- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 16 July 2014 17:42
- Hits: 2419
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
“แกว่งไม่หลุด 1510 ยังไปต่อได้”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : PRIN (ปรับเป็นขาย จากเดิม Fully Valued)
ภาพตลาดวันก่อน :
# ปรับฐานเล็กน้อย เมื่อวานนี้ SET Index อ่อนตัวลงจากแรงขายทำกำไรที่สลับออกมาหลังจากดัชนีขึ้นไปสูงสุดที่ 1534.40 จุดแต่การลดลงไม่มาก เพราะยังคงมีแรงซื้อสวนกลับเข้ามาจากนักลงทุนต่างชาติที่ทำ Net Buy 1.6 พันล้านบาท ส่วนกลุ่มนักลงทุนที่ขายสุทธิมากเมื่อวานี้เป็นสถาบันในประเทศ ซึ่ง Net Sell 1.5 พันล้านบาท ด้านพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
ปัจจัยและกลยุทธ์ :
# เก็งกำไรผลประกอบการ 2Q57 ต่อ โดยในช่วงนี้จะมีการรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และทำ Previewกำไรสุทธิ 2Q57 ของ Real sectors ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นการซื้อขายเก็งกำไรและลงทุนกันต่อ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาคเอกชน & ภาครัฐ ซึ่งในวันที่ 18 ก.ค.นี้จะมีประชุมบอร์ด BOI และมีกระแสข่าวว่าอาจจะอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติมอีก 5 หมื่นล้านบาท
# ถ้อยแถลงของประธานเฟดค่อนข้าง Mixed โดยนางเยลเลนกล่าวว่าภาคแรงงานมีการฟื้นตัวดีแต่ยังเปราะบาง เฟดยังคงเดินหน้าลด QE3 และจะสิ้นสุดในเดือนต.ค.57 โดยไม่กังวลเรื่องฟองสบู่สินทรัพย์ แต่ทิ้งท้ายว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอาจปรับขึ้นเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ในขณะนี้ ถ้าภาคแรงงานเติบโตได้ดีกว่าที่ FOMC ประเมินไว้ ส่วนบีโอเจ ยังคงเดินหน้านโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษและเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% ภายในปีงบประมาณ 58ต่อ แต่ปรับลดคาดการณ์ GDP growth ปีนี้ลงเล็กน้อยเป็น 1% (เดิม 1.1%) สะท้อนการปรับขึ้นภาษีขายเมื่อ 1 เม.ย.57
กลยุทธ์ทางเทคนิค : ซื้อใหม่เน้นซื้อตามค่าบวก การอ่อนตัวต่ำกว่าแนวฟิวเตอร์ 1510 จุด มีแนวเด้ง 1500, 1480 จุด ส่วนการปรับขึ้นต่อมีแนวต้านระยะสั้น 1530, 1540-1550 จุด สำหรับหุ้นพื้นฐานแนะนำซื้อลงทุนวันนี้เป็น KCE
Fundamental Pick
KCE แนะนำซื้อราคาปิด 39 บาท ราคาเป้าหมาย 46.60 บาท
# คาดการณ์กำไรสุทธิ 2Q57 แข็งแกร่งเพิ่มก้าวกระโดด 90% y-o-y แรงผลักดันมาจาก1)ยอดขายแผ่นพิมพ์วงจร (PCB) ที่เพิ่มสดใส 14% เป็น 86 ล้านเหรียญสหรัฐ 2) เงินบาทที่อ่อนค่าลง 2Q57 เป็น 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เทียบกับ 2Q56 ที่ 29.8 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และ3) อัตรากำไรขั้นต้นที่กว้างขึ้นเป็น 31.5% เทียบกับ 2Q56 ที่ 24.9% เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และ yield ที่ได้จากการผลิตก็มากขึ้นเช่นกัน แนวโน้ม 3Q57 ยังแข็งแกร่งเพราะเป็น High season ของการส่งออก คาดว่าจะทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในไตรมาสนี้ ด้านการขยายกำลังการผลิตเป็นไปตามแผน และจะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิปี 58-59ขยายตัวได้สูงต่อเนื่อง (กำลังการผลิตของกลุ่มเพิ่มในลักษณะ CAGR ที่ 18% ระหว่างปี 56-59ข้อดี คือ สามารถรุกตลาดลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี และได้รับส่วนครองตลาดเพิ่มขึ้นที่มาจากคู่แข่ง) แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 46.60 บาท อิงกับ P/E ปี 58 ที่ 13 เท่า
ปัจจัยต่างประเทศและโภคภัณฑ์
+ สหรัฐ : ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมยังบ่งชี้ถึงการเติบโตในเดือนมิ.ย.-ก.ค.57
# ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่าดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire StateIndex) เดือนก.ค.57 เพิ่มแตะ 25.60 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 4 ปี เมื่อเทียบกับระดับ19.28 ในเดือนมิ.ย.57
# กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.57 เพิ่มขึ้น 0.2%MoM ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.57 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค.57
# สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.5%MoM และบวก 5.6%YoY สู่ระดับ 1.737 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.57 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6%MoM ในเดือนเม.ย.
•/- ประธานเฟดกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐอาจปรับขึ้นเร็วกว่าคาด ถ้าภาคแรงงานฟื้นตัวเร็วกว่าที่ FOMC ประเมินไว้
# ในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐเมื่อคืนนี้ นางเยลเลน ประธานเฟดยังคงมีท่าทีผ่อนคลายตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยกล่าวว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอแม้ข้อมูลการจ้างงานแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อหลังโครงการซื้อพันธบัตร หรือ QE3 สิ้นสุดลงในเดือนต.ค.57อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดกล่าวว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในขณะนี้ ถ้าตลาดแรงงานยังปรับตัวดีขึ้นเร็วกว่าที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) ประเมินไว้
• ญี่ปุ่น : บีโอเจคงใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษต่อไป และคงเป้าหมายเงินเฟ้อ2% ภายในปีงบประมาณ 58
# ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ พร้อมคงคาดการณ์เงินเฟ้อไว้ที่ 2% ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้า
# และ...หลังจากที่การประชุมนโยบายสิ้นสุดลง ทางบีโอเจได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นประจำปีงบประมาณ 2557 ลงเหลือ 1.0% จากระดับ 1.1% ที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.57 จากผลกระทบเชิงลบหลังการปรับเพิ่มภาษีบริโภคจาก 5% เป็น 8% ตั้งแต่1 เม.ย.57 สำหรับคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อยังคงไว้ที่ 1.9% ในปีงบประมาณ 2558 ซึ่งเป็นปีที่ได้วางเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2%
• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทรงตัว หลังเฟดส่งสัญญาณเรื่องทิศทางดอกเบี้ยค่อนข้างMixed
# ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,060.68 จุด เพิ่มขึ้น 5.26 จุด หรือ +0.03% ดัชนีNASDAQ ปิดที่ 4,416.39 จุด ลดลง 24.03 จุด หรือ -0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,973.28 จุดลดลง 3.82 จุด หรือ -0.19% ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดปรับขึ้นเมื่อประธานเฟดแถลงต่อสภาคองเกรสว่าจะยุติโครงการ QE3 ในเดือนต.ค.นี้ โดยไม่กังวลเรื่องภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์ และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะหลังจบ QE3 แต่ตลาดลดช่วงบวกลงหลังมีถ้อยแถลงว่า อัตราดอกเบี้ยอาจปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์กันในขณะนี้ถ้าภาคแรงงานฟื้นตัวได้เร็ว
- สัญญาน้ำมันดิบอ่อนตัวต่ำกว่า 100US$/bbl เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.57
# สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำกว่าระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.57เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางจะเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้นโดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 95 เซนต์ ปิดที่ 99.96 ดอลลาร์/บาร์เรลส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 96 เซนต์ ปิดที่106.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำ COMEX อ่อนลงต่อ
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 9.6ดอลลาร์ หรือ 0.73% ปิดที่ 1,297.1 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศและหลักทรัพย์
• งบประมาณรายจ่ายปี 58 ได้รับความเห็นชอบจากคสช.แล้ว
# ที่ประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีมติเห็นชอบรายละเอียดการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 58 โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ 2.575 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้น 50,000 ล้านบาทจากปีงบประมาณ 57 หรือ เพิ่มขึ้น 2% ซึ่งเป็นการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลที่ 250,000 ล้านบาท
# โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายปี 58 ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ 78.7%, รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 1.6%, รายจ่ายลงทุน 17.5% และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 2.2%
+ บอร์ด BOI ประชุม 18 ก.ค.นี้ คาดจะอนุมัติส่งเสริมการลงทุนเพิ่มอีก 5 หมื่นล้านบาท...เป็นบวกกับกลุ่มแบงค์ใหญ่, รับเหมา& วัสดุก่อสร้าง และนิคมอุตสาหกรรม
# จะมีการประชุมบอร์ด BOI วันที่ 18 ก.ค.นี้ คาดว่าจะมีการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมในมูลค่ารวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จับตาโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ของฟอร์ด-มาสด้า และโครงการพลังงานทดแทนที่มีการขอรับส่งเสริมการลงทุนหลายโครงการ(ที่มา : สรุปจากฐานเศรษฐกิจ 17-19 ก.ค.57)
# ความเห็น Retail Research DBS : คาดว่าการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐใน 2H57 จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และเติบโตแข็งแกร่งในปี 58 ทั้งนี้เพื่อรองรับการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจไทย การเปิดเสรี AEC และการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจโลก ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เรายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์การลงทุน เช่น ธนาคารพาณิชย์ที่มีฐานลูกค้า Corporate และปล่อยสินเชื่อภาครัฐเป็นสัดส่วนที่สูง เช่น BBL, KTB, KBANK กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ คือ CK, ITD, STEC, SCC, TASCO กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ AMATA, ROJNA, HEMRAJ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นหลายบริษัทได้ปรับขึ้นไปรับข่าวบวกพอสมควรแล้ว ดังนั้นในการลงทุนใหม่ โดยเฉพาะ Trading จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูงและหวัง Gap กำไรน้อยลง ส่วนการลงทุนระยะกลาง-ยาว เน้นทยอยซื้อจังหวะราคาปรับฐานแล้วถือลงทุนไป
+ BTS : เสนอราคาจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางต่ำสุดที่ 339.7 ล้านบาท...แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 10.17 บาทจุดเด่น คือ การเติบโตที่ต่อเนื่องในระยะยาว และจ่ายปันผลสูง
# กลุ่ม BSV Consortium ประกอบด้วย Bangkok Mass Transit System PCL. (บ.ย่อยของBTS ร่วมกับ Smart Traffic Co.,Ltd. และ VIX Mobility Pty.,Ltd. ประเทศออสเตรเลีย เสนอราคาต่ำสุด 339,689,668 บาท ในการประกวดราคาโครงการจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง (Central Clearing House หรือ CCH) ที่มีมูลค่าโครงการ 409 ล้านบาท
# สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ คณะกรรมการประกวดราคาจะสรุปผลเพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อผู้อำนวยการสนข.ก่อนจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการต่อรองราคากับผู้เสนอราคาต่ำสุด คาดว่าจะใช้เวลาประมาณเดือนครึ่งจึงจะลงนามสัญญาและเริ่มงานได้ในเดือนก.ย.57ขณะเดียวกันจะรายงานผลไปยังกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาคู่ขนานไป
# ความเห็น Retail Research DBS : แม้ว่าส่วนนี้จะไม่ได้เป็นโครงการขนาดใหญ่และสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญมาก แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีว่าบริษัทอยู่ในกลุ่มที่จะได้รับงานใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารเดินรถไฟฟ้าได้ต่อในอนาคต ซึ่งจะช่วยหนุนให้มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจ่ายปันผลสูงได้อย่างสม่ำเสมอ เรายังคงคำแนะนำซื้อ BTS โดยให้ราคาเป้าหมาย 10.17 บาท (Sum of parts) คาดการณ์ Dividend Yield สำหรับปี 58(สิ้นสุดมี.ค.58) และปี 59 (สิ้นสุดมี.ค.59) ไว้ที่ 6.5% และ 7.5% ตามลำดับ
• PTT : กำลังศึกษาเรื่องแรกธุรกิจท่อก๊าซออกมาจากบริษัท คาดได้ข้อสรุปภายใน 1ม.ค.58
# นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน PTT เปิดเผยว่าบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการแยกธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานออกมาจากธุรกิจหลัก โดยจะเริ่มต้นจากธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติก่อน โดยคาดว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จในวันที่ 1 ม.ค.58เพื่อเตรียมให้ผู้ที่สนใจรายอื่นนอกกลุ่ม ปตท.เข้ามาใช้บริการได้ โดยจะเป็นการแยกเฉพาะในส่วนของท่อก๊าซฯเท่านั้น ไม่รวมถึงโรงแยกก๊าซฯ
# ส่วนความคืบหน้าการขายหุ้นโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่ง คือ โรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียม (SPRC)และโรงกลั่นของบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) โดยในส่วนของโรงกลั่น SPRC ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ ส่วนโรงกลั่นน้ำมัน BCP จะต้องรอความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาลเข้ามาตัดสินใจว่าจะมีนโยบายอย่างไร เนื่องจาก BCP เป็นรัฐวิสาหกิจที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่จึงต้องรอนโยบายของภาครัฐก่อน
• SUPER : ซื้อที่ดินเพื่อสร้างโซลาร์ฟาร์ม 2แห่งที่จ.ลพบุรี และจ.กาญจนบุรี กำลังการผลิตสูงสุด 50 MW และ 90 MW ตามลำดับ
# ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท SUPER มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป (Super energy) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อที่ดินเพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 2 รายการ มูลค่ารวม 190,214,098 บาท ได้แก่ ที่ดินเปล่า 47 แปลงตั้งอยู่ที่ ต.วังขอนขว้าง และ ต.ถลุงเหล็ก อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี เนื้อที่ 800-3-26 ไร่ เพื่อทำโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิตสูงสุด 50 MW และที่ดินเปล่าจำนวน 14 แปลง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 9 ต.หนองกุ่ม อ.บ่อพลอยจ.กาญจนบุรี ขนาด 826-0-57 ไร่ เพื่อทำโซลาร์ฟาร์ม กำลังการผลิตสูงสุด 90 MW โดยที่ดินรายการที่ 2 ปัจจุบัน Super energy อยู่ระหว่างประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนที่แต่ละหน่วยงานกำหนด หากเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ภายในปี 58
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : Tel 7829 [email protected]