- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 24 May 2016 17:23
- Hits: 1046
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
"เลือกเก็งกำไร/ลงทุนเป็นรายตัว"
Stock Picks-May 2016 : Fundamental : ADVANC, AOT, BA, LPH, TMT
Dark Horse : FSMART, RS
Fundamental Pick -Today: ทยอยซื้อสะสม PTT (ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev : TICON 20%, LPN 12%, TRUE 11%, PTTEP 10%, SCC 10%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่ยังไม่ทิ้งโอกาสรีบาวด์
Support Resistance Stop Loss
SET 1370,1360-50 1390-1400 ค่าลบ
SET50 870-860 890-900 ค่าลบ
Technical Picks - Today WIIK, SYNEX, KTP, SCI, GLOBAL, BWG, BLA, TNP
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : COM7 (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้ลดลง 4.17 จุด ปิดที่ 1381.69 โดยตลาดขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ขณะเดียวกันก็มีความกังวลเล็กๆ กับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะประชุมในกลางเดือนมิ.ย.นี้ หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวยังช่วยพยุงตลาด ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นตัวกดดัน นักลงทุนสถาบันในประเทศยังนำขายสุทธิ ขณะที่รายย่อยนำซื้อสุทธิ
ตลาดหุ้นแกว่งตัวหลังจบรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/59 และมีความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี ยังไม่ได้มีแรงขายรุนแรงเพราะนักลงทุนบางกลุ่มรวมทั้งเราเชื่อว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบ 14-15 มิ.ย.นี้ (เมื่อพิจารณา PMI ภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงใน 2Q59 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ล่าช้า) แต่ความกังวลเรื่องนี้จะกดดันตลาดเป็นระยะไปจนถึงกลางเดือนมิ.ย. การลงทุน/เก็งกำไรช่วงนี้จะเน้นเป็นรายบริษัทมากกว่า ส่วนภาพรวมตลาด ประเมินกรอบล่าง-บนของ SET Index ในระยะ 1 เดือนข้างหน้าไว้ที่ 1380-1370, 1350 จุด และ 1420, 1440-1450 จุด หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็นการทยอยสะสม PTT
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ แต่ยังไม่ทิ้งโอกาสรีบาวด์ที่มีแนวต้านระยะสั้น 1390-1400 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบ แนวรับเก็งกำไรอยู่ที่ 1370, 1360-1350 จุด กลยุทธ์ ซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก และไม่ควรหวัง Gap มาก ส่วนการลงทุน เน้นทยอยซื้อสะสมหุ้นหลักพื้นฐานดีจังหวะราคาอ่อนตัวสำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ SCI, KTP ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ ESSO, BWG, RATCH, KAMART, PACE หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ BEAUTY, SYNEX, TNP หุ้นที่หลุด List เป็น SENA
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
สหรัฐ : PMI ภาคการผลิตเดือนพ.ค.อ่อนลง
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของสหรัฐอ่อนลงเป็น 50.5 จาก 50.8 ในเดือนเม.ย.59 สำหรับสาเหตุที่ทำให้ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนพ.ค. เป็นเพราะผลผลิตในภาคการผลิตที่ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2552 ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ก็ขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในปีนี้ มาร์กิตกล่าวว่าการผลิตที่ชะลอตัวลงจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2/59 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจสหรัฐต้องพึ่งพาภาคบริการและการบริโภคเพื่อรักษาการขยายตัวให้ยั่งยืนมากขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทรงตัว
ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งแคบหลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาหนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย (ล่าสุดเป็นประธานเฟดสาขาเซนหลุยส์ ซึ่งเป็นประธานเฟดสาขาที่ 5 ที่ออกมาคิดเป็นในแนวทางนี้) และราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงก็กดดันตลาดด้วย ปิดตลาดดัชนี DJIA -8.01 จุด ดัชนี NASDAQ -3.78 จุด ดัชนี S&P500 -4.28 จุด
ราคาน้ำมันอ่อนลง...อิหร่านประกาศจะส่งออกน้ำมันดิบเพิ่ม
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 33 เซนต์ ปิดที่ 48.08 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 37 เซนต์ ปิดที่ 48.35 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยกดดัน คือ ข่าวที่ว่าอิหร่านจะผลักดันการส่งออกน้ำมันให้ได้ถึง 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในช่วงฤดูร้อนนี้ จากปัจจุบันที่ส่งออก 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาทองคำอ่อนตัวลงเล็กน้อย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 0.11% ปิดที่ระดับ 1,251.50 ดอลลาร์/ออนซ์ นักลงทุนยังติดตามสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อ แต่ก็ดูเหมือนเชื่อว่าโอกาสที่สหรัฐจะขยับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมกลางมิ.ย.นี้ยังไม่มาก
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กลุ่มเหล็ก : ผ่านจุดสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว...แต่อุปทานตึงตัวทำให้ราคาไม่ร่วงแรง
เราได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารในกลุ่มเหล็ก พบว่าสถานการณ์ราคาเหล็กเริ่มดีขึ้น มีโอกาสที่ราคาเหล็กจะอ่อนลงในเดือนมิ.ย.59 หลังจากปรับขึ้นต่อเนื่องมา 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.59) โดยเป็นผลจากอุปทานในประเทศตึงตัวและราคาเหล็กในต่างประเทศปรับขึ้นแรงจากการเก็งกำไรในตลาดจีนด้วย แต่ขณะนี้ภาวะอุปทานดีขึ้นจากการที่ผู้ประกอบการในประเทศผลิตเพิ่มขึ้นและมีการนำเข้าเหล็กเข้ามาช่วยเสริมบางส่วน
แต่ราคาเหล็กไม่น่าจะลดลงรุนแรงในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากไทยยังอยู่ระหว่างไต่สวนอัตราค่าธรรมเนียมตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping duty) สำหรับการนำเข้าเหล็กจากหลายประเทศ เช่น บราซิล อิหร่าน อียิปต์ ฯลฯ ทำให้ผู้นำเข้าไม่กล้าเสี่ยงที่จะนำเข้าเหล็กจากประเทศเหล่านี้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีประกาศอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวเมื่อไร ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในประเทศต้องมีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานและเครื่องจักรหลังใช้กำลังการผลิตมากในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้
เรามีมุมมองที่เป็นบวกน้อยลงกับกลุ่มเหล็กหลังผ่านจุดสูงสุดในเดือนเม.ย.59 มาแล้ว โดยคาดว่ากำไรของกลุ่มค้าเหล็กจะเริ่มอ่อนลงตั้งแต่พ.ค.59 และไปทรงๆ ในช่วง 2H59 ทั้งนี้ผลประกอบการ 2Q59 ยังมีกำไรดีแต่จะลดลงจาก 1Q59 สำหรับหุ้นที่เรายังคงแนะนำถือ / ซื้อสะสมจังหวะอ่อนตัวเพื่อรับปันผลสูง (มาก) คือ TMT โดยคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q59 จะเติบโต 50-70%YoY แต่อ่อนลง QoQ ส่วนกำไรสุทธิทั้งปี 59 ขยายตัว 76% และให้อัตราผลตอบแทนจากปันผล 9.4% (คิดจากราคาปิด 10.60 บาท)
กลุ่มท่องเที่ยว : รายได้ 2Q59 อ่อนลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโต YoY
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยว 2Q59 ว่ารายได้จะลดลง โดยประมาณการไว้ที่ 5.6 แสนล้านบาทจาก 6.8 แสนล้านบาทใน 1Q59 เพราะปัจจัยฤดูกาล ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว 2Q59 คาดว่าจะเท่ากับ 7.46 ล้านคน (+6.9%YoY) สร้างรายได้ 3.55 แสนล้านบาท (+10.8%YoY) ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มที่น้อยลงจาก 1Q59 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานใน 1Q58 ต่ำด้วย
เรายังคงมีมุมมองบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว แม้ว่ากลุ่มนี้จะถูกกระทบจากปัจจัยฤดูกาลมาก แต่ผลกระทบดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะลดน้อยลงหลังจากไทยมีแผนกระตุ้นด้วยการหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และหาจุดขายอื่นพ่วงกับการท่องเที่ยวเข้ามาเสริม เช่น ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม สปา เป็นต้น ผลประกอบการที่เป็น Core Profit ของหุ้นที่เกี่ยวกับท่องเที่ยวและอาหารในปีนี้เติบโตดี หุ้นเด่นเป็น AOT, ERW และ MINT
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]