- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 31 May 2016 17:11
- Hits: 941
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กระแสประมูลโครงการภาครัฐยังเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้น ยังแนะนำให้ switch จากหุ้นที่ชนะตลาดฯ ในช่วงที่ผ่านมา (PETRO, ENERG, COMM, TRANS) มายังหุ้น Laggard เช่น ก่อสร้าง เลือกหุ้นก่อสร้างขนาดใหญ่ 2 แห่งคือ CK(FV@B36), UNIQ (FV@B20) เป็น Top picks และยังชื่นชอบ TU(FV@B25) ซึ่งมี EPS Growth สูงสุด
การลงทุนภาครัฐ ยังเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจและตลาดหุ้น : CK, UNITQ, SEAFCO
ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย นับจากนี้เป็นต้นไป จะถูกขับเคลื่อนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล เนื่องจากการประมูลมีความชัดเจนมากขึ้นลำดับ โดยโครงการที่ ครม.อนุมัติแล้วในช่วงที่ผ่านมา และคาดว่าจะประมูลได้ในช่วงเดือน มิ.ย.2559 รวมทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 2.89 แสนล้านบาท โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง คือ สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) มูลค่ารวมราว 2 แสนล้านบาท ตามมาด้วยรถไฟรางคู่ (สายประจวบ-ชุมพร) มอเตอร์เวย์ และ สุวรรณภูมิเฟส 2 ดังตารางด้านล่าง
โดยการประชุม ครม. ในวันนี้คาดว่าจะมีการเสนอโครงการรถไฟทางคู่ (เส้นมาบกะเบา-จิระ) วงเงิน 2.98 หมื่นล้านบาท ขณะที่รถไฟทางคู่เส้นที่เหลืออีก 2 เส้น อาทิ นครปฐม-หัวหิน และ ลพบุรี – ปากน้ำโพ รออนุมัติจากสภาพัฒน์ (สศช.) ในเร็วๆ นี้ และเตรียมเสนอ ครม.ในระยะถัดไป ประกอบกับรถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิ้งค์ (ส่วนต่อ พญาไท-ดอนเมือง) วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดการก่อสร้างจาก รฟท. เป็นต้น
โดยเชื่อว่าตลอดเดือน มิ.ย. เป็นต้นไป กระแสเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มรับเหมาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยหุ้นที่ได้ผลประโยชน์โดยตรง อาทิ หุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ คือ CK (FV@B36) มีความพร้อมและประสบการณ์ทำงานสูง โดยเฉพาะงานก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินและบนดิน (สีน้ำเงิน ม่วง และ เขียว) และ UNIQ (FV@B20) มีประสบการณ์ก่อสร้างสูงเช่นกัน ทั้งสายสีน้ำเงิน และสีเขียว
ขณะที่ผู้รับเหมาขนาดกลาง-เล็ก ชื่นชอบ SEAFCO ([email protected]) ผู้นำในอุตสาหกรรมเสาเข็ม มีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 30% และมีเครื่องจักรมากเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม ซึ่งงานประมูลภาครัฐในปีนี้ หลายโครงการมีส่วนต้องใช้เสาเข็มและกำแพงกันดินจำนวนมาก ทั้งอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 และรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี
ต่างชาติซื้อหุ้นทั้งภูมิภาค และต่อเนื่องเป็นวันที่ 4
ตลาดหุ้นไทยยังคงได้ปัจจัยหนุนหลัก จากแรงขับเคลื่อนของ Fund Flow ที่ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคในช่วงนี้ โดยวานนี้ต่างชาติยังคงซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ด้วยมูลค่ากว่า 600 ล้านเหรียญ และเป็นการซื้อสุทธิทั้ง 5 ตลาด คือ ไต้หวันถูกซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 439 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน) ตามมาด้วยเกาหลีใต้ 96 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิ 2 วัน), อินโดนีเซีย 42 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 7 วัน), ฟิลิปปินส์ 10 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน) และไทยที่ซื้อสุทธิ 12 ล้านเหรียญ หรือ 438 ล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน) เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 1.2 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน)
ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงถึง 1.4 พันล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 3.1 พันล้านบาท
กลยุทธ์เลือกหุ้น Laggard : CK, SEAFCO, UNIQ, KCE, WORK
นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน SET Index ปรับขึ้นแล้วถึงกว่า 10.6%ytd (ฟื้นตัวขึ้นจากปีที่แล้วปรับลดลงไป 14%) โดย sector ที่ outperform มากกว่าตลาด คือ ปิโตรเคมี เพิ่มขึ้นมากที่สุดถึง 27.6%ytd ตามด้วยพลังงาน เพิ่มขึ้น 21% ส่งออกอาหาร 19.7% ค้าปลีก 15.2% และ ขนส่ง 12.9% โดย sector ดังกล่าวส่วนใหญ่ฟื้นตัวหลังจากติดลบหนักในปีที่ผ่านมา
ในทางกลับกัน sector ที่ underperform กว่าตลาด อาทิ ประกันฯ -14.1% รับเหมาฯ -7.5% บันเทิง -6.3% โรงแรม -4.7% และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ -3.7% เหตุส่วนหนึ่งมาจากปีที่แล้วกลุ่มเหล่านี้สามารถปรับขึ้นได้มากกว่าตลาด
ทั้งนี้ การปรับขึ้นของ SET Index ในช่วงที่ผ่านมา มีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะ soft commodity ซึ่งฟื้นตัวตามราคาน้ำมันโลก อย่างไรก็ตาม ในภาวะปัจจุบันที่ fund flow มีอย่างจำกัด แนวโน้มจากนี้ คาดว่าน่าจะเริ่มเห็นการขายทำกำไรระยะสั้นในหุ้นโภคภัณฑ์ หลังจากที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง และชนะตลาดต่อเนื่องหลายเดือน และน่าจะเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงิน มายังหุ้นในประเทศที่อิงโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล โดยในช่วง 2H59 น่าจะเห็นการเปิดประมูลงานก่อสร้างขนาดใหญ่ดังกล่าวข้างต้น จึงน่าจะทำให้กระแสตกมาที่กลุ่มรับเหมาฯ หุ้นรับเหมาขนาดใหญ่ คือ CK (FV@B36) และผู้รับเหมาขนาดกลาง-เล็ก ชื่นชอบ SEAFCO ([email protected])
สำหรับ กลุ่มอื่นๆ ที่ยัง laggard กว่าตลาด คือกลุ่มชิ้นส่วนฯ หลังจาก 1Q59 ยอดขายของผู้ประกอบการบางแห่งลดลงเนื่องจากเป็นช่วง low season ลูกค้ามีสต็อกสินค้าไว้ แต่คาดว่าอานิสงส์จากช่วงฤดูกาลส่งออกใน 3Q59 ผลการดำเนินงานจะกลับมาฟื้นตัวได้ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมทั้ง margin ที่จะดีขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าใหม่ และการขยายการผลิต-เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ฝ่ายยวิจัยยังชอบ KCE (FV@B100) ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง 1Q59 สามารถเติบโตได้แข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรม และน่าจะทำ new high ได้ต่อเนื่องรายไตรมาส
และกลุ่มสื่อ-บันเทิง ในช่วง 1Q59 เม็ดเงินโฆษณาของสื่อโดยรวมของกลุ่มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ยกเว้น WORK (FV@B45) ที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ รวมทั้งกำไรทั้งปีมีแนวโน้มสดใสจากการปรับขึ้นค่าโฆษณาในทุกไตรมาสตามส่วนแบ่งผู้ชมมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง และมีโอกาสได้กำไรเพิ่มเติมจากการ waive ค่าธรรมเนียมฯ หนุนการเติบโตในปีนี้กว่าเท่าตัวจากปีที่แล้ว
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์