- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 26 April 2016 16:56
- Hits: 716
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มลงทดสอบ 1400
SET Index: 1410.68 เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องที่บริเวณ 1410-1412 จุด หลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่บริเวณแนวต้าน 1430 และ 1420 จุด ทำให้แนวโน้มของ SET Index ยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 1400 จุด ถ้าหลุดจะมีโอกาสปรับตัวลดลงต่อเนื่องไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1370 จุด ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวควรรอให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1425 จุด จะเป็นสัญญาณกลับเข้าไปซื้อหุ้น เพื่อคาดหวังเป้าหมายขึ้นไปที่ 1470 จุด
แนวต้าน : 1412 และ 1414
แนวรับ : 1408 และ 1404
PTT = 297 / 304, SUPER = 1.74 / 1.78, BEM = 5.80 / 5.90, AOT = 404 / 408, IVL = 26.00 / 27.50
Millcon Steel (MILL TB; THB 1.39) – ซื้อ
แนวต้าน : 1.50 และ 1.55
แนวรับ : 1.39 และ 1.38
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากปรับฐานในระยะสั้นจากแรงขายทำกำไร แต่ทิศทางหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ระดับ 70
แนะนำซื้อ MILL โดยมีแนวรับที่ 1.39 และ 1.38 และมีแนวต้านที่ 1.50 และ 1.55 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 1.32 ลงไป
Rich Asia Steel (RICH TB; THB 0.64) – ซื้อ
แนวต้าน : 0.70 และ 0.80
แนวรับ : 0.64 และ 0.62
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างแข็งแกร่ง หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างต่อเนื่อง ในขณะที่จุดต่ำสุดเริ่มยกตัวสูงขึ้น ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 70
แนะนำซื้อ RICH โดยมีแนวรับที่ 0.64 และ 0.62 และมีแนวต้านที่ 0.70 และ 0.80 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.58 ลงไป
SET50 Index Futures
S50M16 เคลื่อนไหวในกรอบแคบเหนือแนวรับสำคัญในระยะสั้น 890 หลังจากปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลุดระดับ 900 ลงไป ซึ่งเราแนะนำให้รอ Open Short อีกครั้ง ถ้าปรับตัวลดลงหลุด 886 ลงไป ในขณะที่แนวต้านสำคัญในระยะสั้นอยู่ที่ 900
แนวต้าน : 894 และ 896
แนวรับ : 890 และ 887
คำแนะนำ: เราแนะนำให้รอ Open Short ใน S50M16 อีกครั้ง ถ้าหลุดแนวรับที่ 886 ลงไป โดยมีแนวรับถัดไปที่ 880 และมีแนวต้านที่ 897 และ 900 เป็นแนวต้านสำคัญ
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50M16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 900 ขึ้นไป
ITDM16
ปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคหลังจากปรบตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 7.55 ลงไปเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลง โดยมีแนวรับถัดไปที่ 7.00-7.10 และมีแนวต้าน 7.60 และ 7.80 เป็นแนวต้านสำคัญ
แนวต้าน : 7.50 และ 7.55
แนวรับ : 7.40 และ 7.30
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน ITDM16 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดระดับ 7.55 ลงไป และมีแนวรับถัดไปที่ 7.20 และ 7.10 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า ITDM16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 7.60 กลับขึ้นไป
IRPCM16
เคลื่อนไหวในกรอบแคบต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคที่บริเวณแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นที่ 5.30 มาปิดที่บริเวณแนวรับสำคัญในระยะสั้นที่ 5.10 ถ้าหลุด เรายังคงคาดว่า แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 4.70 และ 4.50
แนวต้าน : 5.15 และ 5.20
แนวรับ : 5.00 และ 4.94
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน IPRCM16 ที่แนวต้าน 5.10-5.15 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 4.90 และ 4.70
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า IPRCM16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นทะลุผ่าน 5.25 กลับขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...ปรับฐานต่อ
เมื่อวานนี้ตลาดมีการปรับฐานลงต่อโดยปิดลดลง 2.10 จุดหรือ -0.15% ปิดที่ 1,408.71 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบาง 30,406 ล้านบาท แม้ว่าในระหว่างวันจะมีแรงซื้อสู้พยายามดันให้ดัชนีกลับขึ้นไปเป็นบวกก็ตาม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทานแรงขายทำกำไรได้ โดยนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิออกมา 4 ล้านบาท (ส่งผลให้เดือนเมษายนขายสุทธิไป 2,875 ล้านบาท), กองทุนในประเทศขายสุทธิ 331 ล้านบาทและพอร์ทโบรกเกอร์ขายมากที่สุด 568 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ รมช.พาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน มี.ค.59 ว่า การส่งออกยังขยายตัวเป็นบวก 1.3% (ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะ -4.7%) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน (จากเดือนก่อนหน้า +10.27%) โดยมีมูลค่า 19,125 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 16,159 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 6.94% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 2,966 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกปี 59 (ม.ค.-มี.ค.59) การส่งออกขยายตัวได้ 0.9% คิดเป็นมูลค่า 53,829 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนการนำเข้าหดตัว 11.99% คิดเป็นมูลค่า 45,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลดุลการค้าเกินดุล 8,189 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการส่งออกของไทยเดือน มี.ค.ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ตามการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์ เครื่องจักรกล และทองคำ อีกทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มการส่งออกที่ดี จากการขยายตัวในด้านปริมาณ แต่ยังคงเผชิญกับปัจจัยราคาที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ด้านมูลค่าขยายตัวต่ำกว่าปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น
ภาพรวมมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 3.4% ปัจจัยหลักมาจากการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง 43.8% ซึ่งเป็นการขยายตัวของการส่งออกทองคำสูงถึง 262.5% เนื่องจากราคาทองคำสูงขึ้นและมีการส่งออกเพื่อเก็งกำไร เช่นเดียวกับการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบที่กลับมาขยายตัว 2.9% จากการส่งออกรถยนต์นั่งที่ขยายตัวสูงถึง 80.8% (+NYT) โดยเฉพาะตลาดออสเตรเลีย อาเซียน และตะวันออกกลาง ด้านมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรกลับมาหดตัวตามราคาสินค้าเกษตรโลก โดยภาพรวมเดือน มี.ค.59 มูลค่าส่งออกลดลง 1.5% ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน มี.ค.59 นี้ ยางพาราหดตัวถึง 21.1% (-STA) เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ลดลง 12.6% (-TWPC) ทูน่ากระป๋องลดลง 7.7% (-TU) เครื่องดื่มหดตัวสูง 5.5% (-SAPPE CBG) ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวด้านราคาเป็นสำคัญ
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ เมื่อวานนีมีงบ DCC HMPRO ออกมาดีกว่าคาดทั้งคู่ โดย DCC มีกำไร 439 ล้านบาท EPS 0.067 บาท (+14.4% yoy, +26.7% qoq) ดีกว่าตลาดคาด 6% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 4.33 บาท ในขณะที่ HMPRO ประกาศกำไร 866 ล้านบาท EPS 0.07 บาท (+18% yoy, -24% qoq) ดีกว่าที่ตลาดคาด 3% โดย Bloomberg consensus ให้ราคาเป้าหมายที่ 8.15 บาท อย่างไรก็ตามราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทได้ปรับขึ้นมาใกล้ราคาเป้าหมายของ Bloomberg แล้ว ดังนั้นหากราคาวันนี้ปรับขึ้นได้เราแนะนำให้ทยอยขายทำกำไรระยะสั้นไปก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ที่คาดว่าจะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตามประกอบด้วย SCC และ PTTEP โดย Bloomberg consensus คาด SCC (ประกาศวันที่ 27 เม.ย.) จะมีกำไร 11,393 ล้านบาท (+3% yoy, -0.5% qoq) โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 532 บาท ในขณะที่ PTTEP (ประกาศวันที่ 28 เม.ย.) จะมีกำไร 4,350 ล้านบาท (-49.5% yoy, -7.3% qoq) โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 69.40 บาท หากทั้ง 2 บริษัทประกาศผลกำไรออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดก็มีแนวโน้มที่ราคาอาจเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาได้
ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามในสัปดาห์นี้อยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 26-27 เม.ย. และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 27-28 เม.ย. โดยตลาดคาดว่า Fed จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในคราวนี้แต่มีโอกาสจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคราวหน้าวันที่ 14-15 มิ.ย. ในขณะที่คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากที่ประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงไปในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมาและเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นมาก ดังนั้นหาก Fed ไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและ BOJ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มก็น่าจะช่วยหนุนตลาดให้กลับมาฟื้นตัวระยะสั้นได้
วันนี้เราคาดว่าหุ้นกลุ่มหลักจะยังเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาทั้งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงเมื่อคืนนี้, กลุ่มธนาคาร จากแนวโน้มผลกำไรที่แย่ลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (MLR, MRR) ลงและกลุ่มอสังหาฯ หลังคลังยืนยันไม่มีแนวคิดต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย. ในขณะที่หุ้นที่จะโดดเด่นจะเป็นหุ้นที่คาดว่าจะมีกำไรออกมาดีอย่าง AOT (จำนวนผู้ใช้บริการในไตรมาสแรกเติบโต 14% yoy), KCE คาดกำไรไตรมาสแรกออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 728 ล้านบาท +59% yoy, +16% qoq (ราคาเป้าหมาย 97 บาท) และ CPALL คาดกำไรไตรมาสแรก 3,950 ล้านบาท (+16% yoy, +1% qoq) โดยมีราคาเป้าหมาย 51.10 บาท วันนี้เราให้แนวรับที่ 1400-1403 และแนวต้านที่ 1413-1420 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,410.68 จุด เพิ่มขึ้น 1.97 จุด (+0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 16,773.57 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ วอลุ่มเบาบาง ขณะที่ดัชนียังแกว่งเหนือระดับ 1400 จุด ติดตามการรายงานผลประกอบการ Q1/59 ของกลุ่มอื่นๆ ที่กำลังจะประกาศออกมา ผลการประชุมเฟด (27 เม.ย.นี้) และบีโอเจ (28 เม.ย)
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แกว่งในกรอบแคบ ตลาดยังรอปัจจัยใหม่มาหนุน บ้านเราคงติดตามผลประกอบการ Q1/59 ของกลุ่มอื่นๆ ที่จะทยอยออกมา แนะเก็งหุ้นที่คาดว่างบ Q1/59 จะออกมาดี AOT CPALL EPG KCE ส่วนปัจจัยภายนอกติดตามผลการประชุมของเฟด และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) หากเฟดยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ และ BOJ มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา คาดว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงสั้น อย่างไรก็ตามยังคงจับตาทิศทางของราคาน้ำมัน บ่ายนี้มองกรอบทางเทคนิค 1400-1415 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
Millcon Steel (MILL TB; THB 1.39) - ซื้อ
Rich Asia Steel (RICH TB; THB 0.64) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]