WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

NOMURA copyบล.โนมูระ พัฒนสิน : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน

 

       คาด FED Minutes ส่งสัญญาณDovish หนุน sentiment บวกต่อสินค้าโภคภัณฑ์(IVL, STA)ผสานหุ้น Earning Momentum เด่น (BWG)
Nomura : Key Factors
(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบ WTI +1.23% สู่ $48.31/bbl / Brent +0.63% สู่ $49.28/bbl
(+) OIL: ภาวะอุปทานน้ำมันดิบส่วนเกินที่เริ่มชะลอตัวลง กระตุ้นราคาน้ำมันโลกฟื้นเด่น
(+) Ex Factor: FED Minute คืนนี้ คาดจะมีสัญญาณ Dovish ต่อเนื่อง บวกต่อ commo
(+) Int Factor:TRUE ไม่เข้าร่วมประมูลคลื่น 4G 900 MHz คาดส่งผลบวกต่อภาพรวมกลุ่ม
(*) Int Factor: วันนี้ติดตาม ADVANC ยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมการประมูลคลื่น 900 หรือไม่
(*) Valuation: SET ปัจจุบันเทรด PER16F ที่ 15.02 เท่า ใกล้เคียง LT Avg PER 14.7 เท่า
(*) Fund Flow: ต่างชาติขาย 650 ลบ, Long Future 4255, ขาย Bond 2284 ลบ
(-/+) US Econ: เงินเฟ้อ, ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม, การสร้างบ้านใหม่ ฟื้นตัวดีกว่าคาด
(-) Ex Factor: ดัชนีเศรษฐกิจ US เมย. ฟื้นตัว หนุนโอกาสขึ้นดอกเบี้ย มิย.สู่ 12% จาก 4%
SET PER 16F: CNS 15.07x (EPS 93.25) vs Cons.15.02x (LT-Avg 14.7x)
2016 SET Target: CNS Base 1515 pts (EPS 93.25, PER16.25x)
Nomura Daily Top Picks: BWG, IVL, STA

        Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ ผันผวน ในกรอบแนวต้าน 1412/1419จุด และแนวรับ 1397/1392จุด จากสัญญาณดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐ เดือน เม.ย. ที่รายงานออกมาฟื้นตัวขึ้น และดีกว่าตลาดคาด นำโดย 1) อัตราเงินเฟ้อ +0.4%m-m Vs คาด +0.1% 2) ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม +0.7%m-m Vs คาด +0.3% และ 3) ตัวเลขการสร้างบ้านใหม่ +6.6%m-m Vs +3.3%m-m กลับมาเพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯปรับตัวสุงขึ้น โดยหากพิจารณาข้อมูลจาก Bloomberg Consensus พบว่า ตลาดปรับโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยเดือน มิย.ขึ้นสู่ระดับ 12% จาก 4% ในช่วงสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดีโอกาสดังกล่าวยังคงค่อนข้างอยู่ในระดับต่ำ โดยน้ำหนักส่วนใหญ่ยังคงให้โอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พย. ซึ่งก็ใกล้เคียงกับมุมมองของ Nomura ที่ประเมินการขึ้นดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในเดือน กย. นี้ โดยภาพรวมการรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ดีขึ้น

        วานนี้ยังไม่ได้ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่านัก ซึ่งเราคาดอาจจะมาจากแรงเก็งรายงานการประชุม FOMC รอบเดือน เมย 2016 (FED Minutes) ในคืนนี้ ที่น่าจะมีการส่งสัญญาณ Dovish ต่อนโยบายการเงินต่อเนื่อง (การขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เร่งตัว) ส่งผลให้แนวโน้ม Dollar Index ยังมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงในช่วงถัดไป ซึ่งก็ถือเป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ยังสามารถขยับขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยวานนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ขยับขึ้นเด่น นำโดย ราคา Cotton +2%, ถั่วเหลือง +1.5% และ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ +1.2% เป็นต้น ถือเป็น sentiment เชิงบวกกระตุ้นแรงเก็งกำไรต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง ส่วนปัจจัยในประเทศ วันนี้แนะติดตามว่า ADVANC จะยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมการประมูลคลื่น 4G 900MHz. หรือไม่ ส่วนวันนี้พรุ่งนี้ (18 พค.) จะมีการประชุมนัดชี้แจงและตอบข้อสงสัย เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม ต่อภาพรวมการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง

Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%
Short-Term Strategy : เก็ง FED Minute ส่งสัญญาณ Dovish คืนนี้ กดดันแนวโน้ม Dollar Index อ่อนค่า ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แนะทยอยสะสม PTTEP, PTT, TOP, BCP, SCC, IVL, STA, BRR ผสานหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรปี 2016 ฟื้นตัวขึ้นโดดเด่น นำโดย CPF, BWG, PSTC, ERW, KAMART ส่วนกลุ่ม BANK (KBANK, SCB, BBL) แนะทยอยสะสม รับสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไป สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว ยังคงใช้จังหวะย่อทยอยสะสม Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR ส่วนสำหรับวันนี้แนะนำ?Daily Top Picks: BWG, IVL, STA?

Investment Theme:
2016 AEC Connectivity : WISE
Wellness & discover Thainess: ERW, KAMART, BCH, BDMS
Infrastructure: BBL, CK, AMATA. DCC
Spending Recovery: ROBINS, CI, LH, TCAP
Eco Friendly: SCC, KSL, BRR, NYT

2Q16 Top Picks : PTTEP, SCC, SCB, BDMS, CK, PTT, IVL, VIBHA
        Mid-Long Term Strategy : แนวโน้มตลาดเดือน พค. 2016 Fund Flow น่าจะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเอเซียและกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ หลังเศรษฐกิจของ DM ยังมีความเสี่ยง ประกอบกับ Nomura คาด GDP 1Q16 จะฟื้นตัวเด่น 3.5%y-y ดีกว่าตลาดคาดอาจทำให้เดือน พค นี้ SET แกว่งขึ้นดีกว่า Consensus คาด โดยเราให้กรอบต้าน 1453/1475จุด สำหรับหุ้น Big Cap ที่คาดนำตลาดขึ้น ยังเป็น Theme Inflation Hedge ที่ราคา Product ขึ้นต่อเนื่องทั้ง น้ำมัน, ฝ้าย, น้ำตาล, หมู ไก่ กุ้ง และถั่วเหลือง (PTTEP, PTT, IVL, BRR, CPF, GFPT, TVO) ผสานกลุ่ม ICT แนะนำ INTUCH, ADVANC(Downside Limited) และหุ้น Mid-Small Caps ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น 1) กลุ่มที่คาดกำไรเด่น (TVT, CI, KAMART, XO, ERW, SC, SAWAD, MTLS, AAV, ROBINS) และ2 ) กลุ่มพลังงานทางเลือก (BWG, PSTC, GUNKUL, TPCH) และ 3)หุ้น Seasonal ที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำ MAJOR สำหรับเดือนนี้เรามีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ โดยลดส่วนเงินสดลงจาก 22.5% เหลือ 12.5% ไปเพิ่มให้ทองคำเป็น 12.5% สำหรับ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR และ DARK Horse ADVANC, IVL, CI, PSTC

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
BWG (TP2.56*): Support 1.63/1.6 Resistance 1.71/1.8
Theme: WISE - Eco Friendly
Earning outlook: คาดกำไรสุทธิปี 2016F ที่ระดับ 339.5 ลบ. เติบโต 10% y-y จากการ COD โรงไฟฟ้าขยะที่ 1 กำลังการผลิต 8 MW ในช่วง 4Q16F
Valuation: ราคาเป้าหมาย 2.56 บาท Upside สูง 52.3% โดย PER 2016F จะลดสู่ระดับ 13.6x ในปี 2018F หลังบันทึกรายได้โรงไฟฟ้าขยะ 2 โรง
Catalyst: คาดเตรียมเปิดประมูลพลังงานขยะอุตสาหกรรม กำลังการผลิตรวม 50 MW ในเดือนมิ.ย.16 ประกอบกับความคาดหวัง COD โรงไฟฟ้าขยะโรงที่ 1 กำลังผลิต 8 MW ใน 4Q16F

IVL (TP35): Support 30/28 Resistance 33/35
Theme: Earnings Momentum
Earning Outlook : Consensus คาดกำไรปี 2016F เติบโต 11.7%y-y สู่ระดับ 7.38 พันลบ. จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในแถบยุโรปและอเมริกาเหนือที่มี Spread สูง รวมถึงการปรับลดต้นทุนการผลิตลง
Valuation : แนะนำ "ซื้อ" รับแนวโน้มกำไร New High ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มูลค่าเหมาะสม 35.00 บาท
Catalyst : แนวโน้มกำไรบวกต่อเนื่องใน 2Q16F จากการเดินเครื่องโรงงาน MEG และรับรู้ BP Amoco Chemical , Cepsa spain เข้ามาเป็นไตรมาสแรก

STA (TP13.4*): Support 11.2/11.0 Resistance 12.0/12.4
Theme: Bottom-out
Earning outlook : คาดกำไรปกติใน 2Q16F ทำ New High ที่ระดับ 1 พันลบ. (+94% y-y) จากราคายางฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ. ขณะที่สต๊อกยางอยู่ในราคาต่ำ หนุน GPM เพิ่มขึ้นทั้ง y-y, q-q
Valuation : มูลค่าเหมาะสมที่ 13.40 บาท Upside 17.5% กำไรสุทธิ 16F โต 27% y-y
Catalyst : คาดกำไรปกติใน 2Q16F ทำ New High ที่ระดับ 1 พันลบ. (+94% y-y) จากราคายางฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ. ขณะที่สต๊อกยางอยู่ในราคาต่ำ

Research and IRIS Reports
COMPANY QUICK NOTE:
SIRI (NEUTRAL, TP1.7) Key takeaway from analyst meeting
Neutral view: ยังไม่มีประเด็นอะไรใหม่, ภาพรวม target (presale, revenue, new launch) เหมือนเดิม, ปี 2016F ยังห่วงเรื่อง stock condo อีกกว่า 7.0 พันลบ. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างจังหวัด อาจกดดัน GPM ให้ต่ำกว่าเป้า, ปี 2017F ยังห่วง backlog ที่มีต่ำกว่าปกติมาก กดดันให้กำไรสุทธิลดลง y-y
กำไรสุทธิ 1QFY16 เท่ากับ 556 ลบ. (+3%y-y, -45%q-q) ต่ำกว่าเราคาด 7% จากค่าใช้จ่ายพิเศษ (ขาดทุนจากการลดลงของมูลค่าที่ดินรอการพัฒนา) แต่ Norm. Profit ที่ 598 ลบ. ใกล้เคียงที่เราคาด ภาพรวม core operation ด้านรายได้ตามเป้า, คุม SG&A expenses ได้ดี แต่ GPM = 29.6% ลดลง y-y, q-q และยังต่ำกว่า target
SIRI ยัง aggressive ต่อแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ที่ 50.4 พันลบ. (+129% y-y) โดยราว 71% หรือราว 35.5 พันลบ. เป็น condo โดยสาเหตุที่ SIRI ค่อนข้าง aggressive เนื่องจากขยาย portfolio ของลูกค้าใน mid to high-end และ high-end segment เป็นต่างประเทศมากขึ้น (Japan, Taiwan, Hong Kong, Singapore) โดยอาจเห็นที่ราว 20-40% ในแต่ละโครงการ ซึ่งจุดนี้นับเป็นส่วนหนึ่งของ synergy ที่เกิดขึ้นภายหลัง JV กับ BTS
Highlight ของ SIRI ในปีนี้ ยังอยู่ที่ momentum ของ presale ที่คาดโตดี (2016F target = 42.0 พันลบ; +47% y-y) เพราะ condo หลายโครงการในปีนี้ ถือว่าอยู่ในทำเลที่ค่อนข้างโดดเด่น เช่น ทองหล่อ, พระราม 9, สุขุมวิท, ถนนวิทยุ) จึงน่าจะทำ take-up rate ได้ดี

COMPANY QUICK COMMENT:
GFPT (BUY, TP13.6) สรุปประเด็นสำคัญจากประชุมนักวิเคราะห์ 17 พค 2016
เรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ GFPT ดูน่าสนใจน้อยกว่า CPF และคงให้ CPF เป็นกลุ่มเกษตรและอาหาร อย่างไรก็ตาม GFPT มีแนวโน้มกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น y-y q-q ใน 2Q16F เพราะ1) ทิศทางการส่งออก 2) ราคาไก่ในประเทศ 3) บริษัทย่อย GFN และ McKey ยังเป็นปัจจัยบวกสนับสนุน นอกจากนี้เราพบว่าราคาลูกไก่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 3 สัปดาห์อาจนำไปสู่ราคาไก่เพิ่มขึ้นใน 1-2 เดือนข้างหน้า จึงแนะนำสะสม GFPT ที่ราคาเป้าหมาย 13.60 บาท สำหรับแนวโน้มในปี FY16F เราคาดกำไรสุทธิเติบโต 10% เพราะราคาไก่ในประเทศและการส่งออกจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบน่าจะยังอ่อนตัวใน 1H16F ถึงแม้คาดการแข่งขันราคาของผู้ส่งออกไก่ไทยจะยังมีอยู่ แต่ GFPT มีทางเลือกคือขาย Indirect export ผ่านทางพันธมิตรคือ Nichirei

Weekly Outlook :
FOMC Minutes Support
Top Picks: BWG, ERW, KAMART
Weekly outlook : ขึ้น ในกรอบต้าน 1419/1432จุด รับ 1382/1378จุด
       ภาพรวมตลาดในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1) งบ 1Q16 ของภาคการผลิต เข้าสู่โค้งสุดท้าย และส่วนใหญ่รายงานตัวเลขดีกว่าที่ตลาดคาดหมายโดยรวมราว 10% 2) จับตา GDP 1Q16F ของไทยในวันที่ 16 พค นี้ กรณีดีกว่า Consensus คาด 2.8% vs Nomura คาด 3.5% จะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม BANK และ Domestic ฟื้นตัวรอบใหม่ และ 3)การรายงานการประชุม FOMC รอบเดือน เมย 2016 ในวันที่ 19 พค นี้ คาดจะมีสัญญาณ Dovish ต่อนโยบายการเงินต่อเนื่อง(การขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่เร่งตัว) และน่าจะทำให้ทิศทางของ Dollar Index ฟื้นตัวอย่างจำกัด เป็นปัจจัยหนุนทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัว โดยสรุปตลาดน่าจะฟื้นตัวเชิงบวก สู่แนวต้าน 1419/1432จุด แนวรับ 1382/1378จุด ส่วนประเด็นอื่นๆ MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักอย่างไม่มีนัยฯ จาก MSCI EM ASIA ราว -0.01% สู่ 2.27% หรือเม็ดเงินจะ Outflow ราว 12ล้านเหรียญฯ(420ล้านบาท) มีผลวันที่ 31 พค 2016 โดยในส่วนของดัชนี MSCI Global Standard Thailand จะ นำ ROBINS, EGCO เข้าคำนวณใหม่(สัดส่วนน้ำหนักที่ถูกเพิ่มการลงทุนใน MSCI Thailand มีดังนี้ ROBINS 26ล้านเหรียญ EGCO 22.9ล้านเหรียญฯ CPALL 18ล้านเหรียญฯ MINT 13.9ล้านเหรียญฯ) และกลุ่มที่ถูกลดน้ำหนักลง คือ CPF -12.65ล้านเหรียญฯ และ TRUE -14ล้านเหรียญฯ ส่วน MSCI Global Small Caps จะนำ DNA, GL, S เข้าคำนวณ ขณะที่ EFORL, SAMTEL, SRICHA, SAT, TIPCO, TTCL ถูกนำออกจากการคำนวณ
       กลยุทธ์การลงทุน: กลุ่มพลังงานยังนำตลาดต่อ(PTTEP, PTT, TOP, SCC, IVL) และทยอยสะสม BANK(BBL, SCB, KBANK) รับโอกาส GDP 1Q16 ดีกว่าตลาดคาด ผสานหุ้นที่รายงานกำไร 1Q16 เด่น (KAMART, ERW, BRR, BWG, XO, AAV) รวมถึงกลุ่มที่คาดกำไรแกร่ง (PSTC, SPA) ส่วน MSCI Play กรณี ROBINS, EGCO ดีดบวกนับจากวันประกาศ ใกล้ 9%( Avg Return หุ้นเข้า MSCI จนถึงวัน Effective) แนะนำให้ขายทำกำไรเล่นรอบ โดยเน้นแนะนำสะสม CPALL, MINT ที่ตลาดไม่ได้คาดว่าจะถูกเพิ่มน้ำหนัก ส่วนหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักเลี่ยง TRUE แต่สำหรับ CPF แนะนำ Trading Buy เนื่องจากตลาดจะให้น้ำหนักบวกต่อการปรับประมาณการณ์ขึ้นมากกว่าการถูกลดน้ำหนัก ส่วนนักลงทุนระดับเดือน เน้น Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR
หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ : BWG, ERW, KAMART
1) BWG(TP2.56*) กำไรออกมาเด่นตามคาด จับตาการประมูลขยะอุตสาหกรรม 50Mw
2) ERW(TP5.9*) กำไรสุทธิ1Q16 +191ลบ ดีกว่าตลาดคาด 9% หนุน Cons Upgrade
3) KAMART(TP10.6*) กำไร 1Q16 ดีกว่าตลาดคาด 50% กำไรและยอดขาย New high

Monthly Outlook :
MAYbe better than you think
Top Picks: PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR
Monthly Outlook : Up ต้าน1453/1475จุด(Best 1496) รับ1395/1378จุด(Worst 1365)
      แนวโน้มการลงทุนเดือน พค. 2016 แม้ภาพรวมสถิติ "Sell in may and Go away" จะดังก้องไปทั่ว จากสถิติเชิงลบของตลาดหุ้นไทยที่มักให้ผลตอบแทนติดลบในเดือนนี้ตลอด 10 ปี เฉลี่ยราว -0.29% ด้วยโอกาสสูงราว 6 ใน 10ปี หรือ 60% และหากพิจารณาแค่ 5 ปีหลังสุด SET ปรับฐานเดือนนีเฉลี่ยราว -2.62% ด้วยโอกาสสูงถึง 80% ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลต่อการปรับฐานของตลาด แต่อย่างไรก็ตามทิศทางการลงทุนในเดือน พค 2016 อาจดีกว่าที่ Consensus คาดได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนนี้ ที่ CNS คาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะแกว่งขึ้นมากกว่า จากเหตุผล 2 ประการ 1) สัญญาณเศรษฐกิจไทย 1Q16 อาจดีกว่าตลาดคาด หลังตัวเลขการส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการฟื้นตัวของ Capacity Utilization ทำให้ Nomura คาดว่า GDP 1Q16F (จะรายงาน 16 พค 2016) จะขยายตัว 3.5%y-y จาก 4Q15 +2.8%y-y ขณะที่ Consensus คาดไว้เพียง +2.8%y-y จะเป็น Positive Surprise ส่งผลให้คาดการณ์ GDP 2016F ของ Nomura และ Consensus ที่ 2.5% และ 3.1% มี Upside Risk จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจภายใน และ 2) สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเทศพัฒนาแล้วยังฟื้นช้า ทำให้โอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 15 มิย 2016 ลดน้อยลงมาก โดย FED Fund Rate Forward Curved สะท้อนโอกาสเพียง 12% ขณะที่โอกาสที่สูงกว่า 50% อยู่ในการประชุมเดือน ธค 2016 กดดัน Dollar Index อ่อนค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 93.327จุด โดยมีแนวรับของการอ่อนค่าที่ 92.6/92จุด หนุนค่าเงินเอเซียแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบ และด้วยสภาพคล่องส่วนเกินโลกที่ยังสูง น่าจะทำให้ทิศทางการลงทุนใน EM-Asia และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ ยังโดดเด่นกว่ากลุ่ม DM จากปัจจัยดังกล่าวคาดว่าจะหนุน SET ปรับตัวขึ้นในกรอบแนวต้าน 1453/1475จุด(Best 1496) รับ1395/1378จุด(Worst 1365) และอาจชะลอช่วงปลายเดือนหากความเสี่ยงต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED สูงขึ้น


       กลยุทธ์ลงทุน: แนวโน้มตลาดเดือน พค 2016 แกว่งขึ้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์แรก จาก Fund Flow ที่ยังคงไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงเอเซีย และกลุ่มโภคภัณฑ์-ทองคำ หลังเศรษฐกิจของ DM ยังมีความเสี่ยงและใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่อง ประกอบกับ Nomura คาด GDP 1Q16 จะฟื้นตัวเด่น 3.5%y-y ดีกว่าตลาดคาด 2.8%y-y อาจทำให้เดือน พค นี้ SET แกว่งขึ้นดีกว่า Consensus คาด เราประเมิน SET ขึ้นสู่แนวต้าน 1453/1475จุด โดยหุ้น Big Cap ที่นำตลาดขึ้น ยังเป็น Theme Inflation Hedge ที่ราคา Product ขึ้นต่อเนื่องทั้ง น้ำมัน(คาด BRENT เดือนนี้แตะ 50-55เหรียญฯ), ฝ้าย, น้ำตาล, หมู ไก่ กุ้ง และถั่วเหลือง (PTTEP, PTT, IVL, BRR, CPF, GFPT, TVO) ผสานกลุ่ม ICT แนะนำ INTUCH, ADVANC(Downside Limited ตลาดตอบรับการได้คลื่น 900Mhz ที่ราคา 7.5หมื่นล้านบาทไปแล้ว ซึ่งจะมีการประมูลวันที่ 27พค 2016) ผสานหุ้น Mid-Small Caps ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น 1) กลุ่มที่คาดกำไรเด่น (TVT, CI, KAMART, XO, ERW, SC, SAWAD, MTLS, AAV, WORK, ROBINS) และ2 ) กลุ่มพลังงานทางเลือก ที่เดือน มิย 2016 จะมีการพิจารณา PPA โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 50เมกะวัตต์ และชีวมวลภาคใต้ 36เมกะวัตต์ และแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น (BWG, PSTC, GUNKUL, TPCH) และ 3)หุ้น Seasonal ที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำ MAJOR(หนังหลวงพี่แจส และหนังในกลุ่มมาร์เวล กระแสเด่น) เดือนนี้เรามีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนใหม่ โดยลดส่วนเงินสดลงจาก 22.5% เหลือ 12.5% ไปเพิ่มให้ทองคำเป็น 12.5% สำหรับ Portfolio Top picks MAY 2016 PTTEP, ERW, KAMART, BWG, TVT, MAJOR และ DARK Horse ADVANC, IVL, CI, PSTC

