- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 April 2016 18:05
- Hits: 1471
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
มองบวกอย่างระมัดระวัง
คาดหุ้นไทยวันนี้บวกต่อจากที่ตลาดส่วนใหญ่ คาดว่า Fed จะยังคงท่าทีผ่อนคลายทางการเงิน ในขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น และรัฐบาลญี่ปุ่นน่าจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ออกมา ราคาน้ำมันที่ทำจุดสูงสุดของปี 2016 ต่อเนื่องน่าจะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและตลาดโดยรวม ภายในประเทศ ครม.อนุมัติก่อสร้างรถไฟรางคู่ สาย ประจวบ-ชุมพร เป็นบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง และธปท.คาดเศรษฐกิจไทยโต 3.0% ในไตรมาส 1 ถือว่าเป็นบวกต่อตลาดโดยรวม หวังจากตัวเลขส่งออกเดือน มีนาคม และไตรมาส 1 ขยายตัว
หุ้นเด่นวันนี้ : KCE (78 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 95 บาท)
บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ เป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ชั้นนำของโลก น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการมาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าและรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ เราคาดว่ายอดขายจะเติบโตดี 15-16% ในปี 59 และ 60 หนุนโดยสถานะอันโดดเด่นในตลาด PCB โลก แนวโน้มระยะยาวของการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์และมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมถึงกำลังการผลิตที่มากขึ้น (เพิ่มอีก 60%) จากโรงงานใหม่ การผลิตในสองเฟสแรกของโรงงานใหม่พึ่งเต็มกำลังการผลิตไปและบริษัทเตรียมเปิดเฟส 3 ใน ก.ค.นี้ โรงงานใหม่นั้นมีเครื่องจักรที่ทันสมัยกว่าเดิมซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและของเสียอย่างมาก ปัจจุบันกำลังการผลิตของโรงงานใหม่อยู่ที่ 90% รองรับด้วยคำสั่งซื้อที่เติบโตดี บริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาโลหะอุตสาหกรรมที่ตกต่ำในตลาดโลก โดยเฉพาะทองแดงซึ่งจะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นเข้าไปอีก เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 22% ปี 59 และ 18% ในปี 60 ตามลำดับ Price Pattern ของ KCE ได้กลับมาเกิด Daily Buy Signal ครั้งใหม่ ในขณะที่ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด Monthly Buy Signal ทั้งนี้หาก Price Pattern ของ KCE สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์นี้ได้เหนือ 77 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ และจะเป็นการยืนยันที่จะเห็นการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งได้ต่อไป ทั้งนี้เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KCE มีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 88.50 บาท โดยมีจุด Stop Loss ของ KCE รอบนี้อยู่ที่ 72.25 บาท (แนวต้าน: 78.75, 79.50, 81.00; แนวรับ: 77.25, 76.50, 75.00)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
ธปท. คาดเศรษฐกิจไทยจะขยายได้ 3.0% ในไตรมาส 1/59 สนับสนุนโดยการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยยังเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งต่อเนื่องและการเร่งลงทุนเบิกจ่ายของรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 3.1% (ธปท.)
อนุมัติโครงการรถไฟรางคู่ประจวบ-ชุมพร คณะรัฐมนตรี วานนี้ ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่เส้นทางประจวบ-ชุมพร มูลค่า 1.7 หมื่นลบ. ซึ่งจะเปิดประมูลทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ภายในเดือน ส.ค. และน่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้อีกหนึ่งเดือนถัดมา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 62 รมว. กระทรวงคมนาคม นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ยังได้กล่าวว่ายังมีอีกมากกว่าสามโครงการที่รอให้ ครม. อนุมัติ และคาดว่าจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในปลายปีนี้ (Bangkok Post)
ครม. อนุมัติขยายเวลาคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งนำเสนอโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังวานนี้ โดยเฉพาะการลดจำนวนเงินฝากที่จะให้ความคุ้มครองเป็นระดับชั้น โดยจะคุ้มครองสูงสุดไม่เกิน 25 ลบ. ภายในวันที่ 10 ส.ค.59 และจะปรับลดลงเหลือ 15 ลบ. ภายใน 10 ส.ค. 61 , 10 ลบ. ภายใน 10 ส.ค. 62, 5 ลบ. ภายใน 10 ส.ค. 63 โดยจะเหลือความคุ้มครองเงินฝากเพียง 1 ลบ. นับตั้งแต่ 11 ส.ค. 63 เป็นต้นไป ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายวิรไท สันติประภพ ได้กล่าวถึงการขยายเวลาจะช่วยให้มีระยะเวลาในการปรับตัวและเตรียมแผนทางการเงิน โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์เนื่องจากยังมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งและยังมีสภาพคล่องส่วนเกินสูง (Bangkok Post)
เสนอจัดเก็บภาษีน้ำตาลในเครื่องดื่มแก่ ครม. สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมีมติวานนี้ให้เสนอเรื่องการจัดเก็บภาษีน้ำตาลให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของประชาชนและขยายฐานรายได้ของรัฐบาล ภายใต้แผน เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลระหว่าง 6-10 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จะต้องถูกจัดเก็บภาษีซึ่งจะส่งผลให้ราคาเครื่องดื่มเพิ่มอย่างน้อย 20% ขณะที่ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากกว่า 10 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร จะมีผลให้ราคาเครื่องดื่มเพิ่มอย่างน้อย 25% การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มรายได้รัฐมากกว่า 1 หมื่นลบ. ต่อปี (Bangkok Post)
ADVANC (156 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 213 บาท) และ TRUE (7.25 บาท) ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องการให้เช่าใช้คลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ โดยยังไม่มีใครยอมอ่อนลดเงื่อนไข (Bangkok Post) ความเห็น: เราคิดว่ากรณีดีที่สุดคือดีลนี้ล้มแล้ว ADVANC ยังสามารถใช้คลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ล็อตแรก (ที่จะนำมาประมูล) ต่อไปได้ จนกว่าการประมูลจะจบลงโดยไม่ต้องไปจ่ายค่าเช่าคลื่นให้ทรู
INTUCH (53 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 81 บาท) ให้ธุรกิจร่วมทุน InVent ของตนไปซื้อหุ้น Wongnai Media ธุรกิจรีวิวอาหารและไลฟ์สไตล์ที่มีแอพเป็นของตนเอง ด้วยมูลค่าราวกว่า 30 ลบ. จากงบประมาณลงทุนกว่า 2 ร้อย ลบ. InVent ตั้งเป้าจะลงทุนในสตาร์ทอัพ 4 บริษัท โดยจะใช้เงินลงทุนกว่า 30 ลบ. ต่อบริษัท โดยคาดว่าจะช่วยหนุนให้ Wongnai มีรายได้เพิ่มขึ้น 200% ในปีนี้ (Bangkok Post, The Nation) ความเห็น: เราเห็นว่า Wongnai มีอนาคตสดใสเพราะเป็นเว็บไซต์รีวิวอาหารที่เป็นที่รู้จักดีมากในประเทศไทย แม้ว่ามูลค่าจะนิดเดียวเมื่อเทียบ INTUCH ทั้งบริษัท แต่ก็นับว่าเป็นความก้าวหน้าที่ดี
ต่างประเทศ
คาดเฟดจะยังคงผ่อนคลายทางการเงิน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือนมี.ค.และความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ซึ่งเสริมมุมมองว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะทำให้เฟดผ่อนคลายทางการเงินในการแถลงนโยบายในวันพุธนี้ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลงเทียบกับเงินยูโรเมื่อวันอังคาร จากความคาดหวังว่าเฟดยังคงดำเนินนโยบายแบบ dovish และมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่ปรับตัวขึ้นเทียบกับเงินเยนจากความคาดหวังที่มากขึ้นเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางญี่ปุ่น เงินยูโรล่าสุดเพิ่มขึ้น 0.24% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 1.1290 ดอลลาร์สหรัฐ(Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดทั้งบวกและลบเมื่อวันอังคาร ดัชนี DJIA และ S&P500 ปิดบวกโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้างได้ปรับตัวขึ้นแม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่ประกาศจะอ่อนแอก็ตาม อย่างไรก็ตาม ตลาดทำกำไรได้เล็กน้อยและดัชนี Nasdaq ปิดลดลงจากคาดการณ์ว่า Apple จระรายงานรายได้รายไตรมาสลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปี (Reuters)
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดในเดือนมี.ค. เนื่องจากความต้องการรถยนต์ คอมพิวเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตกต่ำ บ่งชี้ว่าภาวะขาลงของภาคโรงงานยังไม่สิ้นสุด ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนก่อนหลังจากลดลง 3.1% ในเดือนก.พ. ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าดังกล่าวจะเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก่อน (Reuters)
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงอยู่ที่ 94.2 ในเดือนเม.ย. จาก 96.2 ในเดือนมี.ค. ตรงข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์อยู่ที่ 96.0 ผู้บริโภคมองค่อนข้างเป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นซึ่งหมายถึงผู้บริโภคไม่ได้คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้น (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันอังคารฟื้นตัวเล็กน้อย หนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่รายงานออกมาในเชิงบวก ราคาหุ้น UPM ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ และหุ้น BP ต่างปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่บริษัทฯ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการ (Reuters)
เอเชีย :
ญี่ปุ่นเตรียมงบประมาณพิเศษกว่า 4.5 พันล้านดอลลาร์ฯ หรือ 1.58 แสนล้านบาท สำหรับการฟื้นฟูพื้นที่ที่ถูกกระทบจากแผ่นดินไหว แต่ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจะไม่ให้ความช่วยเหลือกับธนาคารในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นทางเกาะคิวชูทางตอนใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 50 รายและได้รับบาดเจ็บ 5,000 ราย (Reuters)
รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะออกคูปองใช้จ่าย และออกมาตรการส่งเสริมโดยให้ส่วนลดการจัดกิจกรรมระดับชาติ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ วันที่เกิด Black Friday ในสหรัฐฯ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา และ เร่งการเจริญเติบโตของจีดีพีประเทศ (Reuters)
ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จีนเตรียมออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นแรง ซึ่งราคาที่ขึ้นมานี้บางคนบอกกว่าได้รับแรงหนุนจากนักเก็งกำไร ทำให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดฟองสบู่แตกในตลาดอนุพันธ์ หลังจากปีที่แล้วก็เกิดการดิ่งในตลาดหุ้นจีน จึงมีการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมสำหรับอนุพันธ์สินแร่เหล็กถึงสองครั้งในรอบหลายวันที่ผ่านมา หลังจากมีการปรับเพิ่มก็นำไปสู่การปรับลงของสัญญาฟิวเจอร์ของสินแร่เหล็กและเหล็กกล้า เป็นการช่วยบรรเทาความร้อนแรงการปรับขึ้นของตลาดโภคภัณฑ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันอังคารปรับตัวสูงขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากปริมาณสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ที่ล่าสุดรายงานออกมาลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้น 1.26 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (+2.8%) มาอยู่ที่ 45.74 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล หลังจากตลาด Settlement ไปแล้วราคาน้ำมันดิบ Brent ได้สูงขึ้นต่อเนื่องถึงระดับ 46.49 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าปรับตัวสูงขึ้น 1.40 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (+3.3%) มาอยู่ที่ 44.04 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล และหลังจากที่ผ่านช่วงการซื้อขายในตลาดไปแล้วราคาน้ำมันดิบ WTI ยังสูงขึ้นได้ต่อเนื่องถึงระดับ 44.83 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล (Reuters)
ราคาทองดีดกลับวันอังคาร เพราะตัวเลขสินค้าคงทนสหรัฐออกมาอ่อนแอกว่าคาดกระทบดอลลาร์เทียบยูโรให้ลงไปต่ำสุดรายวัน แต่ราคายังถือว่าอยู่ในกรอบแคบก่อนที่จะมีการประชุม Fed ในช่วงสองวันนี้ ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.3% ปิดที่ 1,241.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทองคำล่วงหน้าสหรัฐส่งมอบ มิ.ย. บวก 0.3% ปิด 1,243.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331