- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 May 2016 17:14
- Hits: 984
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET lndex: กังวลที่จุดสูงสุดเดิม 1430-1432
SET lndex: 1423.13 เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่บริเวณแนวต้านสำคัญที่ 1425-1430 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้เมื่อรอที่ผ่านก่อนที่จะปรับตัวลดลงไปทดสอบระดับ 1380 จุด ซึ่งเราคาดว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบนี้ น่าจะมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่ทะลุผ่าน 1432 จุดขึ้นไปได้ และมีแนวต้านถัดไปที่ 1455-1460 จุด จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคาร และสื่อสาร ส่วนความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงหลุดระดับ 1420 จุดลงไปทดสอบระดับ 1400 จุด อาจจะมาจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน
แนวต้าน : 1425 และ 1428
แนวรับ : 1422 และ 1420
PTTEP = 78.00 / 79.00, ADVANC = 164 / 166, CPALL = 49.00 / 49.50, JAS = 4.74 / 4.80, lVL = 33.50 / 34.50
WHA Corporation (WHA TB; THB 3.20) - ซื้อ
แนวต้าน : 3.40 และ 3.50 / เป้าหมาย 3.80-3.84
แนวรับ : 3.20 และ 3.16
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มค่อนข้างแข็งแกร่งกลับขึ้นมาเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันอีกครั้ง ในขณะที่โครงสร้างทางเทคนิคมีโอกาสเกิดรูปแบบ Cup and handle pattern
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ WHA โดยมีแนวรับที่ 3.20 และ 3.16 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.40 และ 3.50 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.10 ลงไป
Chai Watana Tannery Group (CWT TB; THB 1.90) - ซื้อ
แนวต้าน : 2.16 และ 2.34
แนวรับ : 1.90 และ 1.88
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง หลังจากปรับตัวลดลงต่อเนื่องแต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบางไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมแล้วฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ CWT โดยมีแนวรับที่ 1.90 และ 1.88 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.16 และ 2.34 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.85 ลงไป
SET50 Index Futures
S50M16 เคลื่อนไหวค่อนข้างผันผวนที่บริเวณแนวต้านสำคัญที่ 910 หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในระยะสั้นเหนือระดับ 912 ขึ้นไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 930 ละ 940 และมีแนวรับสำคัญที่ 904 ถ้าหลุดจะเป็นจังหวะ Open Short
แนวต้าน : 914 และ 917
แนวรับ : 910 และ 908
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Long ใน S50M16 เอาไว้ที่แนวรับ 910-912 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 930 และ 940
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50M16 ปรับตัวลดลงหลุด 904 ลงไป
TPIPLM16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.35 ไม่ถึง 2.36 หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 2.40 ซึ่งเรายังคงคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับที่ 2.20 และ 2.00 จึงทำให้การฟื้นตัวเข้าใกล้ระดับ 2.40 ควรใช้เป็นจังหวะ Open Short
แนวต้าน : 2.36 และ 2.40
แนวรับ : 2.26 และ 2.20
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ขายทำกำไรสถานะ Long ใน TPIPLM16 ที่แนวต้าน 2.36 เพื่อเปลี่ยนเป็นสถานะ Short ที่บริเวณ 2.40 โดยมีแนวรับที่ 2.20
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า TPIPLM16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 2.44 กลับขึ้นไป
TMBM16
ปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรในระยะสั้นหลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคที่ 2.30 เมื่อพิจารณาโครงสร้างในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2.40 และ 2.50 และมีแนวรับสำคัญ 2.28 ถ้าหลุดจะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลลดลงไปทดสอบ 2.00 อีกครั้ง
แนวต้าน : 2.40 และ 2.44
แนวรับ : 2.30 และ 2.28
คำแนะนำ : เราแนะนำให้ Open Long ใน TMBM16 ที่แนวรับ 2.28-2.30 เพื่อคาดหวังการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.40 และ 2.50
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า TMBM16 ปรับตัวลดลงหลุด 2.27 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tamavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET....MSCl Rebalancing
วันนี้จะเป็นวัน MSCI Rebalancing ของหุ้นใน MSCI Thailand โดยหุ้นที่ได้รับการใส่เข้าไปใหม่ใน MSCI Global standard 2 บริษัทคือ ROBINS EGCO ส่วนใน Small Cap. ได้แก่ S DNA และ GL นอกนั้นที่ถูกถอดออกจาก Small Cap. คือ EFORL SAMTEL SAT SRICHA TIPCO TTCL หากมาดูปฎิกริยาของราคาหุ้นนับตั้งแต่การประกาศในวันที่ 6 พ.ค. ถึงเมื่อวานนี้ ปรากฏว่า หุ้นที่ได้รับการใส่เข้าไปใหม่ใน Global standard และ Small Cap. จากรูปด้านซ้าย GL ขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณเกือบ 25% รองลงมาคือ DNA (17%) ROBINS (10%) EGCO (6%) และ S ที่แทบจะยังไม่ขึ้นเลยจึงเหมาะกับการเล่นเก็งกำไร
สำหรับหุ้นที่เรามองว่าน่าจะได้ปรับเพิ่มน้ำหนักและราคาหุ้นขึ้นมาตอบสนอง อย่างมากคือ CPF และ IVL ที่ขึ้นมาแล้วประมาณ 28% และ 25% ส่วน PTTEP ขึ้นมาประมาณ 15% ตามมาด้วย HMPRO 6 % PTT 4% TU 3% PTTGC 2% ส่วน GLOW ยังติดลบ โดยหุ้นที่คาดว่าน่าจะยังมีช่องให้ขึ้น เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองคือ TU PTTG และ GLOW
การทำ Rebalancing ของหุ้นใน MSCI Thailand ในวันนี้ คาดน่าจะทำให้ปริมาณการซื้อขายหุ้นในตลาดคึกคักเป็นพิเศษ สำหรับแรงซื้อคืนหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ น่าจะเป็นผลมาจากตอบสนองต่อการปรับลดน้ำหนักไปมากพอแล้ว โดยการเข้ามาซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติน่าจะมาจากการซื้อคืนหุ้นสื่อสารและธนาคารพาณิชย์ใหญ่ หลังขายมาต่อเนื่อง นอกนั้นเป็นผลจากการ Rebalancing ซึ่งหลังจากนี้คงจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้เมื่อขึ้นไปแตะ 1430+/- จุด น่าจะเริ่มมีแรงขายหุ้นออกมา หลังมองตลาดอาจจะได้รับผลกระทบจากความกังวลทิศทางดอกเบี้ยในสหรัฐและการลงประชามติจะอยู่หรือไปของอังกฤษ (Brexit) ส่วนมุมมองของบรรดากองทุนทั่วโลกในเดือน พ.ค. ปรากฏว่าบรรดากองทุนได้ลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง เพิ่มพันธบัตรและถือเงินสดเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นความกังวลของตลาดต่อ 2 ประเด็นข้างต้น
ปัจจัยที่จะส่งผลต่อทิศทางของตลาดที่ต้องติดตามในเดือนมิ.ย. ประกอบไปด้วยการประชุมธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกและการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 2 มิ.ย. นี้ โดยการประชุมโอเปกเราคาดว่าจะไม่มีบทสรุปในเรื่องการปรับลดหรือตรึงกำลังการผลิตเนื่องจากทั้งซาอุฯ และอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันลำดับ 1 และ 2 ของกลุ่มโอเปก 12 ประเทศ (มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 30 ล้านบาร์เรล/วันหรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของโลก) แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ปรับลดกำลังการผลิตลง ดังนั้นผลการประชุมออกมาน่าจะผิดหวังตลาดและน่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง ส่วนการประชุมธนาคารกลางสำคัญที่จะมีผลกับตลาดคือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งตลาดไม่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเพิ่มเพราะจะรอดูการทำประชามติอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปในปลายเดือนมิ.ย. ก่อน ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 14-15 มิ.ย. แม้ว่าส่วนใหญ่ตลาดจะยังคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่หากมีการปรับขึ้นจะส่งผลลบต่อทิศทางตลาดทันที โดยคาดว่าหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงทะลุ 36 บาท/ดอลลาร์และนักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาเทขายจนดัชนีมีโอกาสที่จะปรับลดลงไปที่ระดับ 1300 จุดได้ (ในเดือนธ.ค. 58 ที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกดัชนีปรับลดลงจาก 1,360 จุดปลายเดือนพ.ย. มาปิดที่ 1,288 จุดหรือ -5.3%)
วันนี้มองดัชนี SET น่าจะขึ้นไปเหนือ 1430 จุด แล้วค่อยๆ ซึมตัวลงมาเล่นต่ำกว่า 1430 จุด หลังตลาดหุ้นไทยขึ้นไปเล่นที่ค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าใกล้จุดสูงสุดที่ 14.3 เท่า โดยหุ้นที่แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ประกอบด้วย IVL CPALL BCH
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary...
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,423.13 จุด ลดลง 0.99 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 23,895.66 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ผันผวนในกรอบ โดยมีแรงขายทำกำไร หลังดัชนีปรับขึ้นมาต่อเนื่อง ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ ขณะที่นักลทุนยังกังวลทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
Afternoon Perspective...
แนวโน้มตลาดบ่าย SET น่าจะปรับฐานย่อย เนื่องจากระยะสั้นหุ้นกลุ่มธนาคารอาจจะย่อตัวลง หลังปรับตัวขึ้นนำตลาดมาต่อเนื่อง ทำให้จำเป้นต้องมีการปรับฐานย่อยๆเพื่อสร้างโอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อ โดยมองการปรับฐานในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 1413 จุด จะเป็นโอกาสในการเข้าซื้อรอบอีกครั้ง โดยมีแนวต้านด้านบนที่ 1436 จุด และ 1452 จุด แนะนำ ขายเล่นรอบทำกำไรและรอเข้าซื้อกลับหุ้นกลุ่มธนาคารและสื่อสาร แถวบริเวณ 1413 จุด
Technical Pick (PM) & Cash Balance...
WHA Corporation (WHA TB; THB 3.20) - ซื้อ
Chai Watana Tannery Group (CWT TB; THB 1.90) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]