- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 20 April 2016 18:29
- Hits: 713
บล.เคจีไอ : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (รักพงศ์ ไชยศุภรากุล เลขทะเบียนฯ: 19838)
ขึ้นต่อ หุ้นน้ำมัน + หุ้นเชื่อมโยงภาครัฐฯ หนุนดัชนีฯ
KGI คาด SET วันพุธขึ้นต่อเป็นวันที่ 6 และน่าจะมีนิวไฮ (วานนี้แรงซื้อจากในประเทศ หนุนดัชนีฯ แรงกว่าคาด) คาดหุ้นพลังงานนำดัชนีฯ ขึ้นหลังราคาน้ำมัน +2.3% เมื่อคืน และอีก 1.9% เช้านี้สะท้อนคนงานคูเวตนัดหยุดงาน ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักอื่นๆ อาจชะลอหลังงบ BBL* ต่ำคาดและกลุ่มสื่อสารยังมีแรงกดดันจากการประมูล 900MHz ในปลาย พ.ค. ด้านปัจจัยภายนอกยังเป็นบวก หลังดอลลาร์ฯ ลงต่อ (บาทแข็งต่อ) สะท้อนตัวเลขเริ่มสร้างบ้านสหรัฐฯ ต่ำคาด และงบโกลด์แมน แซคสูงกว่าคาด ส่วนปัจจัยบวกภายในมองความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีส้มเป็นสำคัญ ภาพรวม sentiment ช่วงสั้นยังดีแต่เราคงมุมมองว่าทางขึ้นมีจำกัดแล้ว อิงเป้าระยะสั้นจาก PE band ที่ 1,435 และเป้าปี 2559 ที่ 1,450 ส่วนปัจจัยเสี่ยง เรามองยอดสะสม พอร์ต บล. ช่วงสองวันที่ 3.7 พันล้านบาท อาจพลิกมาเป็นตัวกดดัน SET
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน ( สุโชติ ถิรวรรณรัตน์ เลขทะเบียนฯ: 28668)
เก็งกำไร COM7, SMT / สะสม BTS*
COM7 (เป้า Consensus 7.23 บาท) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 6.7 - 8.0 บาท โดยมีแนวต้านแรกที่ 7.35 บาท แนะนำ "เก็งกำไร" ในกรอบแนวรับ - แนวต้าน 2) ตั้งแต่ 1 เม.ย. เริ่มสั่งซื้อ iPhone ตรงจากทาง Apple (ตัดคนกลาง อัตรากำไรเพิ่มราว 2 - 3% และทำให้มีสินค้าขายตามความต้องการของลูกค้า) ... คาดงบไตรมาส 2/59 โตเด่น 3) รับอานิสงส์การแข่งขันแย่งส่วนแบ่งตลาดฯของค่ายมือถือ โดยคาดจะได้ข้อสรุปส่วนแบ่งรายได้จากการขายเครื่องพ่วงซิมโทรศัพท์มือถือเร็วๆนี้
SMT (เป้าพื้นฐาน 13 บาท ... ไม่รวมธุรกิจประกอบแผงโซลาร์เซลล์) 1) รูปแบบราคาแกว่งตัว Sideway ในกรอบ 13.6 - 14.3 บาท แนะนำ "สะสม" ในกรอบแนวรับแนวต้าน และถ้าผ่าน 14.3 บาทได้ แนะนำ "เก็งกำไร" ประเมินแนวต้านถัดไป ?15 บาท 2) ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 26 เม.ย. อนุมัติ การแจก Warrant SMT-W1 ในอัตราส่วน 5:1 และการแตกพาร์จาก 2 บาท เหลือ 1 บาท 3) ในเชิงพื้นฐาน เรายังคงประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 Turnaround ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/58 (เริ่มส่งมอบสินค้า High Margin เพิ่มขึ้น)
BTS* (เป้า Consensus 10 บาท) 1) ประเมินแนวต้านแรก 9.4 บาท และถัดไปที่บริเวณ ?9.8 บาท แนวรับ 9.0 บาท (Stop loss 8.8 บาท) 2) ประเมิน Downside risk ของหุ้นจำกัด ขณะที่มี Upside จาก i) คาดได้งานบริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวจาก กทม. ii) จากการเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง (คาดเปิดประมูลกลางปีนี้)
หุ้นในกระแส
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทยอยรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/59 ล่าสุด BBL*, TCAP* และ TMB* รายงานกำไรไตรมาส 1/59 ต่ำกว่าคาด (TMB* ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยฯคาด แต่ต่ำกว่า Consensus คาด) ... ดูบทวิเคราะห์ปัจจัย Alert วันนี้เพิ่มเติม
กลุ่มค้าปลีก (CPALL*, ROBINS*, CPN*, HMPRO*) คาดได้ Sentiment บวกจากมติ ครม วานนี้ ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น) แนะนำ "เก็งกำไรหุ้นในกลุ่มฯ"
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (เหล็ก, ถ่านหิน, ปิโตรเคมี) ฝ่ายวิจัยฯ บล เคจีไอ ประเทศจีนประเมินในระยะสั้นการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ และการลงทุนในจีนจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาจพิจารณาเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเหล็ก (MCS, TMT, ASEFA) ถ่านหิน (BANPU*) และปิโตรเคมี (SCC*, PTTGC*) เป็นต้น
หุ้นกลุ่มรับเหมาฯ + วัสดุฯ: ประเด็นการทยอยเปิดประมูลโครงการภาครัฐฯ (สุวรรณภูมิเฟส 2, รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่, มอเตอร์เวย์) วานนี้ ครม อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีส้ม (คาดประมูลภายในกลางปีนี้) แนะนำเก็งกำไร i) หุ้นกลุ่มรับเหมาฯตัวหลัก (CK*, STEC*, ITD*) ii) งานเสาเข็ม (SEAFCO, PYLON, TMC) iii) วัสดุฯ + เหล็ก + ระบบไฟฟ้า (SCC*, TMT, ASEFA, EPG*)
กลุ่มพลังงานทดแทน (IFEC, GUNKUL*, TSE, SUPER, PSTC, UWC, งานระบบไฟฟ้า ASEFA, หม้อแปลงไฟฟ้า QTC) แนะนำ "สะสม" หุ้นในกลุ่มฯ แม้วานนี้จะมีข่าวลบต่อ Sentiment กลุ่มฯ คืออาจมีการฟ้องร้องให้เลื่อนการจับสลากโครงการโซลาร์สหกรณ์ออกไป (ผู้ร้องเรียนคือผู้ไม่ผ่านคุณสมบัติ) แต่เรายังคงประเมินว่าไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าของหุ้นในกลุ่มฯอย่างมีนัยสำคัญ (Consensus ไม่ได้ใส่ในประมาณการฯ และเป็นโครงการที่มี IRR ต่ำ) เรายังคงประเมินว่าหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทนที่เริ่มการลงทุนในต่างประเทศเช่น IFEC, GUNKUL*, TSE จะ Outperform กลุ่มฯที่รอเพียงการจับสลากโครงการนี้
หุ้นมีข่าว
(+) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง; รัฐบาลเตรียมเร่งเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มเดือนมิ.ย นี้ (โพสต์ทูเดย์) ข่าวดีดังกล่าวถือเป็นไปตามคาดและด้วยมูลค่างานที่สูงกว่า 8.29 หมื่นล้านบาท คาดจะส่งผลบวกอย่างมากต่อภาพรวมของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างในช่วงที่เหลือของปี ทั้งนี้ เราประเมิน CK* และ ITD* มีแนวโน้มสูงที่จะเป็นหนึ่งในผู้ชนะการประมูล เนื่องจาก 3 จาก 6 สัญญาก่อสร้างเป็นการก่อสร้างทางใต้ดินที่ CK* และ ITD* มีความเชี่ยวชาญ ขณะที่ผู้รับเหมารายอื่นไม่มี ดังนั้น ภาพรวมของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่สดใส ทำให้เรายังคงน้ำหนัก "มากกว่าตลาด" และเลือก CK* เป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท
(0) TRUE* ส่งตัวแทนเข้ารับเอกสารประมูลคลื่น 900MHz (อินโฟเควสท์) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช กล่าวว่า TRUE ได้เข้ารับหนังสือแสดงเจตจำนงสำหรับการประมูลคลื่น 900MHz ในวันที่ 27 พ.ค. 2016 อย่างไรก็ตาม TRUE ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมการประมูลหรือไม่ แต่กำลังศึกษาเงื่อนไขการประมูลและการแข่งขัน เราคิดว่าหาก TRUE เข้าร่วมการประมูล จะส่งผลลบต่อตัว TRUE และ ADVANC* ขณะที่ กสทช.ต้องการให้ DTAC* เข้าร่วมการประมูลด้วยเพื่อที่การประมูลหรือการแข่งขันจะได้มีความโปร่งใสกับทุกฝ่าย เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ TRUE ราคาเป้าหมายที่ 6.95 บาท ขณะที่ "ซื้อ" สำหรับ ADVANC ราคาเป้าหมายที่ 203 บาท และ "ขาย" สำหรับ DTAC ราคาเป้าหมาย34.0 บาท
(0)CKP ลั่นปี68ผลิตไฟฟ้า5,000MW มุ่งขยาย 3 ประเทศหลัก 'ไทย-ลาว-เมียนมา' (ข่าวหุ้น)
จากข่าวเรามองว่ามีเพียง 2โครงการเท่านั้นที่ค่อนข้างมีความชัดเจนในการลงทุน แต่อย่างไรก็ตามทั้ง 2 โครงการ คือ โซลาร์ในสหกรณ์ 5MW และ โรงไฟฟ้าขยะ 20MW จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้บริษัทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยมีมูลค่าเพิ่มที่ 0.008บาท (โซลาร์ในสหกรณ์) และ 0.04บาท (โรงไฟฟ้าขยะ) อิงจากค่าไฟฟ้าโซลาร์ในสหกรณ์ FiT 5.66บาท/หน่วย อายุโครงการ 25ปี และ D:E 75:25 ในขณะที่ค่าไฟฟ้าโรงไฟฟ้าขยะ FiT 5.08บาท/หน่วย อายุโครงการ 20ปี และ D:E 70:30 ในส่วนของโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต เราคาดว่าจะได้เห็นในระยะยาว เนื่องจากบริษัทสนใจการลงทุนในพลังงานน้ำ Green field ที่ประเทศพม่าและลาว นอกจากนี้การ refinance โครงการน้ำงึม2 จะช่วยสร้างกระแสเงินสดให้สูงขึ้นประมาน 100ล้านบาทต่อปี แต่บริษัทจะมีภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เราจึงมองว่าไม่มีนัยสำคัญแก่ราคาพื้นฐานของเรา เป็นเพียงการลดความดันเงินทุนของบริษัท คงคำแนะนำ Underperform และราคาพื้นฐานปี 59 ที่ 2.1บาท
(+) 'บ้านปู' แตกไลน์ลุยเชลล์แก๊ส ทุ่มงบลงทุน 112 ล้านดอลลาร์เข้าถือหุ้น 29% (กรุงเทพธุรกิจ) ดึงอดีตผู้บริหาร ปตท. สร้างทีมลงทุน "บ้านปู" ทุ่มงบ 112 ล้านดอลลาร์ ลงทุนเชลล์แก๊สในสหรัฐ สัดส่วน 29.4% หวังสร้างกระแสเงินสดปีละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านดอลลาร์ พร้อมดึงอดีตผู้บริหาร ปตท.สร้างทีมลงทุนธุรกิจใหม่ หวังขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนธุรกิจพลังงานครบวงจร เตรียมคลอดแผนงาน 5 ปี ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ด้านผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนเพิ่มทุน 12,900 ล้านบาท ลดภาระหนี้และเพิ่มโอกาสในการกู้
(+) กกพ.เปิดชิงงานชีวมวลใต้ ECF-FPIเต็งหนึ่งคว้าดีล (ทันหุ้น) กกพ.ส่งสัญญาณพร้อมเปิดให้ยื่นประมูลงานโรงไฟฟ้าชีวมวล 36 เมกะวัตต์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กลางเดือนมิถุนายนนี้ ด้าน ECF เร่ง ผนึกกำลัง FPI เตรียมความพร้อมก่อนโดดชิงงานมั่นใจแข่งกับรายใหญ่ได้ฉลุย ฟากโบรกเปิดโผบริษัทที่มีลุ้นคว้างาน นำโดย ECF จับมือร่วมกับ FPI และ TPCH-EGCO-BANPU
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
IFEC (เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท) วานนี้ถูกแรงขายจากข่าวลบเรื่องความไม่แน่นอนของโครงการโซลาร์สหกรณ์ อย่างไรก็ดีเราประเมินว่าโครงการนี้ไม่มีนัยสำคัญต่อมูลค่า เป็นเพียง Sentiment การลงทุนเท่านั้น (IFEC ผ่านคุณสมบัติเพียง 2 โครงการรวม ?10MW) แนะนำ "ซื้อสะสม" แนวรับ 7.4 บาท ... รอเซ็นสัญญาซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศ (บางส่วน) ในเดือน เม.ย. นี้ และที่เหลือในเดือน พ.ค.-มิ.ย.
NWR (เป้า Consensus 1.47 บาท) ยืนเหนือ 1.31 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1.45 - 1.50 บาท (แนวต้านเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ทั้งแบบ EMA และ SMA)
ASEFA (เป้าพื้นฐาน 7 บาท) ประเมินระยะสั้นรูปแบบราคาแกว่งตัวในกรอบ Uptrend line channel 5.70 - 6.30 บาท (Stop loss ที่ 5.65 บาท) ... ประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/59 โตเด่น (ไตรมาส 4/58 เป็น Low season + ราคาเหล็กปรับขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปี เป็นบวกต่อธุรกิจรื้อถอนโรงไฟฟ้า) และขยายกำลังการผลิต +50% เสร็จในไตรมาส 1/59
EPG* (เป้า Consensus 16 บาท) ประเมินแนวต้าน ?14.5 บาท และถัดไปที่ ?15.5 บาท แนวรับ 13.5 บาท และกำหนดจุด Stop loss ที่ 13 บาท
CPN* (เป้าพื้นฐาน 65 บาท) 1) สำหรับนักลงทุนที่ซื้อตามที่เราแนะนำก่อนหน้า แนะนำ "Let profit run" กำหนด Trialing stop 52 บาท 2) ยังแนะนำคงสถานะกลยุทธ์ Pair trading โดย Long CPN* + Short ROBINS*
TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) แนะนำ "Let profit run" กำหนด Trialing stop ?2.3 บาท ประเมินแนวต้าน ?2.6 บาท
CPF* (เป้า Consensus 25.9 บาท) แนะนำ "ขายล๊อกกำไร"
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มอสังหาฯ น้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาดฯ" อุปทานบ้านใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นในเดือน มี.ค. โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการประเภทคอนโดฯ ขณะที่อุปทานของโครงการแนวราบเริ่มทรงตัว ส่วนทางด้านของอุปสงค์นั้น โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นมีจำนวนมากกว่ายอดซื้อบ้านที่เพิ่มขึ้น จึงฉุดให้อัตรา take-up rate ลดลงเล็กน้อย จึงยังคงน้ำหนักเพียง "เท่ากับตลาดฯ" ฝ่ายวิจัยฯจะประเมินสภาวะตลาดที่อยู่อาศัยอีกครั้งในเดือน พ.ค. หลังจากที่มาตรการกระตุ้นจบลงไปแล้ว เลือก AP* และ ANAN* เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม
นักวิเคราะห์: อดิศักดิ์ คำมูล 66.2658.8888 ต่อ 8843 [email protected]