- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 27 April 2016 17:48
- Hits: 996
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
SET มีจังหวะบวกสลับ แต่คาดกรอบบวกยังจำกัด ดังนั้นรอซื้อลบต่อได้
กลยุทธ์ : SET มีจังหวะรีบาวด์เป็นบวกสลับขึ้นมาบ้าง แต่ FSS ยังคาดว่ากรอบบวกในช่วงนี้น่าจะยังค่อนข้างจำกัด เพราะที่ผ่านมาตลาดขยับขึ้นมาพอควรแล้ว ในขณะที่ยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ๆ มาหนุนเพิ่ม ทำให้ดัชนียังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อเนื่องได้อีก ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงต่อไว้ก่อนเช่นเดิม อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับตัวลงของ SET ก็เป็นเพียงการพักตัวเพื่อสร้างฐานสำหรับการพลิกกลับไปขยับบวกต่อได้ในช่วงถัดไป ดังนั้นหลังจากเลือกหุ้นซื้อช่วงลบแล้ว สามารถเน้นถือเพื่อรอรอบบวกต่อไปได้
หุ้นเด่นทางเทคนิค : VIBHA, CSS, TPIPL(short)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ SET รีบาวด์กลับขึ้นมาแกว่งบวกได้ดีอีกครั้ง โดยเฉพาะภาคบ่ายที่มีแรงซื้อในหุ้นหลักหุ้นใหญ่ ทั้งกลุ่มแบงก์และพลังงานผลักดันให้ดัชนีกลับมาเคลื่อนไหวแถว 1420 จุดได้ ซึ่งคาดว่าแรงซื้อส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเก็งกำไรเกี่ยวกับผลประชุมเฟดในค่ำวันนี้ด้วย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็เริ่มฟื้นตัวให้เห็นตั้งแต่ช่วงบ่าย จนกระทั่งราคาน้ำมัน WTI สามารถปิดเป็นบวกได้กว่า 3% หลังมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐยังปิดเป็นบวกได้เล็กน้อยจากการแกว่งตัวผันผวนบวก-ลบแคบๆ เกือบทั้งวัน แต่นักลงทุนยังไม่มั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจโลกมากนัก ทำให้กรอบบวกยังค่อนข้างจำกัด และส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ยังเปิดในแดนลบอยู่ ขณะที่แรงซื้อของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศของบ้านเราก็เริ่มชะลอตัวลงบ้าง ทำให้ FSS คาดว่าการดีดกลับขึ้นมาของ SET ในช่วงนี้ยังเป็นแค่เพียงระยะสั้น และต้องระวังการแกว่งตัวลงต่อเนื่องไว้ด้วย ส่วนผลประชุมเฟดในค่ำวันนี้(27 เม.ย.) อาจจะไม่ได้ช่วยหนุนตลาดมากนัก ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับลงเช่นเดิมดีกว่าไม่ต้องรีบร้อนซื้อไล่ราคา
แนวรับ 1415-1410, 1405-1397 จุด
แนวต้าน 1420-1422 , 1425-1427 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$63ล้าน ส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน และเกาหลีใต้ US$85.4ล้าน และ US$73.8ล้าน ตามลำดับ ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$61.5ล้าน และไทย US$39.7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอตัวเพื่อรอการประชุม FOMC ที่จะสิ้นสุดในคืนวันนี้
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) MAJOR เรายังแนะนำซื้อเก็งกำไร แม้ราคาหุ้นจะเหลือ upside ไม่มากเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานที่ 32.50 บาท และแม้กำไรปกติ 1Q16 อาจไม่น่าตื่นเต้น +10.7% Q-Q, -6.8% Y-Y แต่กำไรจากการขายหุ้น SF และ PVR คาดทำให้กำไรสุทธิ +39.6% Q-Q, -2.8% Y-Y ขณะที่ 2Q16 จะโตแรงเพราะมีหนังทำเงินหลายเรื่องอยู่ในไตรมาสนี้ เช่น Batman VS Superman, Kung Fu Panda 3, The Jungle Book, Captain America 3 (พ.ค.), X-Men Apocalypse (พ.ค.), และ Independence Day 2 (มิ.ย.) และ “หลวงพี่แจ๊ส 4g” ที่ทำรายได้แล้ว 350 ล้านบาท
(-) CENTEL ราคาหุ้นเต็มมูลค่าที่ 41 บาทแล้ว ลดคำแนะนำเป็นขาย จากถือ โดยเฉพาะแนวโน้มกำไรปกติ 1Q16 คาด -5.8% Y-Y เพราะค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่รายได้ธุรกิจอาหารโตต่ำ เช่นเดียวกับโรงแรมที่นักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวต่ำกว่าตลาดรัสเซีย เข้ามามากกว่า และโรงแรมในมัลดีฟถูกกระทบจากนักท่องเที่ยวยุโรปหายไปบางส่วนหลัง Renovation เราคาดกำไรใน 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ย 9.6% ต่อปีต่ำกว่าการเติบโตในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาถึงครึ่งหนึ่ง กว่าที่การลงทุนใหม่ๆจะเข้ามาหนุนผลประกอบการ จะเป็นปลายปี 2018 จึงแนะนำขาย เปลี่ยนไปลงทุนใน MINT แทน
(-) DELTA เราลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมซื้อ ปรับราคาพื้นฐานลงเหลือ 78 บาทจาก 86 บาท จากการปรับลดกำไรปกติปีนี้ลง 7.7% เหลือโต 10.3% Y-Y จากเดิมคาดโต 19.4% Y-Y เพราะกำไรปกติ 1Q16 ไม่สดใส -27% Q-Q, -20% Y-Y จากรายได้สกุล USD ลดลง สินค้าที่มี margin ต่ำกลับขายได้มาก ทำให้ margin โดยรวมลดลง และค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นมาก แม้แนวโน้มกำไร 2Q-3Q16 จะฟื้นตัวแต่เป็นเพราะฤดูกาล แต่ภาพรวมทั้งปีไม่สดใส
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนปิดผสม โดยราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นแรงช่วยพยุงตลาดไว้ได้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาดูผลการประชุม FED ที่จะทราบผลในคืนวันนี้
(0) ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดผสมเช่นกันตอบรับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนซึ่งหลายแห่งสดใส แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามยังเป็นเรื่องการประชุมธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งในสัปดาห์นี้
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมเช่นกันโดยจับตาดูนโยบายการเงินของ FED BoJ และธนาคารกลางนิวซีแลนด์ที่จะทราบใน 48 ชั่วโมงข้างหน้า
(0) ค่าเงินบาทเริ่มมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แต่ยังเคลื่อนไหวในกรอบ 35.05-35.15 บาท/ดอลลาร์
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 44.04 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเงินดอลลาร์ทีอ่อนค่าซึ่งช่วยหนุนราคาสินค้า Commodity
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,243.40 ดอลลาร์/ออนซ์ จากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า รวมถึงตัวเลขยอดซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯที่อ่อนแอกว่าคาด แต่การปรับขึ้นจำกัดเนื่องจากยังจับตาผลการประชุม FED
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
27 เม.ย. - ไทย:ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (มี.ค.)
- สหรัฐ: Pending home sales (มี.ค.)
27-28 เม.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม
28 เม.ย. - ญี่ปุ่น: BOJประชุม, ยอดค้าปลีก (มี.ค.)
- สหรัฐ: 1Q16 GDP
- ยูโรโซน:ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เม.ย.)
29 เม.ย. - ไทย:ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน มี.ค.
- ยูโรโซน: 1Q16 GDP
- ไต้หวัน:1Q16 GDP
1 พ.ค. - จีน:Manufacturing PMI (เม.ย.)
2 พ.ค. - ตลาดหุ้นที่ปิดทำการ:ไทย จีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเซีย(วันแรงงาน)
- ไทย:อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.)
- ยูโรโซน:Markit Eurozone Manufacturing PMI (เม.ย.)
3-5 พ.ค. - ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการ
3 พ.ค. - จีน: Caixin China PMI Manufacturing (เม.ย.)
- ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA)ประชุม (ตลาดคาดคงดอกเบี้ยที่ 2%)
4 พ.ค. - สหรัฐ:การจ้างงานภาคเอกชน (เม.ย.)
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch