WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

CIMBบล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(AM)

 

Technical highlights
SET Index : ถ้าทะลุผ่าน 1404 เข้าซื้อกลุ่ม BANK บางส่วน
  ทิศทางตลาด : SET Index ปิดที่ 1397.63 จุด เพิ่มขึ้น 13.37 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,021 ล้านบาท ตลาดเมื่อวานปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1398 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นเดิม และมีกรอบแนวโน้มขาลงในระยะสั้นที่ 1404 จุด ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิค
  Daily: ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเข้าใกล้แนวต้านที่ 1400 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายยังไม่สูงมาก จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นยังให้น้ำหนักเป็นการฟื้นตัวทางเทคนิค โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1404 จุด ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ เราแนะนำให้จับตาแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมีโอกาสกลับตัวค่อนข้างสูง และแนวโน้มของ SET Index จะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1450 จุด
  กลยุทธ์ : SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้แนวต้านสำคัญที่ 1400-1404 จุด ถ้าสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นสัญญาณการกลับเข้าไปซื้อหุ้น โดยที่หุ้นในกลุ่มธนาคาร น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวค่อนข้างแรง แต่หุ้นในกลุ่มพลังงานเกิดสัญญาณในเชิงลบ จึงทำให้การปรับตัวเพิ่มขึ้นมีความเสี่ยงในการถูกขายทำกำไร

Most Active Value:           แนวรับ   แนวต้าน
IVL แนวต้านสำคัญ 32.50-33.00 เป็นจังหวะขาย แนวรับ 30.00 และ 28.00 31.00 / 30.00 32.50 / 33.00
KBANK แนวต้าน 165-167 รอการทะลุผ่าน 167 จะเป็นจังหวะซื้อ แนวรับ 160 162 / 160 165 / 167
PTT ฟื้นตัวทดสอบแนวต้านที่ 300-302 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 314-315 297 / 295 300 / 302
PTTEP แนวต้าน 78.00-79.00 ถ้าทะลุผ่านขึ้นไปได้ แนวต้านถัดไป 82.00 แนวรับ 75.00 76.00 / 75.00 78.00 / 79.00
SCB สัญญาณฟื้นตัว แนวต้าน 130-132 แนวรับ 126 127 / 126 130 / 132
BBL สัญญาณซื้อ แนวต้าน 160 แนวรับ 156 และ 155 156 / 155 158 / 160
CPALL สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 50.00 แนวรับ 48.00 48.00 / 47.50 49.00 / 50.00
ADVANC สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 165 และ 170 154 / 152 155 / 157
PTTGC สัญญาณฟื้นตัว แนวโน้มขึ้นทดสอบ 65.00 แนวรับ 60.00 61.00 / 60.00 62.00 / 63.00
JAS แนวรับสำคัญ 4.64 ถ้าหลุดดูเสี่ยงลงทดสอบ 4.40 แนวต้าน 4.80 4.68 / 4.64** 4.74 / 4.80

KCE Electronics (KCE TB; THB 79.50) – ซื้อ
  แนวต้าน : 83.00 และ 85.00
  แนวรับ : 79.50 และ 79.00
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานเหนือแนวรับของกรอบแนวโน้มขาขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 60
  แนะนำซื้อ KCE โดยมีแนวรับที่ 79.50 และ 79.00 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 83.00 และ 85.00 เป็นจุดขายทำกำไร
  ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 77.50 ลงไป และมีแนวรับถัดไปที่ 74.00 เป็นแนวรับสำคัญ

Mono Technology (MONO TB; THB 2.54) – ซื้อ
  แนวต้าน : 2.70 และ 2.80 / แนวต้านสำคัญ 2.90
  แนวรับ : 2.54 และ 2.50
  ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากสร้างฐานเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้แนวโน้มในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
  MACD ปรับตัวลดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
  แนะนำซื้อ MONO โดยมีแนวรับที่ 2.54 และ 2.50 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2.70 และ 2.80 เป็นจุดขายทำกำไร
  STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.40 ลงไป

Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 - [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)

SET….ตลาดหุ้นไทยไม่ถูกอย่างที่คาด
  นับตั้งแต่ต้นปี 2016 เป็นต้นมา ราคาสินทรัพย์ต่างๆ เมื่อเทียบปี 2015 ส่วนใหญ่พลิกตัวกลับคือฟื้นตัว อย่าง ราคาน้ำมันดิบ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาทองคำ ค่าเงินดอลลาร์ ตราสารหนี้ในตลาดหุ้นเกิดใหม่ และดัชนีตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว ส่วนดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ และตลาดชายขอบยังอยู่ในภาวะประคับประคองตัว คือยังทรงตัวอยู่ในแดนลบแต่ไม่มากเท่าปี 2015 ภาพตรงนี้กำลังสะท้อนให้เห็นแนวโน้มการโยกย้ายเม็ดเงินการลงทุนไปยังตลาดหรือสินทรัพย์ที่ลงไปลึกๆในปี 2015 หลังมีสัญญาญการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันและทองคำ จาก เศรษฐกิจสหรัฐ ส่งสัญญาณการฟื้นตัว จนที่สุดนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ย
  สภาพที่เป็นอยู่อาจจะต้องกลับมาดูทั้งผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ และดูความถูกความแพงผ่านค่า P/E ของแต่ละตลาด ในแง่ของผลตอบแทนคงยังวัดได้ยากกว่าสินทรัพย์ไหนจะไปต่อหรือลงต่อ เนื่องจากยังมีตัวแปรที่ต้องพิจารณา อย่าง ทิศทางราคาน้ำมัน ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ ดอกเบี้ยหรือแม้แต่ตัวเลขเศรษฐกิจ อย่าง ราคาน้ำมันที่ขึ้นมาใกล้ 50 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ อาจไปต่อ หากสต๊อกน้ำมันในสหรัฐลดลงต่อเนื่องหรือปริมาณการใช้น้ำมันของโลกเพิ่มขึ้น ดังนั้นในส่วนของราคาน้ำมันที่ขึ้นมาต่อเนื่อง หากมีปัจจัยหนุนหรือปัจจัยหน่วง ราคามีทั้งขึ้นและลง แต่ภาพที่เห็นตอนนี้กำลังชี้ว่า แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ค่อยๆฟื้นตัวหลังลงไปลึกในปี 2015 จึงไม่แปลกที่เม็ดเงินกำลังไหลเข้าไปยังตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลาดเงิน และพันธบัตร โดย 2 ส่วนหลังมาจากทิศทางดอกเบี้ย
  ในส่วนของตลาดหุ้นที่ตอนนี้ดูเหมือนดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ทั่วโลก ยังเป็นแค่ประคับประคองตัว คือบวกลบ เล็กน้อยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน แต่ถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2015 ส่วนในตลาดพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐ ญี่ปุ่น ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ในส่วนของตลาดหุ้นทั่วโลก ยังขึ้นได้น้อยเมื่อเทียบราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ก็น่าจะมาจาก หลายตลาดเริ่มแพง เนื่องจากอัตราการทำกำไร (EPS growth) ยังทรงตัวในระดับต่ำ และตลาดเริ่มกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะส่งผลต่อตลาดหุ้น
  ตลาดหุ้นไทย แม้หลายส่วนมองว่าดัชนียังขึ้นได้น้อย แต่หากมาดูดัชนี MSCI Thailand ตั้งแต่ต้นปี 2016 ถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นถึง 11.8% เทียบตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก -0.2% และเมื่อดูค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของ MSCI Thailand เทียบภูมิภาค จะพบว่าดัชนีที่เป็นอยู่กำลังแพงมากๆ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการทำกำไรของตลาดยังต่ำ ค่า P/E จึงขึ้นไปเล่นที่ค่า +2SD เท่าๆกับช่วง 1600 จุด ตรงนี้เราจึงมองว่ากรอบการขึ้นของดัชนีหุ้นไทยมีจำกัด จนกว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต้องไปลุ้นในครึ่งปีหลังเรื่องเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้คาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1400 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งได้อานิสงค์จากการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ยังปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 0.94 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ 1.9% ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนและของปีนี้ ดังนั้นวันนี้เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีต่อ โดยมี top pick เป็น IVL PTTGC PTTEP และ SPRC นอกจากนั้นเราแนะนำ ซื้อ KCE ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะถูกประกาศนำเข้าไปคำนวณ SET50 ในงวดครึ่งปีหลัง วันนี้เราให้แนวรับไว้ที่ 1390-1395 จุดและแนวต้านที่ 1405-1410 จุด

Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(AM)

Investment Strategy
  กลยุทธ์ :ตลาดหุ้นไทย แม้หลายส่วนมองว่าดัชนียังขึ้นได้น้อย แต่หากมาดูดัชนี MSCI Thailand ตั้งแต่ต้นปี 2016 ถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นถึง 11.8% เทียบตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก -0.2% และเมื่อดูค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของ MSCI Thailand เทียบภูมิภาค จะพบว่าดัชนีที่เป็นอยู่กำลังแพงมากๆ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราการทำกำไรของตลาดยังต่ำ ค่า P/E จึงขึ้นไปเล่นที่ค่า +2SD เท่าๆกับช่วง 1600 จุด ตรงนี้เราจึงมองว่ากรอบการขึ้นของดัชนีหุ้นไทยมีจำกัด จนกว่าอัตราการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต้องไปลุ้นในครึ่งปีหลังเรื่องเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและราคาน้ำมัน กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้คาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นต่อทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1400 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งได้อานิสงค์จากการที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ยังปรับขึ้นต่อเนื่องอีก 0.94 ดอลลาร์/บาร์เรลหรือ 1.9% ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนและของปีนี้ ดังนั้นวันนี้เราแนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีต่อ โดยมี top pick เป็น IVL PTTGC PTTEP และ SPRC นอกจากนั้นเราแนะนำ ซื้อ KCE ซึ่งเป็นหุ้นที่คาดว่าจะถูกประกาศนำเข้าไปคำนวณ SET50 ในงวดครึ่งปีหลัง วันนี้เราให้แนวรับไว้ที่ 1390-1395 จุดและแนวต้านที่ 1405-1410 จุด

Themes play :
  KCE : เราแนะนำ ซื้อ KCE โดยมีราคาเป้าหมาย 97 บาท โดยเราคาดว่า KCE จะถูกประกาศเข้าไปในการคำนวณดัชนี SET50 ในงวดครึ่งปีหลัง (ก.ค.-ธ.ค. 59) หลังวิเคราะห์มูลค่าตลาด (4.5 หมื่นล้านบาท) และปริมาณการซื้อขายในช่วง 6 เดือนย้อนหลัง (ธ.ค.58 - พ.ค. 59) แล้วพบว่ามูลค่าตลาดรวมอยู่ในลำดับที่ 58 แต่หากตัดหุ้นในกระดานต่างประเทศ, กองทุนโครงสร้างพื้นฐานและหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำที่ไม่เข้าเกณฑ์อย่าง (BAY, BIGC, MAKRO) ออก จะพบว่า KCE จะมีมูลค่าตลาดอยู่ในลำดับ 44 ในปัจจุบันซึ่งน่าจะเข้าข่ายที่จะถูกเลือกเข้าไปในการคำนวณ SET50 ในรอบนี้ ในด้านของปัจจัยพื้นฐานหลังจากที่กำไรไตรมาสแรกทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว เราคาดว่าผลกำไรในไตรมาส 2/59 จะทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น, อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการประหยัดจากขนาดและคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรในปีนี้จะเติบโตถึง 46% สูงสุดในกลุ่มอิเล็คโทรนิคส์ โดยเราเลือก KCE เป็นหุ้น top pick ในปีนี้

ประเด็นในสัปดาห์
  26 พ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Durable Goods orders เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ +0.8%
  26 พ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข Pending Home Sales MoM เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ 1.4%
  27 พ.ค. : สหรัฐประกาศตัวเลข GDP Annualized QoQ ไตรมาส 1/59 จากไตรมาสก่อนหน้าที่ +0.5%
  27 พ.ค. : จีนประกาศตัวเลข Industrial Profit YoY เดือนเม.ย. จากเดือนก่อนหน้าที่ +11.1%

Opportunity Day
  26 พ.ค. : TVD TKS RICHY NDR TMILL LALIN
  30 พ.ค. : AH ORI TSR PTG PYLON TTA
  1 มิ.ย. : CSL BM CPN SENA TRC DEMCO GOLD
  2 มิ.ย. : FORTH LIT SEAFCO SAT AIT SGP BJC
  6 มิ.ย. : MEGA NCH ASP SMART INET
  7 มิ.ย. : PJW PSTC CNT BAFS CGH
  8 มิ.ย. : LHK EPG IMPACT S DAII
  9 มิ.ย. : DRT APCO TSC A TKT
  10 มิ.ย. : ADVANC JUBILE ARROW TNP BTS

Fundamental Stock :
  COL : Company Note (คำแนะนำ : ถือ

Technical Pick:
  กลยุทธ์ : SET Index ปรับขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญ 1400-1404 จุด ถ้าทะลุผ่านไปได้ จะเป็นสัญญาณการกลับเข้าไปซื้อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มธนาคารจะฟื้นตัวแรง
  KCE Electronics (KCE TB; THB 79.50) - ซื้อ
  Mono Technology (MONO TB; THB 2.54) - ซื้อ

SET Index : ถ้าทะลุผ่าน 1404 เข้าซื้อกลุ่ม BANK บางส่วน
Retail Research Team

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!