Eagle Eye
Strategy Update:
2016F Thailand Equity Outlook: "2016 AEC Connectivity - WISE"
2016Top Picks : KAMART, ERW, BDMS, BCH, BBL, CK, AMATA, DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT
2016F Key Factor: AEC Connectivity - WISE
       Global Growth: ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัว นำโดยกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Market) ขณะที่ ประเทศในเอเชียส่วนใหญ่ยังคงมี downside risks จากปัจจัยด้านโครงสร้าง
     Equity Risk Premium (ERP): ค่า Premium หรือส่วนต่าง (ERP) ของผลตอบแทนตลาดหุ้นเอเชีย (Risky asset) สูงกว่าผลตอบแทนพัธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (Risk free asset) อยู่ 615 bps หรือราว +0.9SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว 460bps. สะท้อนสินทรัพย์เสี่ยงมี Valuation เชิงพื้นฐานที่ถูก และน่าจะเริ่มฟื้นตัว
      Global Monetary Remains Easing: แนวโน้มการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง นำโดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจาก ECB ซึ่งขยายระยะเวลาการทำ QE ออกไปอีก 6 เดือน จากเดิมที่จะหมดอายุในเดือน กย 2016 ขยายเป็น มีค 2017 นอกจากนี้ ในปี 2016 Nomura คาด BOJ จะเพิ่มวงเงินในโครงการซื้อกองทุนอีทีเอฟ (ETF) ขึ้น 2 เท่า จาก 3 ล้านล้านเยน เป็น 6 ล้านล้านเยน ในเดือน เม.ย. และ คาด PBoC (ธนาคารกลางจีน) จะมีการลด RRR ทั้งหมด 4ครั้ง โดยลด 50bps ต่อไตรมาส อีกทั้ง จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปี ครั้งละ 25 bps จะช่วยชดเชยสภาพคล่องที่ลดลง จากการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ระดับปกติของ Fed
Fed Rate Hike: ความผันผวนของตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุนในระยะกลาง-ยาว ซึ่งในระยะ 9 เดือน หลัง Fed ขึ้นดอกเบี้ย MSCI World ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยราวๆ +10% ทั้งนี้ Nomura คาด Fed ปรับดอกเบี้ยในปี 2016 และ 2017 ประมาณ 50 และ 75 bps ตามลำดับ ขณะที่ อัตราดอกเบี้ยเป้าหมายอยู่ 2%
High Bond Yield - Equity Positive: ความสัมพันธ์ระหว่าง US Bond Yield และ Equity prices แปรผันตามกัน ดังนั้น ในวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ จะหนุน Multiple PE สูงขึ้น โดยคาดว่า US Bond Yield อายุ 10 ปี ที่เพิ่มขึ้นราว +50bps จะหนุน MSCI World Index ซื้อขายที่ PE >1.5X และผลัก Fund flow ไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง
Commodity Price: Nomura มีการปรับสมมติฐานราคาน้ำมันดิบ Brent ในปีนี้ลงจาก 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล เหลือ 53 เหรียญฯต่อบาร์เรล และในปี 2016F ปรับลดจาก 70 เหรียญฯต่อบาร์เรล เหลือ 55 เหรียญฯต่อบาร์เรล ปี 2017F จาก 80 เหรียญฯต่อบาร์เรล เหลือ 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นภาพบวกต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงถัดไปในฐานะประเทศที่นำเข้าน้ำมันสุทธิ
US Election 2016: คาดสินทรัพย์เสี่ยงโลก จะตอบรับเชิงบวกต่อการเลือกตั้งในสหรัฐฯ เนื่องจาก ความขัดแย้งทางการเมืองสหรัฐฯ จะลดลง เพื่อเข้าสู่กระบวนการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.
2016 AEC Connectivity: การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ การลงทุน และแรงงานฝีมืออย่างเสรี หนุนเศรษฐกิจภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
     Economic: Nomura คาด GDP ไทยในปี 2016-2017 เติบโตเพียง 2.5-2.7% แต่ประมาณการณ์ดังกล่าวอาจมี Upside Risk หากรัฐฯ เร่งการลงทุนต่อเนื่องและฟื้นความเชื่อมั่นภายในได้ดีกว่าคาด
       Foreign Holdings of equity: ยอดการถือครองหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติยังคงต่ำกว่าในช่วงวิกฤติการเงินโลก (GFC 2008)
Risk: 1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน 2) ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ต่ำกว่าคาด 3) สงครามโลก 3 (World War III)และ 4) ความเสี่ยงทางการเมืองในไทย


      2016 Market Outlook: CNS คาด SET 1H16 จะแกว่งบวกในกรอบ 1250-1500จุด ด้วยดัชนีเป้าหมายปี 2016 ที่ระดับ 1515จุด (PER FWD 15x) มี Upside จากปัจจุบันราว 18% โดย CNS เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันถูกในเชิงพื้นฐานหลังค่า Equity Risk Premium สูงถึง 5.32% มากกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 5.16% และเป็นครั้งแรกในรอบ 5ปี ที่ค่า Valuation เชิงพื้นฐานถูกที่ระดับนี้ โดยประเมินกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดใน 4Q15 เป็นต้นไป ขณะที่การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐซึ่งเป็น LT-Growth กำลังดึงความเชื่อมั่นให้ฟื้นตัว ซึ่งคงต้องประเมินความต่อเนื่องจนถึง 1Q16 นี้ หากมีโมเมนตัมบวกต่อเนื่องจะหนุนภาพตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามเป้าหมายได้ ในทางกลับกันหากสัญญาณความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าวไม่ฟื้น ภาพตลาดจะพลิกมามี Downside Risk จากความเสี่ยงเศรษฐกิจตกต่ำ เร่งความเสี่ยงการเมืองได้
      2016 Strategy: CNS ยังแนะนำกลุ่มที่อิงการเติบโตจากเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือการเติบโตตามภูมิภาคอาเซียนหนุน และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ แนะนำ Overweight CONMAT, TRANS, HOT, COM, FOOD โดยเลือก Theme 2016 AEC Connectivity-WISE แนะนำ Top Picks 1H16 คือ ERW, BBL, ROBINS, BRR, LH, CPF ส่วน Top Picks ปี 2016 มี 16 บริษัท คือ KAMART, ERW, BDMS, BCH, BBL, CK, AMATA, DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT

Shipping Update:

BDI วานนี้ +30 สู่ระดับ 643 จุด โดยแนะนำ "wait and see" กลุ่มเดินเรือ "PSL (รายได้จากเรือเทกอง 100%), TTA (รายได้จากเรือเทกอง 30-35%)"
ค่าระวางเรือเทกอง (BDI) วานนี้ +30 สู่ระดับ 643 จุด โดยค่าเฉลี่ย BDI 2Q16 ที่ 614 จุด (+71%q-q, -2%y-y)
แนะนำ "wait and see"กลุ่มเดินเรือ "PSL (รายได้จากเรือเทกอง 100%), TTA (รายได้จากเรือเทกอง 30-35%)"

ดัชนีค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ วานนี้ -1 จุด สู่ระดับ 339 จุด โดยแนวโน้มคาดกำลังอยู่ในช่วงพักฐาน
ค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ วานนี้ -1 จุด สู่ระดับ 339 จุด โดยแนวโน้มคาดกำลังอยู่ในช่วงพักฐาน
สำหรับนักลงทุนระยะสั้น กลาง ยาว แนะนำ wait and see "RCL"

Stock Calendar

วันนี้ : (XD) TREIT @0.18
วันพรุ่งนี้: (XD) BKKCP @0.16, TIF1 @0.1544, TSC @0.25, UNIPF @0.175

Top NVDR Buy/Sell
Top Buy PTTEP, CPALL, CPF, EGCO, KBANK / Top Sell TRUE, MINT, PS, DELTA, PTTGC

Regional Fund Flow
Indonesia -7, Philippines -1, S.Korea -68, Taiwan -141, Thailand -18
ภาพรวมตลาดภูมิภาค วานนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 227 ล้านเหรียญ (ขายสุทธิต่อเนื่อง 14 วันทำการติดต่อกัน) โดยพบว่ามีแรงขายสุทธิมากสุดยังคงเป็น Taiwan ขาย 141 ล้านเหรียญ
สอดคล้องกับกลุ่ม TIP วานนี้ ต่างชาติขายสุทธิ 25 ล้านเหรียญ (ขาย 5 วันทำการติดต่อกัน) โดยพบว่ามีแรงขายสุทธิในทุกประเทศ ขายมากสุดใน Thailand 18 ล้านเหรียญ ส่วน Indonesia และ Philippines ขาย 7 และ 1 ล้านเหรียญ ตามลำดับ

Strategist Team
Koraphat Vorachet : Analyst Registration No. 043100
[email protected] : 0-2287-6771, 0-2638-5771

Wijit Arayapisit : Analyst Registration No. 044799
[email protected] : 0-2287-6871, 0-2638-5871

Chavaratt Changpakorn : Assistant Strategist
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS,Nomura)

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!