- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 11 May 2016 17:05
- Hits: 1530
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +222.44, NASDAQ +59.67, S&P +25.70, FTSE +41.84, CAC +15.40 และ DAX +64.95
โดยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเกือบ 3% จากปัญหาความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันจากแคนาดา และการเพิ่มขึ้นของหุ้นแอมะซอน ประกอบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์เฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น 0.1% ตามคาดและยอดค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.7% มากกว่าคาด
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ของกรีซ โดยรัฐมนตรีคลังยูโรโซนเสนอที่จะลดหย่อนหนี้ให้แก่กรีซ โดยจะให้เวลาปลอดหนี้ที่นานขึ้นและอายุพันธบัตรที่นานขึ้น ตั้งแต่ปี 2018 หากกรีซสามารถดำเนินมาตรการปฏิรูปตามที่ตกลงกันได้ทั้งหมดภายในปี 2018
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$1.22 อยู่ที่ US$44.66 ต่อบาร์เรล จากการคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันอาจปรับขึ้นไม่แข็งแกร่งเท่ากับในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปัญหาความขัดข้องด้านการผลิตทั้งในประเทศแคนาดา ไนจีเรีย และประเทศอื่นๆ
อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. -US$1.80 อยู่ที่ US$ 1,264.8ต่อออนซ์ ภายใต้เงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และกดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ หลังประธานเฟดสาขาชิคาโก แสดงมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยคาดในปี'59 ขยายตัว ประมาณ 2.5%
(-) เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศสุทธิ -1,306 ล้านบาท สะสม YTD +9,246 ล้านบาท (ปี'57 และ 58 ยอดขายสุทธิสะสม 36,584 ล้านบาท และ 154,346 ล้านบาท ตามลำดับ)
ประเด็นที่ต้องติดตาม 11 - 13 พ.ค. 2559
11/5/59 : ประชุม กนง. (อัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุด 1.50%)
สหรัฐฯ เปิดเผย
(1) สต็อกน้ำมัน
(2) งบประมาณของรัฐบาลกลางเดือนเม.ย.
12/5/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
(1) ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย.
(2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
13/5/59 : สหรัฐฯ เปิดเผย
(1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.
(2) ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.
(3) สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.
(4) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้น ตามตลาดต่างประเทศ? หลังจากตลาดต่างประเทศทั้งสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่น การเจรจาหนี้ของกรีซที่มีแนวโน้มประสบความสำเร็จ โดยตลาดส่วนใหญ่ยังคงให้น้ำหนักต่อประเด็นการชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไป ขณะที่ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น คาดส่งผลต่อดีต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะ PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น ภายใต้ภาพรวมที่คาดยังคงมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันส่วนเกิน
ส่วนประเด็นในประเทศ ยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน นักลงทุนต่างชาติมีการขายต่อเนื่อง และยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน 1Q/59 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ค. ขณะที่จะมีการประชุม กนง. ในวันนี้ คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันค่อนข้างต่ำแล้ว โดยทาง ธปท. จะเก็บนโยบายทางการเงินไว้ใช้ในยามจำเป็น
รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษี (มีผลต่อภาษีในปี'60) เช่น เพิ่มค่าลดหย่อน จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น คาดช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ และคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐ รวมถึงการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ที่คาดเป็นปัจจัยหนุนในระยะกลาง - ยาว
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP จะมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น
(3) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, TPIPL
(4) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, ERW)
(5) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
(6) กลุ่มโรงกลั่น มีโอกาสรีบาวน์ หลังจากผลการดำเนินงาน 1Q/59 ออกมาดีกว่าคาด แนะจับตา IRPC, TOP และ SPRC
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัว อยู่ที่ 1.76% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.'54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -0.94 อยู่ที่ 13.63
หุ้นแนะนำ : TOP
หุ้นแนะนำ
TOP : ราคาเป้าหมาย (ปี 2559) 85.00 บาท
TOP ประกาศผลการดำเนินงานช่วง 1Q/59 ยังคงแข็งแกร่ง แม้มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเล็กน้อย และค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลง โดยเฉพาะค่าการกลั่นของน้ำมันดีเซลในช่วง 1Q/59 แต่ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดำเนินงานดีขึ้น
แนวโน้มค่าการกลั่นจะลดลงในช่วง 2Q/59 แต่จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเข้ามาชดเชย
แม้ปัจจุบันค่าการกลั่นในตลาดสิงคโปร์จะลดลงมาอยู่ระดับ 4-5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จากสต็อกน้ำมันสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามเราคาดค่าการกลั่นจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย. จากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลขับขี่ และคาดจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเข้ามาชดเชย
ประเมินราคาเป้าหมายปี '59 อยู่ที่ 85.00 บาท
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ 02-684-8788