- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 09 May 2016 17:24
- Hits: 1112
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
กรอบแคบ? คาดมีโอกาสปรับขึ้น ภายใต้ปัจจัยต่างประเทศโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่แม้ออกมาต่ำกว่าคาด แต่มีมุมมองเป็นบวกและให้น้ำหนักต่อประเด็นการชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไป รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคาดยังส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามแนะนำเพียงการเก็งกำไร โดยคาดภาพรวมยังคงมีความกังวลต่ออุปทานน้ำมันส่วนเกิน
ทางด้านจีน ล่าสุดเปิดเผยยอกส่งออก – เม.ย. เพิ่มขึ้น 4.1%yoy ชะลอตัวจาก 18.7%เมื่อมี.ค. และยอดนำเข้า ลดลง 5.7% ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้าสูงเกือบ 3.0 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้นจาก 1.95 แสนล้านหยวน เมื่อ มี.ค. ขณะที่ 4M/59 ยอดส่งออก และนำเข้า ลดลง 2.1% และ 7.5% ตามลำดับ
ส่วนประเด็นในประเทศ ภาพรวมยังไม่มีประเด็นชี้นำใหม่ ภาพรวม Fund Flow ยังมีความผันผวน แรงซื้อขายสุทธิสลับกันไป อย่างไรก็ตามคาด Fund Flow ยังมีโอกาสไหลกลับเข้ามาในภูมิภาค รวมถึงไทย ภายใต้ที่ธนาคารกลางหลายๆ แห่ง ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และยังอยู่ในช่วงของการประกาศผลการดำเนินงาน – 1Q/59 ที่คาดมีแรงเก็งกำไรต่อเนื่องถึงกลางเดือน พ.ค. ขณะที่จะมีการประชุม กนง. ในวันที่ 11/5/59 คาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% และยังมีมุมมองที่ดีต่อการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่อเนื่องช่วง 2Q/59 – 3Q/59 ซึ่งล่าสุด ครม. เห็นชอบงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,200 ล้านบาท คาดประมูลในช่วง ส.ค. – ก.ย. นอกเหนือจากโครงการ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) เป็นต้น ที่เห็นชอบไปก่อนหน้านี้ ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง
รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างภาษี (มีผลต่อภาษีในปี’60) เช่น เพิ่มค่าลดหย่อน จากเดิม 30,000 บาท เป็น 60,000 บาท และหักค่าใช้จ่ายได้ 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นต้น คาดช่วยเพิ่มอำนาจซื้อ และคาดเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มค้าปลีก
กลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านประชารัฐ รวมถึงการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร ที่คาดเป็นปัจจัยหนุนในระยะกลาง – ยาว
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+/-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +79.92, NASDAQ +19.06, S&P +6.51, FTSE +8.45, CAC -18.22 และ DAX +18.09
ภายใต้คาดการณ์ว่าเฟด อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร – เม.ย. เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 202,000 ตำแหน่ง และเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ฟื้นตัวดี ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 5% สอดคล้องกับที่คาด
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$0.34 อยู่ที่ US$44.66 ต่อบาร์เรล หลังเกิดไฟป่าเป็นวงกว้างในแหล่งทรายน้ำมันของแคนาดา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของแคนาดาลดลงราว 1 ใน 3 หรือประมาณ 720,000 บาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการประชุมรอบใหม่ระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก และนอกกลุ่มโอเปก) ในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือในประเด็นการตรึงกำลังการผลิตราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$21.7 อยู่ที่ US$ 1,294.0ต่อออนซ์ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานข้างต้น ต่ำกว่าคาด ทำให้คาดเฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.52 1.83 3.42
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 32,586.93
สถาบัน -1,717.99
บัญชีหลักทรัพย์ +250.18
ต่างประเทศ -1,368.60
ในประเทศ +2,836.41
และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP ยังมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL)
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.03 อยู่ที่ 1.78% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.19 อยู่ที่ 14.72
หุ้นแนะนำ : KTC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788