- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 17 May 2016 18:11
- Hits: 496
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET ยังมีบวกสลับ แต่ก็ลุ้นปรับตัวลงต่อได้ ดังนั้นรอซื้อลบดีกว่า...
กลยุทธ์ : SET ยังมีแรงขายช่วงบวกกดดัน ทำให้ FSS คาดว่ากรอบบวกช่วงนี้น่าจะยังค่อนข้างจำกัด และต้องระวังแรงขายทำกำไรกดดันให้อยู่ในช่วงแกว่งตัวลงต่อไว้เช่นเดิม ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ลบต่อไปก่อนดีกว่า แต่หลังจากซื้อแล้วแนะนำให้เน้นถือเพื่อลุ้นรอบขึ้นจริงจังในเร็วๆ นี้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : AGE, SMPC, GLOW(short)
แนวโน้ม : เช้าวานนี้ SET ดีดตัวบวกขึ้นได้แรงพอควร หลังตัวเลข GDP ไตรมาส 1/59 ของบ้านเราออกมาดี ก่อนจะมีแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงออกมากดดันให้ SET ปรับตัวย้อนลงไปเป็นลบเล็กน้อยในภาคบ่าย แต่ก็ยังถือว่าแกว่งทรงตัวได้ดี เพราะถึงแม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับลงในวันก่อน แต่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ยังสามารถขยับกลับมาเคลื่อนไหวเป็นบวกได้อีก ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับมาขยับบวกขึ้นได้อีกครั้ง หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งขึ้นถึงกว่า 3% จากการที่โกลด์แมน แซคส์ รายงานว่าตลาดน้ำมันได้สิ้นสุดภาวะอุปทานล้นตลาดแล้ว พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI ของปีนี้ใหม่ โดยเฉพาะครึ่งปีหลังโกลด์แมน แซคส์คาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลด้วย อย่างไรก็ตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐช่วงนี้ยังค่อนข้างไร้ทิศทาง ทำให้กดดันตลาดหุ้นเอเชียให้ส่วนใหญ่เช้านี้ยังมีลักษณะแกว่งบวกในกรอบจำกัด โดยนักลงทุนยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือน เม.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือน เม.ย. อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือน เม.ย.และตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย.ร ในค่ำวันนี้อีกครั้ง ดังนั้น FSS ยังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงตลาดเป็นลบเช่นเดิมไว้ก่อนดีกว่า
แนวรับ 1395-1392, 1388-1382 จุด
แนวต้าน 1400-1403 , 1406-1410 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$13 ล้าน ส่วนใหญ่ไหลเข้าไทย US$16.3 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$5.8 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$11 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคแต่อาจชะลอลงเพราะได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) GDP 1Q16 ดีจากส่งออกสินค้าและบริการ เศรษฐกิจไทย 1Q16 +3.2% Y-Y, +0.9% Q-Q ดีกว่าตลาดซึ่งคาดที่ +2.8% Y-Y, +0.6% Q-Q จากการส่งออกสินค้า (ทองคำ) และบริการ (รายได้จากท่องเที่ยว) ที่ +5.1% Y-Y แต่การใช้จ่ายและการลงทุนของเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ สอดคล้องกับผลประกอบการของบจ.ใน 1Q16 ที่ฟื้นตัวเป็นบางธุรกิจ แต่ยังซบเซาในหลายธุรกิจ แนวโน้ม 2Q16 เป็น low season ของท่องเที่ยวและการก่อสร้างยังซบเซา ต้องติดตามว่าการใช้จ่ายภาครัฐและมาตรการกินช่วยชาติจะชดเชยได้หรือไม่ แต่ตัวเลขที่ออกมาสูงใน 1Q16 ทำให้ GDP ทั้งปีมีโอกาสสูงกว่า 3%
(+) BM เริ่มเทรดวันนี้วันแรก เราประเมินราคาพื้นฐาน 3.42 บาท จากคาดการณ์กำไรปีนี้โต 26% Y-Y ตามการเติบโตของทุกกลุ่มสินค้า และอิง PE 16 เท่าเท่ากับกลุ่ม IMM บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปเหล็ก เช่น รางเดินสายไฟฟ้าและท่อร้อยสายไฟฟ้า ซึ่งทำรายได้หลัก 48% ของรายได้รวม อีก 26% เป็นชิ้นส่วนโลหะ เช่นตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า และตู้โลหะ สินค้าของบริษัทโตตามอุตสาหกรรมก่อสร้างจากการเร่งตัวของโครงการภาครัฐ การลงทุน 4G และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร ส่วนกำไรปี 2017 เราคาดโตต่อเนื่อง 17% Y-Y (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น IPO ของ BM)
(-) ธุรกิจสื่อโฆษณายังเหนื่อย กำไรปกติของกลุ่มสื่อบันเทิง 1Q16 -34% Q-Q, -16% Y-Y ธุรกิจที่กำไรแย่ลงมากคือกลุ่มทีวีอนาล็อกรายใหญ่ที่ถูกแย่งตลาดโดยทีวีดิจิตอลรายเล็ก ซึ่งเริ่มฟื้นจากขาดทุนเป็นกำไร แต่กำไรก็ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นและค่าใช้จ่ายยังสูง RS มีโอกาสกลับมาขาดทุน 30-50 ล้านบาทใน 2Q16 จาก 1Q16 ที่กำไร 114 ล้านบาท ระยะสั้นแนะนำขายไปก่อน ธุรกิจสื่อโฆษณายังอ่อนแอ เม็ดเงินโฆษณา 4 เดือนแรก -8% Y-Y โดยเฉพาะสื่อทีวี นิตยสาร และนสพ. เราแนะนำขายทั้ง BEC, MCOT, VGI ส่วนสื่อนอกบ้าน (PLANB) แม้จะโตแต่ราคาหุ้นมี upside จำกัด แนะนำเพียงถือ มีเพียง WORK ที่แนะนำซื้อ และ MAJOR เก็งกำไรงบฯที่โตโดดเด่นต่อใน 2Q16
(+) KAMART กำไรปกติ 1Q16 +25% Q-Q, +67% Y-Y น่าประทับใจจากทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามในการสร้างแบรนด์และพัฒนาสินค้าของตัวเอง เรายังคงแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท
(0) AOT กำไรสุทธิ 2Q16 (ม.ค.-มี.ค. 2016) +20% Q-Q, +14% Y-Y ดีกว่าคาดเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายพนักงานที่ต่ำกว่าคาด กำไร 1H16 คิดเป็น 56% ของทั้งปีที่เราคาดโต 10% Y-Y จึงคงประมาณการและเป้าที่ 410 บาท แนะนำถือเพราะ upside จำกัด
(-) THCOM เราปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 27.50 บาทจากเดิม 38.50 บาทจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ทั้ง Presale ของไทยคม 8 ที่ต่ำกว่าเป้า ขณะที่กำลังจะยิงขึ้นสู่วงโคจร 26 พ.ค. นี้แล้ว การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีอาจทำให้ความต้องการใช้ดาวเทียม Broadcast ในอนาคตลดลง และความเสี่ยงที่ลูกค้า (NBN) อาจไม่ต่อสัญญา ปรับคำแนะนำเป็นถือ จากเดิมซื้อ
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาพุ่งขึ้นกว่า 1% หลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นแรงโดย Goldman Sachs ระบุว่าตลาดน้ำมันได้สิ้นสุดภาวะอุปทานล้นตลาดแล้ว
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดทรงตัว โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาอ่อนแอ
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯจากแรงหนุนของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น
(0) ค่าเงินบาทแกว่งทรงตัวได้หลังจากอ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.30-35.45 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 1.51 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 47.72 ดอลลาร์/บาร์เรล สูงสุดในรอบ 6 เดือนหลัง Goldman Sachs ระบุว่าตลาดน้ำมันได้พ้นภาวะ Over Supply แล้ว
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับขึ้น 1.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,274.20 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยกรอบการบวกจำกัดเนื่องจากตลาดหุ้นรวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวพุ่งขึ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 พ.ค.
- ไทย: BM เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.88 บาท)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.), Housing start & Building permit (เม.ย.)
18 พ.ค.
- ญี่ปุ่น: 1Q16 GDP (ตลาดคาดฟื้น +0.5% จากไตรมาสก่อนที่ -1.1%)
- สหรัฐ: Fed Minutes จากการประชุม FOMC 26-27 เม.ย. 2016
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
19 พ.ค.
- ฟิลิปปินส์: 1Q16 GDP
- สิงคโปร์: 1Q16 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
20 พ.ค.
- ไทย: ยอดขายรถ (เม.ย.), ตลาดหุ้นปิดทำการเนื่องในวันวิสาขบูชา
- สหรัฐ: ยอขายบ้านเก่า (เม.ย.)
23 พ.ค.
- ไทย: กสทช.ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประมูลคลื่น 900MHz
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ค.)
24 พ.ค.
- ไทย: ดุลการค้า (เม.ย.)
- สหรัฐ: ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)
- ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations (พ.ค.)
26-27 พ.ค.
- ประชุมกลุ่ม G7
27 พ.ค.
- ไทย: ประมูลคลื่น 900MHz
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch