WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  ผันผวน? คาดยังมีโอกาสลดลงตามตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เช้านี้ ที่คาดยังถูกกดดันจากประเด็นต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งสัญญาณของเฟดอาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง และอัตราเงินเฟ้อเข้าสู่เป้าหมายที่ 2.0% ซึ่งคาดส่งผลให้เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ รวมถึงเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตามแนะติดตามกลุ่มส่งออกที่ได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาท เช่น กลุ่มอิเลคโทรนิกส์ เป็นต้น
  เช่นเดียวกับกลุ่มพลังงาน ที่คาดยังคงได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ลดลง
  ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ โดยเฉพาะ Fund Flow ที่คาดยังมีความผันผวนแรงซื้อขายสุทธิต่างชาติสลับกันไป แนะติดตามค่าเงินบาทประกอบ คาดหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลต่อ Fund Flow ไหลออกจากภูมิภาค รวมถึงไทย
  ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย คาดดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดกระทรวงการคลังคาด GDP – 2Q/59 เติบโตมากกว่า 3.2% และคาดสูงสุดใน 3Q/59 ที่ 4.0% จากการลงทุนภาครัฐ และคาดทั้งปี’59 เติบโตสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 3.3% ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมตลาดบ้าง แนะติดตามหุ้นกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก และรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น


และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
  (2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
  (3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, TPIPL   
  (4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW) ที่คาดได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยล่าสุดสภาพัฒน์ฯ ปรับเพิ่มคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวปี’59 อยู่ที่ 33 ล้านคน จากเดิมที่ 32.5 ล้านคน และคาดรายได้จากการท่องเที่ยว 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6%
  (5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
  (6) กลุ่มโรงกลั่น มีโอกาสรีบาวน์ หลังจากผลการดำเนินงาน 1Q/59 ออกมาดีกว่าคาด แนะจับตา IRPC, TOP และ SPRC

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +65.54, NASDAQ +57.03, S&P +12.28, FTSE +102.97, CAC +71.36 และ DAX +120.13
หลังข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงอ่อนแอซึ่งรวมถึง ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ที่เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ คาดทำให้เฟดยังคงไม่มีความเชื่อมั่นมากพอที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดช่วยคลายความกังวลในระดับหนึ่ง และยังได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายบ้านมือสอง – เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.7%MoM สู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ 5.45 ล้านยูนิต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการบ้านยังคงแข็งแกร่งและตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ ฟื้นตัวดี


  ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน หลังนักลงทุนคลายความวิตกกังวลว่าเฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.
  ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$0.41 อยู่ที่ US$47.75 ต่อบาร์เรล โดยยังคงมีความกังวลต่อภาวะอุปทานที่ยังอยู่ในระดับสูง
  ขณะที่อยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิตราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.9 อยู่ที่ US$ 1,252.9ต่อออนซ์ ส่วนหนึ่งจากการขายทรัพย์สินที่มีความปลอดภัย หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น


  (+) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ +131 ล้านบาท สะสม YTD +12,442 ล้านบาท (ปี’57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.94 1.78 3.43

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 40,087.61
สถาบัน -1,479.48
บัญชีหลักทรัพย์ -894.14
ต่างประเทศ 131.32
ในประเทศ 2,242.30
  ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.85% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
  ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.13 อยู่ที่ 15.20
  หุ้นแนะนำ : BRR
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์  โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!