- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 12 May 2016 19:15
- Hits: 744
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อเก็งกำไร/สะสมหุ้นดีจังหวะอ่อนตัว'
Stock Picks-May 2016 : Fundamental : ADVANC, AOT, BA, LPH, TMT
Dark Horse : FSMART, RS
Fundamental Pick -Today: TVD(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, TMT, JASIF, DIF, CPNRF, SC, QH, SIRI, BCP
Shot Sell-Prev : GUNKUL 23%, PTTEP 22%, BLA 20%, CENTEL 19%, BJC 16%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบแต่มีสิทธิเด้งสั้น
Support Resistance Stop Loss
SET 1370-1360 1390-1400,1410 ค่าลบ
SET50 870-860 885-895,905 ค่าลบ
Technical Picks - Today KTC, TPIPL, SF, SYNEX, HMPRO, LIT, IVL, ROBINS
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : COM7 (จากซื้อเป็น ถือ)
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวานนี้อ่อนตัวลง 7.72 จุดปิดที่ 1382.41 นำโดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่ยังกังวลกับคุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มผลประกอบการ 2Q59 ที่อาจจะลดจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแคบลง (ช่วง 1Q59 มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่ไม่ได้ลดเงินฝากหรือลดเงินฝากในอัตราที่น้อยกว่า) รวมทั้งมีการขายทำกำไรในลักษณะ Sell on fact ด้วย อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อเก็งกำไรรายบริษัทในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ก็ช่วยพยุงให้ตลาดไม่ลดลงแรง นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ยังคงขายสุทธิต่อ ส่วนสถาบันในประเทศและรายย่อยซื้อสุทธิ โดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิไม่มากเช่นเดียวกันกับวันก่อนหน้า
ตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q59 และแนวโน้มที่เหลือของปีนี้ ซึ่งทำให้ตลาดยังมีปัจจัยกระตุ้นเป็นระยะๆ แต่เมื่อหมดเทศกาล Earning ไปแล้ว ก็ควรระวังการอ่อนตัวตามมา สำหรับราคาน้ำมันดิบที่คาดการณ์ว่าอาจจะแตะ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็มีความเป็นไปได้ (เพราะปัจจุบัน BRENT ก็อยู่ที่ 47.6 ดอลลาร์/บาร์เรลแล้ว) แต่คาดว่าจะยังผันผวนจากกำลังการผลิตที่จะเข้ามาเพิ่มจากอิหร่านและการผลิตเพิ่มของประเทศต่างๆเมื่อเห็นราคาน้ำมันสูงขึ้น หุ้นที่กำไรเติบโตสูง/หรือกำไรพลิกฟื้นอย่างแข็งแกร่ง เช่น CPF, CPALL, IVL, KTC, RS, TMT, TVD, BIG, LPH, SYNEX, XO เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ผลประกอบการแย่ลงเป็นขาดทุน เช่น MCOT, SE-ED, THRE, JMT เป็นต้น สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TVD
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบ แต่ยังไม่ทิ้งรีบาวด์สั้นจากภาวะ Oversold + Divergence เล็กๆในกราฟรายนาที แนวต้านระยะสั้น 1390-1400, 1410 จุด แนวตัดขาดทุน คือ ค่าลบ แนวรับระยะสั้น 1370-1360 จุด ซื้อเก็งกำไรเมื่อดัชนีและราคาหุ้นเป็นบวก/หรือซื้ออ่อนตัวที่แนวรับ
สำหรับ การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณทางเทคนิคดี น่าสนใจซื้อเก็งกำไรตามด้วยค่าบวก หุ้นที่เข้ามาใหม่ คือ HMPRO, IVL, SF, KTC, LITส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ SAWAD, MTLS, TWPC หุ้นที่หาจังหวะ Take Profit คือ BEM, ROBINS, TKN, LPH
Need to know TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจเยอรมนีมองเศรษฐกิจโลกดีขึ้นใน 2Q59
สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าภาวะเศรษฐกิจโลกดีขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 2/59 โดยดัชนีปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 90.5 จาก 87.8 ในไตรมาส 1/59 และขึ้นมาใกล้ระดับ 96.0 ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในระยะยาว นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันฯคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.0% ในปี 59 และการฟื้นตัวอยู่ในระดับปานกลาง
- ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลง...กำไรบริษัทค้าปลีกอ่อนแอกว่าคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,711.12 จุด ร่วงลง 217.23 จุด หรือ -1.21% ปัจจัยกดดัน คือ ผลประกอบการบริษัทใหญ่กลุ่มค้าปลีก เช่น วอลท์ ดิสนีย์, เมซีย์ อิงค์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมทั้งทางการสหรัฐมีคำสั่งไม่ให้โฮมดีโปท์ควบรวมกิจการกับสแทปเพิลส์ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ที่จะออกมาในวันศุกร์นี้
+ ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อ หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 46.23 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.08 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 47.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 3.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับ 540 ล้านบาร์เรล รวมทั้งเหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียทำให้ปริมาณการผลิตลดลงต่ำกว่าในรอบ 22 ปี
+ ราคาทองคำบวกขึ้น 0.85%...วาณิชธนกิจใหญ่ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาช่วง 3-12 เดือนข้างหน้า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 10.70 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,275.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากความผันผวนของตลาดหุ้น
โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองในช่วง 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือนข้างหน้า สู่ระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์, 1,180 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,150 ดอลลาร์/ออนซ์ จากเดิม 1,100 ดอลลาร์, 1,050 ดอลลาร์ และ 1,000 ดอลลาร์ ตามลำดับ
ปัจจัยในประเทศ & หุ้นเด่น
กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50%...เป็นไปตามคาด
วานนี้ (11 พ.ค.59) คณะกรรมการกนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการใช้จ่ายภาครัฐและขยายตัวของภาคท่องเที่ยว แต่เศรษฐกิจภายในมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะจากภาวะภัยแล้งทำให้รายได้เกษตรกรลดลง การส่งออกฟื้นตัวช้าจากเศรษฐกิจโลกที่เปราะบาง ด้านภาวะการเงินผ่อนคลายลง เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยกนง.ยังคงประมาณการ GDP Growth ของไทยปีนี้ไว้ที่ 3.1%
+ KTC (ราคาปิด 92.50 บาท, ราคาเป้าหมาย 105.5 บาท) - กำไรเติบโตสูง
ใน 1Q59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 635 ล้านบาท (+11%YoY และ 19%QoQ) เนื่องจากสินเชื่อบัตรเครดิตและส่วนบุคคลเติบโต 11%YoY และต้นทุนการเงินลดลง ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่ม 17%YoY สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตดีที่ 13%YoY ด้านคุณภาพสินทรัพย์ บริษัทมีการตัดหนี้สูญออกไปทำให้ NPL Ratio ของสินเชื่อรวมลดลงเป็น 2.0% ในสิ้น 1Q59 (จาก 2.1% ในสิ้นปี 58) Coverage ratio สิ้นมี.ค.59 อยู่ที่ 424% แนวโน้มกำไร 2Q59 คาดว่าจะยังเติบโตได้ YoY จากนโยบายเชิงรุกของบริษัท และต้นทุนการเงินที่ต่ำลง แต่ส่วนหนึ่งจะถูกชดเชยไปด้วยค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 105.50 บาท (IAA Consensus) ซึ่งเทียบเท่ากับ Forward P/E ปีนี้ที่ 12.5 เท่า คาดการณ์ Dividend yield ที่ 3.5%
+ TVD (ราคาปิด 2.30 บาท, ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท) - คาดผลประกอบการ 1Q59 และทั้งปี 59 ฟื้นตัวแกร่ง
คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q59 จะฟื้นตัวเป็น 36 ล้านบาท กับกำไรสุทธิ 0.064 ล้านบาทใน 1Q58 และ 10 ล้านบาทใน 4Q58 หนุนโดยธุรกิจ TV Direct และ Shopping ส่วน Retail และ Broker เป็นขาดทุนเล็กน้อย รายได้รวมเพิ่มเป็น 939 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นที่ทำได้ดีเป็น 58.3% สูงกว่าทั้ง y-o-y และ q-o-q ที่ 51.3% และ 49.5% ตามลำดับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายอยู่ในภาวะปกติ สำหรับทั้งปี 59 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 124 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 41 ล้านบาทในปี 58 และคาดว่าบริษัทจะกลับมาจ่ายปันผลระหว่างกาลงวด 1Q59 อีกครั้งหลังนำสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมในงบเดี่ยวที่มีอยู่ 67 ล้านบาท ณ สิ้นปี 58 ทั้งนี้บริษัทเพิ่งจะได้รับเงินปันผลมาจากทีวีดี ช็อปปิง 60 ล้านบาท จึงคาดว่าจะมีเงินสดมาจ่ายเงินปันผลได้เป็นอย่างดี
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]