- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 26 May 2016 17:57
- Hits: 410
บล.เอเซียพลัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์การลงทุน
หุ้นน้ำมันกลับมานำตลาด หลังสต๊อกน้ำมันลดมากกว่าคาด และดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า หนุนดัชนีแแตะ 1,400 จุด Top pick คือ PTTEP(FV@B80) มีโอกาสเพิ่มมูลค่าหุ้นหากน้ำมันดิบทะลุ 50 เหรียญฯ และยังชอบ KCE(FV@B100) ซึ่งนอกจากแนวโน้มกำไรโดดเด่นที่สุดในกลุ่มยังมีโอกาสเข้าคำนวณ SET50 และจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก
ควรมี PTT/PTTEP ไว้ในพอร์ต..มีโอกาสปรับเพิ่มสมมติฐานราคาน้ำมันขึ้นในงวด 2H59
วานนี้ สำนักสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) รายงานสต๊อกน้ำมันสิ้นสุดสัปดาห์ (20 พ.ค.) พบว่า น้ำมันดิบกลับมาลดลงมากกว่าคาด (จากที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อนหน้า) กล่าวคือลดลง 4.23 ล้านบาร์เรล เทียบกับตลาดคาดจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นไปตามผลของฤดูกาล และเป็นผลจากการลดกำลังการผลิตในประเทศ สอดคล้องกับจำนวนหลุมขุดเจาะที่ลดลง (ล่าสุดอยู่ที่ 318 หลุม คงที่จากสัปดาห์ก่อน แต่เป็นการลดลงจากระดับสูงสุดราว 1,609 หลุม ในเดือน ต.ค. 2557)
ขณะที่น้ำมันสำเร็จรูปพบว่าลดลงเช่นกัน กล่าวคือ น้ำมันดีเซลลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล เป็นการลดลง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน สวนทางกับน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล (หลังปรับตัวลดลงติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์) เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันในภาคครัวเรือนที่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่การผลิตน้ำมันสำเร็จรูปกลับเพิ่มขึ้น
นอกจากสต๊อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าคาดแล้ว Dollar Index ที่เริ่มชะลอการแข็งค่าหลังปรับตัวแข็งค่าราว 2.6% (นับตั้งแต่ 3 พ.ค.) โดยกลับมาอ่อนค่า ราว 0.16% เทียบกับเงินยูโรวันก่อนหน้า คาดจากการแรงขายทำกำไรปิดสถานะของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ถือสถานะ Long ไว้ก่อนหน้านี้ หนุนให้ราคาสินค้าโภคภัฑณ์ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งราคาน้ำตาล (ล่าสุดขึ้นมาเหนือ 17.15 เซ็นต์ต่อปอนด์), กากถั่วเหลือง (ทำ New high ทะลุ 400 เหรียญฯต่อตัน) และโดยเฉพาะราคาน้ำมันตลาดล่วงหน้า WTI และ Brent ที่ปรับตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 7 เดือน (ล่าสุด WTI และ Brent อยู่ที่ 49.62 , 49.74 เหรียญฯต่อบาร์เรล) เช่นเดียวกับน้ำมันดิบดูไบที่ปิดตลาดวานนี้ที่กลับมายืนเหนือ 45 เหรียญฯต่อบาร์เรลอีกครั้ง
หากราคาน้ำมันดิบดูไบยังฟื้นตัวต่อเนื่อง และทะลุ 50 เหรียญฯต่อบาร์เรล อาจจะทำให้นักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานโดยรวม จะต้องกลับมาทบทวนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบกันใหม่ในงวด 2H59 ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานของนักวิเคราะห์ ASPS กำหนดให้ราคาน้ำมันดิบดูไบในปี 2559 อยู่ที่ 45 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ส่วนในปี 2560 และ 2561 อยู่ที่ 50 เหรียญฯ และ 55 เหรียญฯ และให้ยืนที่ 60 เหรียญฯ นับจากปี 2562 เป็นต้นไป ดังนั้นหากมีการปรับขึ้นสมมติฐานน้ำมันดิบขึ้น ในเบื้องต้นประเมินว่า ทุก 5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ที่ปรับขึ้น จะทำให้ Fair Value ของ PTTEP(FV@B80) จะเพิ่มขึ้น 8-10 บาทต่อหุ้น ขณะที่ PTT(FV@B330) จะเพิ่มขึ้น 6-7 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นการเปิด upside ให้เกิน 10% อีกครั้ง จากปัจจุบันที่อาจจะมี upside จำกัด จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นทั้ง 2
หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบ 2H59 ที่โดดเด่นคือ KCE, MTLS
โดยปกติตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีการทบทวนรายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ในทุกๆ 6 เดือน หรือใน 1 ปีจะมี 2 รอบคือ ม.ค. – มิ.ย. และ ก.ค. –ธ.ค. โดยมีหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ อาทิ ต้องมี Free-float ไม่ต่ำกว่าที่กำหนด, ต้องมีมูลค่าการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอไม่น้อยกว่าที่กำหนด เป็นต้น สำหรับในรอบ 2H59 นี้ ในเบื้องต้น นักวิเคราะห์เชิงปริมาณได้ ได้คำนวณ SET50 และ SET100 รอบ 2H59 (เริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.– 31 ธ.ค. 2559) พอสรุปรายชื่อหุ้นที่เข้า- ออก
คาดการณ์หุ้นที่จะถูกคัดเลือกเข้า/ออก SET50 และ SET100 รอบ 2H59 เบื้องต้น
ทั้งนี้ จากข้อมูลในอดีต 5 ปีย้อนหลัง พบว่าหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวก กล่าวคือ ราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้น ก่อนที่จะมีนำเข้าคำนวณจริงราว 1 เดือน โดยจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยถึง 7.2% ด้วยมีความน่าจะเป็นกว่า 7.4% ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET100 จะให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า และในเวลาที่สั้นกว่า กล่าวคือ จะให้ผลตอบแทน ก่อนวันเข้าคำนวณเพียง 2 สัปดาห์ จนถึงวันที่เข้าคำนวณจริง โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1.3% และความน่าจะเป็นน้อยเพียง 58%
และหากพิจารณารายชื่อหุ้นที่คำนวณได้ดังข้างต้น พบว่าส่วนใหญ่ราคามี upside ค่อนข้างจำกัด และบางบริษัทฝ่ายวิจัยไม่ได้ศึกษา จึงเหลือเพียงส่วนน้อยที่ยังมีช่องว่างให้ปรับขึ้น คือ KCE (FV@B100) โดยมีจุดเด่นเชิงพื้นฐานจากการที่เน้นผลิตและส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ และมีความพร้อมในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีการผลิตได้ตลอดเวลา คาดว่าในงวด 2Q59 จะสามารถทำกำไรสูงกว่าไตรมาสแรกของปีนี้ที่กำไรได้ 751 ล้านบาท และน่าจะทำกำไรในงวด 3Q59 สูงกว่างวด 2Q59 โดยรวมในปี 2559 น่าจะทำกำไรสุทธิได้ 3.1 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 39% เทียบกับปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิก่อนรายได้การพิเศษ เติบโตถึง 22%
ขณะที่ MTLS ([email protected]) ที่มีโอกาสเข้าคำนวณ SET50-SET100 นั้น หากมองในเชิงปัจจัยพื้นฐานก็ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน โดยคาดกำไรสุทธิปี 2559-60 เติบโตถึง 36.0% yoy และ 27.4% yoy ตามลำดับ ขับเคลื่อนด้วยการเติบโตของสินเชื่อทะเบียนรถจักรยานยนต์และรถยนต์ และการเปิดสาขาใหม่ๆ ทยอยสร้างกำไรในแต่ละไตรมาสให้เดินหน้าทำ new high ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีผลบวกจากต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มลดลงมาต่ำกว่า 4% ต่อปี แม้ valuation ของ MTLS จะสูงทั้ง PER และ PBV แต่ก็สะท้อนลักษณะธุรกิจและกำไรสุทธิที่ยังอยู่ในช่วงเติบโตสูง ด้วยความเป็น Countercyclical stock ขณะที่ upside ยังเปิดกว้างถึง 50%
อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้มีข้อจำกัดเนื่องจากข้อมูลที่นำมาใช้ยังไม่สมบูรณ์ โดยเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์จะต้องใช้ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2558 – 31 พ.ค. 2559 แต่คาดการณ์นี้ใช้ข้อมูลถึงวันที่ 23 พ.ค. 2559 จึงทำให้รายชื่อหุ้นบางตัวที่เข้า-ออกอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ รวมทั้งรายชื่อหุ้นที่จะนำเข้า-ออก ในท้ายที่สุดจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของตลาดฯ เป็นสำคัญ
ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคทั้ง 5 ประเทศ
วานนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ทั่วโลกฟื้นตัวตามราคาน้ำมันโลก และเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Fund Flow ที่ต่างชาติสลับมาซื้อสุทธิหุ้นในภูมิภาคทั้ง 5 ประเทศ ด้วยมูลค่ารวม 293 ล้านเหรียญ นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ซื้อสุทธิสูงสุดในภูมิภาคราว 134 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 9 วัน) ตามมาด้วยไต้หวัน 106 ล้านเหรียญ, อินโดนีเซีย 25 ล้านเหรียญ (ซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 3), ฟิลิปปินส์ 19 ล้านเหรียญ (หลังจากขายสุทธิ 3 วัน) และไทยซื้อสุทธิสุทธิราว 10 ล้านเหรียญ หรือ 366 ล้านบาท (หลังจากขายสุทธิเพียงวันเดียว) เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่สลับมาซื้อสุทธิราว 1.6 พันล้านบาท (หลังจากขายสุทธิต่อเนื่อง 4 วัน)
ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ไทย นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 498 ล้านบาท (ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2) เช่นเดียวกับนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ซื้อสุทธิราว 6.3 พันล้านบาท
ภรณี ทองเย็น เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004146
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
พบชัย ภัทราวิชญ์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 052647
ภราดร เตียรณปราโมทย์ เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
พาสุ ชัยหลีเจริญ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยนักเศรษฐศาสตร์