- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 03 June 2016 16:47
- Hits: 1683
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาด
คาดยังมีความผันผวน? ภายใต้ที่ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ๆ แต่คาดยังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ในขณะที่นักลงทุนยังคงจับตา (1) ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลาที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดประธานเฟดส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป หากเศรษฐกิจเติบโตตามเป้าหมาย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในทิศทางที่ดี อาจทำให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น โดยการประชุมเฟดมีขึ้น 14 – 15/6/59 และ (2) ราคาน้ำมัน ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 46 USD/bbl สูงสุดในรอบ 7 เดือน อาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงานทั้ง PTT และ PTTEP
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ แนะติดตาม Fund Flow หลังจากนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อ-ขายสุทธิสลับกัน โดยเมื่อวานนี้มีแรงซื้อเข้ามากว่า 1,000 ล้านบาท
โดยยังแนะติดตามค่าเงินสหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ ซึ่งส่งผล (-) ต่อราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ ในขณะที่ค่าเงินบาทล่าสุดแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อยอยู่ที่ 35.57 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มอาหาร การส่งออกได้รับประโยชน์จากแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อน เช่น CPF, TKN
(2) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น IVL
(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น เช่น EPG, SCC และ VNG
(4) กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น ANAN, AP และ SPALI
(5) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่ได้รับประโยชน์จากงานภาครัฐ เช่น CK, STEC, SEAFCO และ SYNTEC
(6) กลุ่มพลังงาน ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของค่าการกลั่น เช่น IRPC และ TOP ในขณะที่หุ้นหลักอย่างเช่น PTT ได้รับประโยชน์จากธุรกิจก๊าซที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี
SET SET50 SET100
1,424.06 +8.30 907.14 +3.89 2,028.17 +11.18
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +48.49, NASDAQ +19.11, S&P +5.93, FTSE -6.32, CAC -9.39 และ DAX +3.56
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มเฮลแคร์ ช่วยชดเชยการปรับลดลงของหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยดัชนี S&P 500 ปิดบวกสูงสุดในรอบ 7 เดือน ในขณะที่สหรัฐฯ เปิดเผย 1) จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงต่ำกว่าคาด อยู่ที่ 267,000 ราย 2) ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดอยู่ที่ 173,000 ตำแหน่ง ในเดือน พ.ค.
โดยตลาดอยู่ระหว่างรอข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อไป
ขณะที่อยู่ระหว่างรอ (1) ประชุมเฟด 14 – 15/6/59 และ (2) ถ้อยแถลงของประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐ ในวันที่ 21/6/59
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ปรับตัวทั้งบวกและลบเล็กน้อย หลังจากธนาคารกลางยุโรป ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจขึ้นเล็กน้อย
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน ก.ค. +US$0.16 อยู่ที่ US$49.17 ต่อบาร์เรล โดยผลประชุมกลุ่มโอเปกเมื่อวันที่ 2/6/59 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ยังไม่สามารถมีข้อสรุปใดๆ ออกมาได้ ขณะที่อิหร่านเป็นผู้คัดค้านแผนการคงกำลังการผลิต และมีแผนเพิ่มการส่งออกน้ำมันให้ได้ถึง 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในช่วงฤดูร้อนนี้ จากปัจจุบันที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
21.56 1.83 3.35
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 46,265.49
สถาบัน 685.6
บัญชีหลักทรัพย์ 27.5
ต่างประเทศ 1,043.35
ในประเทศ -1,756.44
ประเด็นที่ต้องติดตาม 3 มิ.ย. 2559
3/6/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค.
ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนเม.ย.
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนพ.ค.
ยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนเม.ย.
ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนพ.ค.
(7) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(8) กลุ่มการแพทย์ ที่มีการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เช่น BDMS
(9) กลุ่มท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
(10) กลุ่มขนส่ง ในส่วนของธุรกิจการบินและสนามบิน เช่น AAV, AOT, BA
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 1.81% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.57 อยู่ที่ 13.63
หุ้นแนะนำ : SEAFCO
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร.02-684-8789