- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 April 2016 19:16
- Hits: 5686
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'อ่อนตัวเป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานดี'
Stock Picks-Apr 2016 : Fundamental : BA, KBANK, MINT, PTTGC, TMT
Dark Horse : GLOBAL, TPIPL
Fundamental Pick -Today: KBANK (ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : BANPU & BJC 18%, EGCO 13%, GUNKUL 12%, CPF 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ แต่เข้าสู่พื้นที่ขายมากเกินไป จึงมีลุ้นรีบาวด์ตามมา
Support Resistance Stop Loss
SET 1350-1340 1370-1380,1390 ค่าลบ
SET50 850-840 870-880,890 ค่าลบ
Technical Picks - Today JASIF, DIF, CK, CHG, FSMART
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยดิ่งแรงและ Underperform ภูมิภาค นำโดยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสื่อสาร และธนาคารพาณิชย์ ปิดตลาดดัชนี -16.90 จุดที่ 1356.69 ถึงแม้ว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะขยับขึ้นแต่ก็ไม่สามารถชดเชยได้ ปิดตลาด SET Index ลดลง 16.90 จุดที่ 1356.69 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ 2 มี.ค.59 นักลงทุนต่างชาติและพอร์ตบล.ขายสุทธิ 2.8 และ 2.2 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิเล็กน้อย 273 ล้านบาทหลังขายสุทธิไปในวันที่ 5 เม.ย.สูงเกือบ 4.8 พันล้านบาท ด้านรายย่อยซื้อสุทธิ 4.8 พันล้านบาท
ความกังวลกับผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสื่อสารของไทย การอ่อนตัวของตลาดหุ้นเพราะวิตกเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก และใกล้วันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ กดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ แต่ในจังหวะที่ราคาหุ้นอ่อนตัวก็เป็นการทยอยซื้อลงทุนหุ้นที่ยังคงมีปัจจัยพื้นฐานดี และเติบโตได้ในปี 59 เช่น AOT, BA, ERW, MINT, SCC, TMT ส่วนกลุ่มแบงค์และสื่อสาร มีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิคเมื่อราคาร่วงแรงหลายวัน (ซึ่งในระยะสั้นมากราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงก่อนแล้วค่อยเด้งตามมา) แต่ด้วยว่าหุ้นยังขาดปัจจัยกระตุ้นในเรื่องการเติบโต ระยะทางของการปรับขึ้นจึงอาจจะจำกัด หุ้นเด่นทางเทคนิค คือ BBL, KBANK, SCB, ADVANC, INTUCH สำหรับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เป็นการเก็งกำไรตามข่าว หุ้นเด่น คือ CK
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นลบแต่มีลุ้นรีบาวด์ตามมาหลังอยู่ในภาวะขายมากเกินไป (Oversold) แนวรับของ SET Index อยู่ที่ 1350-1340 จุด แนวต้าน 1370-1380, 1390 จุด เน้นซื้อตามค่าบวกของตลาดและราคาหุ้น
สำหรับการ SCAN หุ้นสัญญาณทางเทคนิคดี มีโอกาสทำ New High พบว่า หุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น JASIF, BEAUTY ส่วนหุ้นที่แนะนำไปแล้วและยังอยู่ใน List รอจังหวะปรับขึ้นเพื่อขายทำกำไร ประกอบด้วย MCS, INET, CHG, BA ส่วนหุ้นที่ราคาลงมาอยู่ในพื้นที่ขายมากเกินไปและมีโอกาสรีบาวด์ คือ KBANK, SCB, ADVANC, INTUCH
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- ยูโรโซน : ECB วิตกเงินเฟ้อต่ำฉุดเศรษฐกิจชะลอตัวลงอีก จากรายงานการประชุมของ ECB ประจำเดือนมี.ค.59 ระบุว่าเจ้าหน้าที่วิตกว่าภาวะอัตราเงินเฟ้อต่ำกำลังฝังตัวอยู่ในระบบเศรษฐกิจ พร้อมกับเตือนว่าความเสี่ยงในการที่ประชาชนคาดว่าราคาจะร่วงลงต่อไป ทำให้พวกเขากำหนดค่าจ้างและราคาในระดับที่ต่ำลงอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเพราะจะสกัดการใช้จ่าย และการลงทุน
+ สหรัฐ : จำนวนผู้มายื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 267,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 270,000 ราย
- ตลาดหุ้นสหรัฐ : ร่วงลง 1.0-1.5% โดยดัชนีดาวโจนส์ปิด -174.09 จุด เพราะกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งระบุไว้ในรายงานการประชุม FOMC 15-16 มี.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้นรายงานการประชุมของ ECB บ่งชี้ด้วยว่าเจ้าหน้าที่ก็กังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อต่ำและแนวโน้มการลงทุนที่อ่อนแอลงในยูโรโซน
- ราคาน้ำมันดิบ : ปิดลดลง...ยังวิตกอุปทานสูง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบพ.ค.59 ลดลง 0.49 และ 0.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.26 และ 39.43 ดอลลาร์/บาร์เรล การซื้อขายซบเซาเพราะนักลงทุนยังกังวลกับภาวะอุปทานล้นตลาด ทั้งนี้อิรักจะส่งออกน้ำมันจากท่าเรือทางใต้ของประเทศเพิ่มเป็น 3.494 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย.59 สูงกว่าระดับเฉลี่ยในเดือนมี.ค.ที่ 3.286 ล้านบาร์เรล/วัน
