- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 13 May 2016 17:34
- Hits: 515
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
แม้ SET จะรีบาวด์ได้ดี แต่ยังมีสิทธิปรับตัวลงต่อได้อีก จึงน่ารอซื้อลบ!
กลยุทธ์ : แม้ SET จะแกว่งทรงตัวได้ดีต่อเนื่อง และมีจังหวะรีบาวด์กลับขึ้นมาได้ค่อนข้างแรงในช่วงท้ายตลาดวานนี้ แต่ FSS คาดว่ากรอบบวกค่อนข้างจำกัด เพราะยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ จึงต้องตามระวังแรงขายกดดันให้ SET กลับไปแกว่งย้อนลบต่อได้ในที่สุด ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ลบดีกว่า แต่หลังจากซื้อแล้วแนะนำให้เน้นถือเพื่อลงทุนระยะกลาง-ยาวมากกว่าเทรดดิ้งสั้น
หุ้นเด่นทางเทคนิค : SPCG, SPA, BH(buy back)
แนวโน้ม : หลังจาก SET ยังแกว่งทรงตัวต่อเนื่องได้อีกในช่วงเช้าวานนี้ ทำให้ในภาคบ่ายโดยเฉพาะช่วงชั่วโมงสุดท้ายมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ดัชนีดีดกลับขึ้นได้แรงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังถือว่าเป็นการดีดกลับในกรอบแกว่งอยู่ ถึงแม้ว่าจะสามารถขยับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ดีกว่ากรอบแกว่งเดิมที่เป็นมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อนก็ตาม ขณะที่เช้านี้คาดว่าตลาดน่าจะได้รับแรงกดดันจากการแกว่งตัวย้อนลบของตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากเมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นยุโรปหลายแห่งปิดเป็นลบค่อนข้างแรง จากการที่ยูโรสแตทได้เปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุสาหกรรมของยูโรโซนปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือน มี.ค. และยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทเอกชนด้วย ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐปิดเป็นบวกได้เพียงเล็กน้อย และมีการแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี กดดันให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดแกว่งตัวด้านลบ ด้านราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงก่อนหน้าก็เริ่มมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีแนวโน้มที่จะบวกได้เพียงกรอบจำกัด และมีสิทธิปรับย้อนลบลงใหม่ได้อีกตามคาดเดิม เราจึงยังมองว่าน่ารอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบดีกว่าอยู่
แนวรับ 1394-1392, 1385-1382 จุด
แนวต้าน 1403-1405 , 1409-1412 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$81ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน และ ไทย US$94.5ล้าน และ US$24.9ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$27.8ล้าน และเกาหลีใต้ US$11.7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค นักลงทุนให้ความสำคัญต่อตัวเลขของประเทศสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งต่างออกมาสะท้อนความอ่อนแอ สวนกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอีกในปีนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(0) ผลประกอบการ 1Q16 ส่วนใหญ่เป็นไปตามคาด ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง จันทร์หน้าเป็นเดทลายของการส่งงบการเงิน 1Q16 สำหรับบจ.ที่รายงานแล้วกำไรปกติส่วนใหญ่เป็นไปตามที่เราคาดคือฟื้น 8% Q-Q เพราะฤดูกาล แต่ยังหดตัว 15% Y-Y ธุรกิจที่ทำกำไรได้ดีได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล ไฟแนนซ์ ปิโตรเคมี ค้าปลีก ส่วนธุรกิจที่กำไรออกมาแย่ (ตามคาด) ได้แก่ ยานยนต์ สื่อโฆษณา ไอซีที และธุรกิจเครื่องดื่ม
(+) AAV กำไรดีกว่าเราและตลาดคาดมาก +268% Q-Q, +99% Y-Y เป็น 1 พันล้านบาทจากการบริหารค่าใช้จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำได้ดีมากโดยลดลงถึง 18% Q-Q และ 26% Y-Y กำไร 1Q16 คิดเป็น 65% ของประมาณการทั้งปี เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการและราคาเป้าหมาย (6.50 บาท) หลังการประชุมบ่ายวันนี้ ยังคงแนะนำซื้อ
(+) TACC กำไรดีตามคาด +71% Q-Q, +50% Y-Y จากรายได้ที่โตดีทั้งในและต่างประเทศ และการปรับ Product mix ที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แนวโน้มจะดีมากใน 2Q16 เพราะเป็น high season และได้เป็น Supplier เครื่องดื่มเย็นครบทั้ง 4 โถกดตลอด 2Q16 ในร้าน 7-11 เรายังคาดกำไรปีนี้ +75% Y-Y ราคาพื้นฐาน 6 บาท แนะเก็งกำไร
(0) CPF ปรับกำไรขึ้น เราปรับกำไรปกติปีนี้ขึ้น 45% เป็น +507% Y-Y ส่วนกำไรสุทธิคาด +14% Y-Y สะท้อนกำไรที่ดีกว่าคาดมากใน 1Q16 และจะดีต่อใน 2Q-3Q16 ตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของธุรกิจกุ้งและราคาเนื้อสัตว์ที่มีโอกาสสูงขึ้น เราปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 31 บาท แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจน PE สูงถึง 17 เท่า แนะนำซื้ออ่อนตัว
(0) M ปรับกำไรลง แม้กำไรปกติ 1Q16 จะใกล้เคียงคาด -13% Q-Q, -8% Y-Y เพราะ SSSG ติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 4 และน่าจะฟื้นตัวใน 2Q16 จากอานิสงส์ของมาตรการภาครัฐ แต่แนวโน้มกลับไม่ค่อยสดใสจากการแข่งขันที่สูงและกำลังซื้อที่อ่อนแอ เราจึงปรับกำไรปีนี้ลง 7% เหลือโต 12.6% Y-Y จากเดิมคาด +20% Y-Y ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 55 บาทจาก 60 บาท ยังคงแนะนำเพียงถือ
(0) SAPPE ปรับราคาเป้าหมายลง กำไร 1Q16 ฟื้น 66% Q-Q (ต้นทุนและค่าใช้จ่ายลดลงจากการปิดโรงงานบางชัน) แต่ -15% Y-Y (ค่าการตลาดในประเทศและค่าใช้จ่ายของบ.ย่อยในอินโดนีเซียสูงขึ้น) และคิดเป็น 19% ของกำไรทั้งปีที่เราคาด เรายังคงประมาณการเพราะรายได้มีโอกาสพุ่งถ้าการเจรจากับพันธมิตรใหม่ในจีนสำเร็จ แต่ปรับ Target PE ลงเป็น 15 เท่าจาก 18 เท่าสะท้อน downside ของประมาณการ ทำให้ราคาเป้าหมายลดเหลือ 18 บาท และอาจลดเหลือ 17.70 บาทหากครม.อนุมัติให้เก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง จึงยังแนะนำเพียงถือ
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดค่อนมาในแดนลบหลังตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี รวมถึงแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้น Apple Inc
(-) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนลบจากราคาน้ำมันที่เริ่มมีจังหวะปรับลงให้เห็นอีกครั้ง ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีนัก รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนแอ
(-) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดในแดนลบตามตลาดหุ้นภูมิภาคอื่นจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงต่อหลังแกว่งทรงตัวในช่วงกลางสัปดาห์ ล่าสุดเคลื่อนไหวในกรอบ 35.27-35.37 บาท/ดอลลาร์
(0) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ขยับขึ้น 0.47 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 46.70 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่อย่างไรก็ตามราคาเริ่มมีจังหวะปรับตัวลงจากสต๊อกน้ำมันดิบ ณ เมืองคุชชิ่งที่เป็นจุดส่งมอบปรับตัวเพิ่มขึ้น
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. ลดลง 4.30 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,271.20 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า รวมถึงแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงในเดือนนี้
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 พ.ค. - เกาหลีใต้: ธนาคารกลาง (BoK) ประชุม
- ฮ่องกง: 1Q16 GDP
- ยูโรโซน: 1Q16 GDP
- สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (เม.ย.)
14 พ.ค. - จีน: ยอดค้าปลีก (เม.ย.), Industrial Production (เม.ย.)
16 พ.ค. - ไทย: 1Q16 GDP, เดทลายของบจ.ส่งผลประกอบการ 1Q16
17 พ.ค. - ไทย: BM เริ่มเทรด (ราคา IPO 2.88 บาท)
- สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.), Housing start & Building permit (เม.ย.)
18 พ.ค. - ญี่ปุ่น: 1Q16 GDP (ตลาดคาดฟื้น +0.5% จากไตรมาสก่อนที่ -1.1%)
- สหรัฐ: Fed Minutes จากการประชุม FOMC 26-27 เม.ย. 2016
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
19 พ.ค. - ฟิลิปปินส์: 1Q16 GDP
- สิงคโปร์: 1Q16 GDP
- อินโดนีเซีย: ธนาคารกลาง (BI) ประชุม
20 พ.ค. - ไทย: ยอดขายรถ (เม.ย.), ตลาดหุ้นปิดทำการเนื่องในวันวิสาขบูชา
- สหรัฐ: ยอขายบ้านเก่า (เม.ย.)
23 พ.ค. - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (พ.ค.)
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch