- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 May 2016 18:01
- Hits: 3863
บล.บัวหลวง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.22% ปิดที่ 1399.31 จุด หนุนโดย กลุ่มที่มีผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เติบโตดีขึ้น เช่น กลุ่มปิโตรเคมี กำไรหลักเติบโตจากราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่อยู่ในระดับสูงและได้ประโยชน์จากน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น กลุ่มอาหาร ธุรกิจกุ้งขาดทุนลดลงอย่างมากขณะที่มาร์จิ้นของธุรกิจปศุสัตว์ที่ปรับตัวดีขึ้น ต้นทุนข้าวโพดและกากถั่วเหลืองที่ลดลง กลุ่มค้าปลีกไม่ใช่อาหาร รายได้เติบโตจากยอดขายสาขาเดิมที่ดีขึ้น ค่าเช่าที่สูงขึ้น และอัตรากำไรที่ขยายตัว กลุ่มธุรกิจเช่าซื้อ จากแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2559 ขณะที่หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้นไปพร้อมกับการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ 46 เหรียญต่อบาร์เรลเนื่องจากปริมาณน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง สวนทางกับกลุ่มสื่อสารและธนาคารปรับตัวลงอยู่ในกลุ่มที่มีสัญญาณอ่อนกว่าตลาดอย่างเห็นได้ชัด
กลยุทธ์ที่เหมาะสมเลือกลงทุนเป็นหุ้นรายกลุ่ม เน้นหุ้นที่มีการเติบโตของผลกำไรบริษัทฯโตต่อเนื่อง และใช้สัญญาณทางเทคนิคเข้ามาช่วยจับจังหวะการซื้อขาย ขณะที่ภาพรวม SET แกว่งตัวอยู่ในกรอบที่ให้ไว้ 1380-1410 จุด (Bollinger band)
คำแนะนำ: เลือกลงทุน
รายงานพื้นฐาน BLS วันนี้
(+) CPF (BUY/TP Bt36) สรุปการประชุมนักวเคราะห์: ธุรกิจกุ้งไทยที่กลับมาฟื้นตัวแรงในปีนี้จะเป็นปัจจัยหลักหนุนกำไรหลักของ CPF ให้เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด นอกเหนือจากปัจจัยบวกอื่นๆ เช่น มาร์จิ้นของธุรกิจปศุสัตว์ที่เพิ่มขึ้น ราคาหมูปรับขึ้นส่งผลให้ธุรกิจในเวียดนามและกัมพูชากลับมามีกำไรเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบกากถ่วเหลืองยังคงทรงตัวในระดับต่ำ เราคิดว่ากำไรหลักของ CPF อยู่ในช่วงภาวะขาขึ้น และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิและราคาเป้าหมาย
(-) MCOT (SELL) รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 1/59 ที่ 147 ล้านบาท ผลประกอบการต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2009 เนื่องจากรายได้โฆษณาที่ลดลง จากภาวะการบริโภคและเม็ดเงินโฆษณาที่ยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการแข่งขันแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาทีวีที่ยังคงรุนแรงจากผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลรายอื่น การลดลงของรายได้จากธุรกิจวิทยุและสื่อใหม่ รวมถึงต้นทุนบริการที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
(+) SAPPE รายงานกำไร 1Q16 ที่ 68 ล้านบาท เป็นไปตามที่เราคาด แต่ดีกว่าตลาดคาด 33% (ลดลง 15%YoY แต่เพิ่มขึ้น 85%QoQ จากฐานต่ำ) คาดกำไร 2Q16 จะเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ จากการเปลี่ยนแนวการตลาด re-launch SAPPE for-one-day และการแฟเพรียว เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 19 บาท
(-) TSE กำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 129 ล้านบาท (ลดลง 8%YoY แต่เพิ่มขึ้น 8%QoQ) น้อยกว่าคาดราว 10% ไฮไลท์มาจากSG&A ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 38 ล้านบาท (มากกว่าคาดที่ราว 20 ล้านบาท) เพราะวิธีการลงบัญชีในโครงการรูฟท๊อป ซึ่งระหว่างก่อสร้างสามารถบันทึกรวมเป็นต้นทุนโครงการได้ แต่หลังจากมีการ COD ต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่าย เรามีแนวโน้มจะทบทวนประมาณการกำไรลงราว 13% เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่าย SG&A ที่มากกว่าคาด อย่างไรก็ดีคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท แม้จะมีความเสี่ยงจากการปรับคาดการณ์กำไรลง เราคาดราคาหุ้นจะสะท้อน P/E เพียง 15.9 เท่า หลังจากปรับกำไรลง ซึ่งนับว่าให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ยกลุ่มอยู่มาก
(+) LH กำไรหลัก 1Q16 อยู่ที่ 1.98 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47%YoY แต่ลดลง 10% QoQ มากกว่าคาด 11% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่าคาด แนวโน้ม 2Q16 คาดกำไรเติบโต YoY แต่ลดลง QoQ (เพราะหมดมาตรการรัฐฯ และไม่มีคอนโคใหม่เข้ามาโอน) เราคงคาดการณ์กำไร และคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท
(+) LPN กำไรหลัก 1Q16 อยู่ที่ 704 ล้านบาท (+141%YoY และ +145%QoQ) เป็นไปตามคาด กำไรที่ดีเกิดจาก รายได้การโอนคอนโดที่เติบโตดี และ SG&A/Revenue ที่ต่ำ คาดกำไรจะเติบโต YoY และ QoQ ต่อใน 2Q16 โดยปัจจัยหนุนยังคงมาจากรายได้ที่เติบโตและ SG&A/Revenue ที่ต่ำอยู่ เราคงประมาณการกำไร และคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 20 บาท
(+) MINT รายงานกำไรสุทธิ 3.75 พันล้านบาท (ทำจุสูงสุด) จากกำไรพิเศษทางบัญชีจากการซื้อ Tvoli โดยกำไรหลัก 1Q16 อยู่ที่ 1.64 พันล้านบาท (+9%YoY และ -9%QoQ) เป็นไปตามคาด เรามองกำไร 2Q16 ยังคงเติบโตได้ดี YoY จาก high season ของ Tvoli และ SSS ในกลุ่มอาหารยังคงเติบโตได้ดี นอกจากนี้ยังมีโอกาสรับรู้กำไรพิเศษจากการซื้อ Sun International เราคงประมาณการกำไร และคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 42 บาท เราชอบ MINT มากที่สุดในกลุ่มฯ เพราะกำไรปีนี้คาดโต 25% และในช่วง low season 2Q-3Q จะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่ากลุ่ม
(+) TFG รายงานกำไรสุทธิที่ 201 ล้านบาทสำหรับไตรมาส 1/59 กลับมาจากขาดทุนทั้ง YoY และ QoQ ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 23 ล้านบาท กลับจากขาดทุนหลักทั้ง YoY และ QoQ กำไรสุทธิและกำไรหลักพลิกกลับมาเป็นกำไรได้เร็วเกินกว่าที่เราคาด มุมมองไตรมาส 2/59 เรามองว่า TFG จะเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ จากราคาสุกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุปทานโดนกระทบจากภาวะอากาศที่ร้อนจัด ราคาหุ้น TFG ในปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2559 ที่ 11 เท่า ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม (ค่าเฉลี่ย PER ปี 2559 ของ GFPT และ CPF อยู่ที่ 13.3 เท่า) ราคาหุ้นตรงนี้จึงเป็นจุดที่น่าสนใจในการเข้าซื้อ เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์/ปัจจัยทางเทคนิค
รายงานวันนี้
หุ้น: SAPPE คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 19.00
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 19 บาท (อิง P/E 15 เท่า)
บริษัทมีรายได้ที่ 592 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 6%YoY ตามคาด) กำไร 1Q16 ที่ 68 ล้านบาท (ลดลง 15%YoY แต่เพิ่มขึ้น 85%QoQ)
คาดกำไร 2Q16 จะเติบโตได้ดีทั้ง YoY และ QoQ จากยอดขายที่มีแนวโน้มจะทำจุดสูงสุดใหม่
ประมาณการกำไรปี 2016 ของเราที่ 383 ล้านบาท ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยมองว่ายอดขายรวมจะเติบโตราว 9% ในปีนี้
นักวิเคราะห์: วิกิจ ถิรวรรณรัตน์, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนและปัจจัยทางเทคนิค
นักวิเคราะห์: ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: TSE คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 5.25
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท แม้จะมีความเสี่ยงจากการปรับคาดการณ์กำไรลง
บริษัทมีรายได้ 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63%YoY กำไรสุทธิ 1Q16 ที่ 129 ล้านบาท (ลดลง 8%YoY แต่เพิ่มขึ้น 8%QoQ)
คาดกำไร 2Q16 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น QoQ เล็กน้อยจากปัจจัยฤดูกาลในหน้าร้อนส่งผลให้แผงโซล่าร์ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น
เราคงประมาณการกำไรปี 2016 ที่ 540 ล้านบาท โดยกำไร 1Q16 คิดเป็น 24% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี
นักวิเคราะห์: วิกิจ ถิรวรรณรัตน์, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุนและปัจจัยทางเทคนิค
นักวิเคราะห์: ธนัท พจน์เกษมสิน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: BEM คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย: อยู่ภายใต้การพิจารณา
BEM รายงานผลกำไรหลักและกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 ที่ 702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% YoY
กำไรหลักที่เพิ่มขึ้นมีปัจจัยหลักมาจากปริมาณการจราจรทั้งทางด่วนและรถไฟ้ฟ้าใต้ดินเพิ่มขึ้น รวมทั้ง รายได้เฉลี่ยต่อวันจากธุรกิจทางด่วนและรถไฟฟ้าใต้ดินที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง
ผลประกอบการไตรมาส 2/59 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง YoY โดยมีปัจจัยหนุนจากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นและรายได้เฉลียต่อวันทีสูงขึ้น แต่คาดอ่อนตัวลง QoQ จากโลว์ซีซั่น