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากอุปทานที่ยังสูงมาก การเพิ่มปริมาณการผลิตและส่งออกของหลายประเทศ เช่น อิรัก อิหร่าน ลิเบีย ฯลฯ เป็นต้น รวมทั้งประเมินว่าการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันขนาดใหญ่ของโลกในวันที่ 17 เม.ย.นี้อาจคว้าน้ำแหลว ไม่สามารถตกลงกันเรื่องจำกัดปริมาณการผลิตได้ และแม้ว่าจะตกลงกันบนโต๊ะได้ก็ยังไม่แน่ว่าในเชิงปฎิบัติจะจำกัดกันจริงหรือไม่ เพราะผู้ผลิตก็ต้องการกระแสเงินสดมาใช้ในการดำเนินงานและชำระคืนหนี้
ดังนั้นราคาน้ำมันจะยังผันผวนเป็นรอบๆ การลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและโภคภัณฑ์จึงต้องเน้นไปตามรอบด้วยเช่นกัน ส่วนในทางปัจจัยพื้นฐานหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำซื้อในกลุ่มพลังงานเป็น BCP (ราคาพื้นฐาน 39 บาท), PTT (ราคาพื้นฐาน 320 บาท) และ PTTGC (ราคาพื้นฐาน 70 บาท)
+ ราคาทองคำ : พุ่งขึ้น สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบมิ.ย.ปิด +13.7 ดอลลาร์ ที่ 1237.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ปัจจัยหนุน คือ กระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ เพราะกังวลกับภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก ผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน และความผันผวนในตลาดเงิน ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ : ฝ่ายวิจัยฯ DBSV คาดกำไรสุทธิ 1Q59 อ่อนลง YoY เพราะตั้งสำรองค่าเผื่อเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าธนาคารที่เราทำการวิเคราะห์ 7 แห่งจะมีกำไรสุทธิ 40.6 พันล้านบาท (-14%YoY แต่ +10%QoQ) เฉพาะ TISCO และ TCAP ที่จะมีกำไรก่อนสำรองฯและกำไรบรรทัดสุดท้ายเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ ส่วน KBANK น่าจะเป็นแบงค์ใหญ่เดียวที่มีกำไรก่อนสำรองเติบโต YoY และ QoQ แต่กำไรบรรทัดสุดท้ายลดลง YoY เพราะตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงขึ้น คาดการณ์กำไรสุทธิ 1Q59 คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 59
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : ในระยะสั้นผลประกอบการที่อ่อนแอใน 1Q59 และ NIM ที่จะแคบลงหลังปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% กดดันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และนักลงทุนได้มีการปรับลดพอร์ตการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งชะลอการลงทุนเมื่อใกล้วันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ด้วย
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยยังมีความมั่นคงสูง และเติบโตได้ดีเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว (เมื่อเศรษฐกิจฟื้น ทั้งสินเชื่อ, NIM, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตดีหมด และความเสี่ยงในการตั้งสำรองฯก็ลดลง) แต่ในยามนี้ต้องใช้เวลาเพื่อรอการกลับมาเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจอีกครั้ง ซึ่งเราคาดว่าจะใช้เวลาอีก 4-5 ไตรมาส กลยุทธ์การลงทุน ทยอยซื้อสะสมจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว ทั่งนี้ SETBANK ปัจจุบันซื้อขายที่ P/BV ปี 59 ที่ 1.1 เท่า ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 2.0 เท่าใน 15 เดือนย้อนหลัง
+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง : AOT ประกาศขายซองประกวดราคาโครงการสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จำนวน 2 สัญญา มูลค่า 16,728 ล้านบาท ซึ่งมีผู้รับเหมาให้ความสนใจมาก โดยจะมีการยื่นซองเสนอราคา 21 มิ.ย.59 และประกาศผล 20-21 ก.ค.59 เริ่มก่อสร้าง 15 ส.ค.59 สำหรับงานที่เหลืออีก 4 ระยะของโครงการนี้ กำลังอยู่ระหว่างการทำร่างทีโออาร์
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ Retail Research : เราประเมินว่าโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ ที่มีความคืบหน้าในการประมูลมากขึ้น เป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยงานในมือจะมีความมั่นคงมากขึ้น และทำให้ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างหลัก เช่น ซีเมนต์ เหล็ก จะมีมากขึ้นในระยะกลาง-ยาว สำหรับหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เราแนะนำซื้อเก็งกำไรตามกระแสข่าวการประมูล หุ้น Top Pick เป็น CK ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างแนะนำซื้อลงทุน หุ้น Top Pick เป็น SCC และ TMT
+ กลุ่มท่องเที่ยว (Tourism) : ทิศทางภาคท่องเที่ยวของไทยในปี 59 ไปได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ในเดือนม.ค.-ก.พ.59 เติบโต 15-16%YoY โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวยุโรปที่ไม่รวมรัสเซียก็ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในเดือนก.พ.59
ดังนั้น การที่ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวอ่อนตัวลงตามภาวะตลาดก็เป็นจังหวะในการทยอยซื้อสะสมเพื่อการลงทุน หุ้นเด่นเป็น AOT (ราคาพื้นฐาน 470 บาท), BA (ราคาพื้นฐาน 27.60 บาท), ERW (ราคาพื้นฐาน 5.30 บาท), MINT (ราคาพื้นฐาน 42 บาท)
นักวิเคราะห์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]