WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

AIRA copyบล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
  ระวังแรงขายทำกำไร? หลังวานนี้ดัชนีบ้านเราปรับขึ้นโดดเด่นเมื่อเทียบกับต่างประเทศ รวมถึงอยู่ในช่วงท้ายๆ ของการประกาศผลการดำเนินงาน – 1Q/59 ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ ภายใต้ปัจจัยกดดันจากตัวเลขแรงงานล่าสุดของสหรัฐฯ ทำให้คาดดัชนีมีโอกาสปรับลดลง จากแรงขายทำกำไรออกมา
  อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 คาดยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่ภายใต้ภาพรวมที่คาดยังคงมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันส่วนเกิน ทำให้การเข้าลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP แนะนำเพียงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบ + /-
  ส่วนประเด็นในประเทศ แม้ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ ทางด้าน Fund Flow นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง
และยังแนะจับตา
  (1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
  (2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
  (3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, TPIPL
  (4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW)
  (5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
  (6) กลุ่มโรงกลั่น มีโอกาสรีบาวน์ หลังจากผลการดำเนินงาน 1Q/59 ออกมาดีกว่าคาด แนะจับตา IRPC, TOP และ SPRC

ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
  (-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +9.38, NASDAQ -23.35, S&P -0.35, FTSE -58.30, CAC -23.40 และ DAX -113.20
ภายใต้การซื้อขายที่เป็นไปอย่างซบเซา ขณะที่ได้รับปัจจัยลบจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ล่าสุด เพิ่มขึ้น 20,000 ราย อยู่ที่ 294,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับแต่ก.พ.’58 และสวนทางกับที่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 270,000 ราย
รวมถึงประเด็นที่ประธานเฟด สาขาบอสตัน ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพียง 1 ครั้ง ในเดือนธ.ค. นี้ แต่เจ้าหน้าที่เฟดคาดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
  ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซน - มี.ค. ลดลง 0.8%MoM ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และเป็นสัญญาณว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนยังคงซบเซา
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.47 อยู่ที่ US$46.70
ต่อบาร์เรล หลัง IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมัน
ทั่วโลก – 1Q/59 ขึ้นสู่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากความต้องการที่สูงขึ้นในประเทศจีน อินเดีย และรัสเซีย ขณะที่ทั้งปี’ 59 คาดอัตราการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะอยู่ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และคาดภาวะอุปสงค์และอุปทานบ่งชี้ว่าตลาดน้ำมันโลกกำลังปรับตัวไปสู่ระดับดุลยภาพ โดยคาดปริมาณน้ำมันส่วนเกินในตลาดจะหดตัวลงในปีนี้
  และยังอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต

P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.72 1.83 3.39

ที่มา: www.set.or.th

มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 43,165.81
สถาบัน 2,719.77
บัญชีหลักทรัพย์ 348.39
ต่างประเทศ -879.04
ในประเทศ -2,189.13

ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.02 อยู่ที่ 1.76% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54) 
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.28 อยู่ที่ 14.41
หุ้นแนะนำ : SCC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์  โทร.02-684-8788

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!