กำไรสุทธิปี 2559 ของ BEM มีแนวโน้มเติบโตดีจากการเปิดใช้ทางด่วนสายใหม่และรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ยังคงคำแนะนำ ซื้อ
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: AAV คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 6.60
กำไรหลักไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 1,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 106% YoY และ 466% QoQ สูงกว่าประมาณการของเราและของตลาด
เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้น YoY แต่หดตัวลง QoQ จากโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2559 ไว้ตามเดิม
ยังคงแนะนำ "ซื้อ"
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: BCP คำแนะนำ: ถือ ราคาเป้าหมาย (บาท): 35.00
BCP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 ที่ 47 ล้านบาท ลดลง 96% YoY กำไรหลักไตรมาส 1/59 ที่ 1083 ล้านบาท ลดลง 59% YoY และ 39% YoY
ปัจจัยกดดันผลกำไรหลักไตรมาส 1/59 ได้แก่ อัตราการใช้กำลังการกลั่นที่ลดลง, ค่าการกลั่นที่ชะลอตัว และการรับรู้ผลขาดทุนของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/59 เราคาดว่าจะอ่อนตัว YoY และทรงตัว QoQ
แนะนำ "ถือ" ที่มูลค่าเหมาะสม 35 บาท/หุ้น
นักวิเคราะห์: สุพพตา ศรีสุข, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: TK คำแนะนำ: ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย (บาท): 12.00
กำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้น 3% YoY แต่ลดลง 15% QoQ ต่ำกว่าประมาณการของเรา 15%
คาดกำไรไตรมาส 2/59 เติบโตเล็กน้อย
เรายังคงใช้ประมาณการกำไรปี 2559 เดิม
เรายังคงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร"
นักวิเคราะห์: สุวัฒน์ บำรุงชาติอุดม, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หุ้น: MINT คำแนะนำ: ซื้อ ราคาเป้าหมาย (บาท): 42.00
กำไรหลักไตรมาส 1/59 เพิ่มขึ้น 9% YoY แต่ลดลง 9% QoQ สอดคล้องกับประมาณการของเราและของตลาด แต่กำไรสุทธิพุ่ง 66% YoY จากกำไรพิเศษ
เราคาดกำไรหลักไตรมาส 2/59 เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY แต่ลดลง QoQ น่าจะมีกำไรพิเศษต่อเนื่อง
เราใช้ประมาณการ กำไรปี 2559 เติบโต 25% ไม่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงแนะนำ "ซื้อ"
นักวิเคราะห์: นฤมล เอกสมุทร, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
หมายเหตุ: รายงานดังกล่าวเป็นเพียงเนื้อหาโดยสรุป สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายงานฉบับเต็ม
Technical Analysis
Security: TU
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 23.5
Stop loss: < 21.8
Reason: หุ้นปรับตัวขึ้นได้ตามคาด และปรับตัวขึ้นได้เด่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม เรายังมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเข้าพอร์ตเนื่องจาก สัญญาณบวกจากโครงสร้างขาขึ้นระยะกลางและค่า MACD เริ่มปรับขึ้น
Security: HMPRO
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 9
Stop loss: < 8.3
Reason: กลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นเขียวยกแผง HMPRO ยังคงเป็นหุ้นที่เราชอบ ลุ้นโอกาสการขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 8.5 หนุนด้วยค่า MACD ปรับตัวขึ้น
Security: ASK
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 20.5
Stop loss: < 19
Reason: อัตราเร่งของหุ้นน่าจะปรับตัวได้ดีขึ้นจากการปิดสูงและทะลุแนวต้านที่ 19 หนุนด้วยค่า MACD ตัดเส้น signal line ขึ้น เหนือเส้น 0 บ่งชี้แนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง
Security: SPRC
Position: ซื้อ
เป้าหมาย : 12.2
Stop loss: < 10.8
Reason: ราคาเริ่มปรับตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค RSI เริ่มปรับตัวขึ้นจากกรอบล่าง Oversold
Security: QH
Position: ขาย
Reason: การปรับตัวขึ้นมาบริเวณ 2.4 มองเป็นโอกาสในการขายหุ้นลดความเสี่ยง เราคาดว่าการทะลุผ่านอาจทำได้ยากขณะที่โมเมนตัมลดลง ราคาหุ้นปิดต่ำ สอดคล้องกับการปรับตัวลงของเครื่องมือ RSI
Security: SAMART
Position: ขาย
Reason: ราคาหลุดเส้นแนวรับสำคัญมองหุ้นมีความเสี่ยงของการปรับตัวลงต่อจากสัญญาณปรับลงเครื่องมือ RSIวอลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปรกติ
ธนรัตน์ อิศรกุล Tel. (662) 618-1334
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค