- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 25 May 2016 17:50
- Hits: 579
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
หลังจากซื้อช่วงลบแล้วเน้นถือไว้ได้ แต่ถ้าจะซื้อใหม่น่ารอช่วงอ่อนตัว!!
กลยุทธ์ : ถึงแม้ว่า SET จะมีจังหวะรีบาวด์สลับบ้างหลังปรับตัวลงมาค่อนข้างเร็วในช่วงก่อนหน้า แต่คาดว่ายังมีกรอบบวกจำกัด และเสี่ยงต่อการที่จะยังปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นเรายังแนะนำให้เลือกหุ้นค่อยๆ ทยอยซื้อช่วง SET ลบต่อไป อย่างไรก็ตามเนื่องจากเราคาดว่า SET ใกล้ที่จะพลิกกลับไปเป็นตลาดขาขึ้นรอบใหม่ได้ในช่วงถัดไป ส่วนที่ซื้อลบแล้วจึงแนะนำให้เน้นถือไว้ก่อนดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค : STPI, BJCHI, TU(short)
แนวโน้ม : ช่วงบ่ายวานนี้ SET เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนมากขึ้นอีก หลังจากช่วงเช้าดัชนีเริ่มแกว่งทรงตัวได้ดีขึ้น จากการปรับตัวลงมาเร็วในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ค่อนข้างสดใส เนื่องจากเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปส่วนใหญ่สามารถปิดเป็นบวกได้ดี ทั้งจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินในยุโรป และจากตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน เม.ย.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี รวมทั้งการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก จากคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่ง EIA จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในช่วงค่ำวันนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดเป็นบวกได้ดีโดยเฉลี่ยกว่า 1% ซึ่ง FSS คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากบ่ายวานนี้ด้วย ทำให้ SET ยังมีโอกาสที่จะแกว่งไต่ระดับขึ้นต่อได้อีก อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับโอกาสในการที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าช่วงกลางเดือน มิ.ย. ยังคงกดดันอยู่ กรอบการบวกขึ้นของ SET จึงคาดว่าน่าจะยังค่อนข้างจำกัด และต้องระวังการแกว่งตัวผันผวนย้อนลบต่อเนื่องไว้ด้วย ดังนั้นซื้อลบแล้วถือต่อได้ แต่ถ้าจะซื้อใหม่ยังแนะนำให้รอช่วงตลาดอ่อนตัวดีกว่า
แนวรับ 1380-1375, 1370-1365 จุด
แนวต้าน 1386-1388 , 1392-1398 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$134ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$80.2ล้าน ไต้หวัน US$47.8ล้าน และไทย US$10.5ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$3.8ล้าน และเวียดนาม US$2.8ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่อาจชะลอลงหลังสหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่ที่แข็งแกร่งทำให้ตลาดลดความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก Fed
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ติดตามตัวเลขส่งออกวันนี้ ตลาดคาดส่งออกของไทยเดือน เม.ย. -7.7% Y-Y ลดลงจาก 1Q16 ที่ +1% Y-Y หลังอานิสงส์จากการส่งออกทองคำหมดไป ประกอบกับรถยนต์และชิ้นส่วนซึ่งมีสัดส่วน 12% ของมูลค่าส่งออก ชะลอลง หากมูลค่าส่งออกเป็นไปตามที่ตลาดคาด ยอด 4 เดือนแรกจะพลิกเป็นหดตัว 1.2% Y-Y แม้ภาพรวมทั้งปีที่ +0% Y-Y จะท้าทาย แต่ยังไม่ถึงกับหมดหวังหากช่วงที่เหลือของปีส่งออกได้เฉลี่ย US$1.8 หมื่นต่อเดือนเท่ากับปีก่อน
(+) HANA ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้วใน 1Q16 แต่ 2Q16 ยังถูกกระทบจากการที่ลูกค้าอยู่ในช่วงระบายสินค้าในสต็อก ก่อนจะกลับมา Restock อีกครั้งใน 2H16 ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังการผลิตส่วนต่อขยายของสินค้า IC ของบริษัทเริ่มเดินเครื่อง รวมทั้งโรงงานที่กัมพูชา (มีลูกค้าแล้ว 2 ราย) น่าจะได้รับการรับรอง ISO ราว ก.ค. เราปรับกำไรปกติปีนี้ลง 16% เป็น -6.5% Y-Y สะท้อนกำไร 1Q16 ที่อ่อนแอกว่าคาด ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 35 บาทจาก 41 บาท แนะนำซื้อ เพราะราคาหุ้นที่ปรับลงมา 25% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาสะท้อน 1Q16 ไปแล้ว ปัจจุบันมี PE เพียง 11.4 เท่าและให้ Dividend yield 6.6%
(+) RML เราแนะนำซื้อเก็งกำไร เพราะราคาหุ้นที่ laggard ทำให้ PE ต่ำเพียง 6.5 เท่า ต่ำกว่า PE เฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่ที่ 9 เท่า RML มีแผนงานที่ชัดเจนขึ้นสำหรับคอนโดแบรนด์ใหม่คือ The Lofts ซึ่งการขาย The lofts ทั้ง 2 แห่งอยู่ในเกณฑ์ดีพอควร (เอกมัย ขายได้แล้ว 89% และอโศกขายได้ 30%) ขณะที่ Backlog ปัจจุบันรองรับเป้ารายได้ปีนี้ที่ 5 พันล้านบาท แล้วถึง 93% กรอบการเก็งกำไร เราให้ PE 7-8 เท่าเท่ากับ SIRI คิดเป็นราคา 1.60-1.70 บาท ยังไม่แนะนำซื้อลงทุนเพราะภาพ Macro ไม่อำนวย และ Backlog ปีหน้ายังไม่สูง อยู่ที่ 2 พันล้านบาทเท่านั้น
(+) PIMO ราคาหุ้นปรับลงมาแล้ว 10% หลังประกาศกำไร 1Q16 ซึ่งแม้ว่าจะน่าประทับใจ (+188% Q-Q, +138% Y-Y) แต่ถือว่าเป็นไปตามคาด แนวโน้มกำไรจะยังโตแรง (Y-Y) ทุกไตรมาสจากฐานต่ำในปีก่อนและการขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศ ขณะที่ราคาทองแดงและอะลูมีเนียมยังปรับลง ภัยแล้งและอากาศร้อนหนุนให้แอร์และปั๊มน้ำที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักเกือบ 90% เพิ่มคำสั่งผลิตมากขึ้น เรายังคงคาดกำไรทั้งปีนี้ +81% Y-Y และยังคงราคาพื้นฐาน 2.36 บาท แนะนำซื้อ
(+) BKD เรายังแนะนำ "ซื้อ" BKD ที่ราคาเป้าหมายปี 2016 เท่ากับ 4.50 บาท อิง PE Multiplier 22 เท่า โดยมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มผลประกอบการที่จะกลับมาขยายตัวแรง จากการเลื่อนรับรู้กำไรที่เกิดขึ้นใน 4Q15 ต่อเนื่องถึง 1Q16 มาเข้าใน 2Q-3Q16 และโอกาสได้รับงานใหญ่ของภาครัฐฯในช่วง 2H16 อีกราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการรับรู้รายได้ไปถึงปีหน้าด้วยอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ต่อปี ขณะที่ การบริหารเงินสดด้วยการซื้อที่ดินเพิ่มบริเวณคูคตแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียว คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าเมื่อเทียบกับถือเงินสดอีกราว 0.30 บาท/หุ้น ส่วนที่ดินกรุงเทพกรีฑา ซึ่งบอรด์อนุมัติให้ขายแล้วคาดว่าจะบันทึกกำไรหลังภาษีราว 0.41 บาท/หุ้นใน 4Q15-1Q16 และน่าจะคืนให้กับผู้ถือหุ้นในรูปปันผลพิเศษประมาณ 0.20-0.28 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนส่วนเพิ่ม 6-9% ต่อปี
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแรงหลังตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี รวมถึงบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกจากตลาดหุ้นยุโรปที่พุ่งขึ้นก่อนหน้า
(+) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปัดบวกได้แรงนําโดยหุ้นในกลุ่มธนาคาร ประกัน และค้าปลีก
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่สดใสหลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวค่อนมาทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 35.70-35.80 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.54 ดอลลาร/บาร์เรล มาอยู่ที่ 48.62 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯจะปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้
ราคาทองคํา COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ร่วงแรง 22.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,229.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ จากความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่อาจเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาสดใส
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch