 15MHz น้อยกว่า TRUE ที่มีอยู่ 27.6MHz และ DTAC ที่เหลือคลื่นมากที่สุด 75MHz ด้วยเหตุนี้ DTAC (กำไรสุทธิ 2Q14 -11% Q-Q, +0.5% Y-Y ต่ำกว่าคาด) ดูจะปลอดภัยกว่าและอัตราเงินปันผลตอบหทนไม่ต่างกันมากนัก
(-) TCAP กำไรน่าผิดหวัง ลดลง 7% Q-Q และ 70% Y-Y ต่ำกว่าคาด 14% จากการตั้งสำรองฯที่สูงกว่าคาด (Coverage ratio ยังอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม) ตามคุณภาพหนี้ของธุรกิจเช่าซื้อที่ตกต่ำ และขาดทุนรถยึดที่สูงขึ้น เราปรับกำไรสุทธิปีนี้ลง 11% เป็นหดตัว 44% Y-Y แย่สุดในกลุ่ม แม้กำไรปี 2015 จะโต 215% Y-Y แต่ยังไม่เท่าปี 2013 ขณะที่ธนาคารอื่นน่าจะมีกำไร new high ในปีหน้า เราปรับเป้าหมายปี 2015 ลง เป็น 47 บาทจาก 49 บาท แนะซื้อลงทุนเพราะถูก (PBV 0.8 เท่า) แต่ยังไม่เห็น story ที่ดีในระยะสั้น
(+) QH เราคาดกำไรปกติ 2Q14 เพิ่ม 37% Q-Q แต่ลด 22% Y-Y ตามรายได้โอน ส่วน Presales 1H14 ทำได้ 44% ของเป้าทั้งปี ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น เราคงประมาณการกำไรปกติปีนี้เติบโต 3% Y-Y และปรับกำไรปกติปี 2015 ขึ้น 4.8% เป็นเติบโต 13% Y-Y และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 4.90 บาท คงคำแนะนำซื้อ เราเริ่มชอบ QH มากกว่า SPALI ที่เป็น Top pick เพราะราคาหุ้นที่ laggard กว่า
(0) SCC แนวโน้มกำไรใน 2Q14 ชะลอลงจากธุรกิจซีเมนต์ที่แย่กว่าคาด และธุรกิจปิโตรเคมีไม่ได้ดีอย่างที่เคยคาด โดยธุรกิจซีเมนต์ถูกกระทบจากฤดูกาลที่ซบเซา การชุมนุมและปัญหาแรงงานต่างด้าวที่กลับประเทศเพราะความเข้าใจผิดต่อข่าวลือ ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีมี Spread ลดลง Q-Q แม้จะเพิ่ม Y-Y แต่ยอดขายกลับหดตัว เราจึงคาดกำไรสุทธิ -4% Q-Q, -19% Y-Y แต่แนวโน้ม 2H14 จะดีขึ้น เรายังคงคาดกำไรปกติปีนี้โต 5% Y-Y และปีหน้าโต 8% Y-Y ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2015 ที่ 495 บาท คงคำแนะนำซื้อ
(0) BECL เราคาดกำไรสุทธิใน 2Q14 ลดลง 9% Q-Q จากค่าซ่อมบำรุงทางด่วนที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก CKP และ TTW จะลดลง แต่กำไรยังโตสูง 63% Y-Y เรายังคงคาดกำไรสุทธิปีนี้ลดลง 44% Y-Y (แต่กำไรปกติ คาดเพิ่ม 52% Y-Y) ยังคงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ 45 บาท คาดปันผลระหว่างกาล 0.70 บาท (yield 1.8%)
ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาปิดบวกเกือบ 1% แทน โดยนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์เครื่องบินมาเลเซียตกในยูเครน และเหตุการณ์สู้รบในฉนวนกาซา ลงบ้าง และยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกูเกิล ด้วย
ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปยังมีปิดลบอยู่บ้าง เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสายการบิน จากความวิตกเกี่ยวกับข่าวเครื่องบินมาเลเซีย ถูกยิงตกในยูเครน
ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดบวกแคบๆ โดยกรอบการขึ้นยังค่อนข้างจำกัด
ค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง แต่ยังอยู่ในลักษณะแกว่งตัวภายในกรอบ 32.08-32.21 บาท/ดอลลาร์ ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง
ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลงเล็กน้อยเพียง 0.06 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปิดที่ 103.13 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเริ่มเทขายทำกำไร หลังคลายความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซียตก
ราคาทองคำในตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 7.5 ดอลลาร์/ออนซ์ มาปิดที่ 1,309.40 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนผ่อนคลายมากขึ้นกับเหตุการณ์เครื่องบินมาเลเซียตก ทำให้เริ่มมีแรงขายทำกำไรก่อน
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16-22 ก.ค. - ไทย: กลุ่มธนาคารประกาศผลประกอบการ 2Q14
22 ก.ค. - สหรัฐ: เงินเฟ้อ (มิ.ย.), ยอดขายบ้านเก่า (มิ.ย.)
23-ก.ค. - ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ก.ค.)
24-ก.ค. - ไทย: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- จีน: HSBC China Manufacturing PMI (ก.ค.)
- เกาหลีใต้: 2Q14 GDP
- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (มิ.ย.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (มิ.ย.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (ก.ค.)
25-ก.ค. - ไทย: PTTEP ประกาศผลประกอบการ
- สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)
28-ก.ค. - ไทย: ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (มิ.ย.)
- สหรัฐ: Pending Home Sales (มิ.ย.)
29-ก.ค. - ไทย: PDG เริ่มซื้อขาย (ราคา IPO 2.80 บาท)
29-30 ก.ค. - สหรัฐ: การประชุม FOMC