- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 16 May 2016 18:20
- Hits: 1605
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? แม้ได้รับปัจจัยบวกต่างประเทศโดยเฉพาะจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่ภายใต้ประเด็นดังกล่าว กลับเพิ่มความกังวลต่อการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ขณะที่ประเด็นในประเทศ คาดได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow หลังต่างชาติกลับเข้ามาซื้อสุทธิ สูงกว่า 4,100 ล้านบาท แนะติดตามหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ แต่อยู่ในช่วงท้ายๆ ของการประกาศผลการดำเนินงาน – 1Q/59 ทำให้คาดอาจมีแรงขายออกมาจากก่อนหน้าที่เข้าเก็งกำไรผลประกอบการ
นอกจากนี้ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง คาดส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยภาพรวมคาดยังคงมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันส่วนเกิน ทำให้การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP แนะนำเพียงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบ + /-
และในวันนี้สภาพัฒน์เปิดเผย GDP – 1Q/59 โดยคาดขยายตัว 0.6% ชะลอตัวจาก 0.8% เมื่อ 4Q/58 และคาดขยายตัว 2.8%yoy ทรงตัวเมื่อเทียบกับ 4Q/58 และคาดทั้งปี’59 ขยายตัว 3.0% ดีขึ้นจาก 2.8% เมื่อปี’58 และ 0.8% เมื่อปี’57
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, TPIPL
(4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW)
(5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(6) กลุ่มโรงกลั่น มีโอกาสรีบาวน์ หลังจากผลการดำเนินงาน 1Q/59 ออกมาดีกว่าคาด แนะจับตา IRPC, TOP และ SPRC
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-/+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -185.18, NASDAQ -19.66, S&P -17.50, FTSE +34.31, CAC +26.72 และ DAX +90.78
หลังสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีก – เม.ย. เพิ่มขึ้น 1.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับแต่มี.ค.’58 และดีกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ทำให้เกิดความกังวลว่าข้อมูลดังกล่าวจะผลักดันให้เฟด พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า (14 – 15/6/59) นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับลง ซึ่งส่งผลต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากตัวเลข GDP – 1Q/59 ขยายตัว 0.7% ดีขึ้นจาก 4Q/58 ที่ขยายตัว 0.3% และดีกว่าที่คาดว่าจะขยายตัว 0.6% ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น สหรัฐ และเยอรมนี เป็นต้น
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$0.49 อยู่ที่ US$46.21
ต่อบาร์เรล หลังแคนาดาเริ่มกลับมาผลิตน้ำมันดิบอีกครั้ง จากก่อนหน้าที่แหล่งผลิตน้ำมันในฟอร์ท แมคเมอร์เรย์ของแคนาดา ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟป่าและยังถูกกดดันจากแรงขายทำกำไร หลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.89 1.82 3.4
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 50,233.54
สถาบัน 1,077.67
บัญชีหลักทรัพย์ -362.77
ต่างประเทศ 4,116.16
ในประเทศ -4,831.06
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.05 อยู่ที่ 1.70% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.63 อยู่ที่ 15.04
หุ้นแนะนำ : SPA
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788