- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 08 April 2016 18:36
- Hits: 4784
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เต็มไปด้วยปัจจัยลบ
คาดหุ้นไทยลงต่อวันนี้ สะท้อนการร่วงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐจากการที่ความวิตกกังวลเศรษฐกิจโลกกลับมาอีกหลังจาก ECB มีมุมมองเป็นลบต่อเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนทำให้นักลงทุนกลับหันมาหาสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอีกครั้ง หุ้นธนาคารยุโรปกลับมาร่วงอีก จากแผนปลดพรักงงานและหดขนาดธุรกิจ หลังจากต้องเผชิญอัตราดอกเบี้ยติดลบ ราคาน้ำมันกลับมาร่วงลงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ภายในประเทศไม่มีปัจจัยบวกที่จะสู้ปัจจัยลบภายนอกประเทศได้วันนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธอส. และธนาคาร SME เป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือ SME ต่อกรกับเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว
หุ้นเด่นวันนี้ : THCOM (ราคาปิด 28.00 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 49 บาท)
บมจ.ไทยคม เป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียที่ไม่เพียงให้บริการดาวเทียมถ่ายทอดรายการโทรทัศน์ แต่ยังให้บริการบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมด้วย ซึ่งทำให้บริการมีความอเนกประสงค์และครบวงจรเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค อัตราการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนุนโดยการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีของการถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์จากช่องความคมชัดมาตรฐาน (SD) เป็นช่องความคมชัดสูง (HD) ไปจนถึงความคมชัดสูงมาก (UHD) ในขณะที่บริการมือถือกำลังเติบโตอย่างมาก อุปสงค์ต่อบริการเสริมความสามารถในการให้บริการมือถือด้วยดาวเทียม (mobile backhaul) ที่ผ่านมาก็ยังเติบโตได้ดีด้วย เพราะเทรนด์การใช้ข้อมูล เปลี่ยน 2จี ไป3จี ผ่านไปยัง 4จีและ 5 จี ดาวเทียมไทยคม 7 นั้นได้ถูกใช้เต็มแล้วในปีที่แล้วและไทยคม 8 ก็เตรียมจะยิงในครึ่งแรกปี 59 นี้ บริษัทยังได้วางตลาดอินเดียและพม่าเป็นเป้าหมาย โดยได้เซ็นสัญญากับกลุ่ม Hinduja ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจอินเดียที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง และล่าสุดยังได้เซ็นสัญญากับกลุ่ม Forever Group ผู้นำด้านสื่อในพม่าเพื่อเพิ่มการให้เช่าใช้ช่องสัญญาณอีก 5 ช่องจากเดิมใช้อยู่ 3 ช่อง เมื่อคิดรวมกับยอดพรีเซลเดิม 13% แล้ว อัตราการใช้ช่องสัญญาณจะเพิ่มเป็น 38% ซึ่งเลยจุดคุ้มทุนไปแล้วเรียบร้อย เราเชื่อว่าอัตราการใช้ดาวเทียมจะไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อยิงเข้าสู่วงโคจร และยังมีโอกาสเติบโตอีกมากสำหรับตลาด CLMV เพราะน่าจะพัฒนาตามประเทศไทยได้และไทยคมมีแนวโน้มที่จะคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ดีสุด เราคาดการณ์ไว้ว่ากำไรอาจเติบโต 9% ปีนี้และเร่งขึ้นเป็น 15% ในปีหน้า หุ้น THCOM ปัจจุบันซื้อขายที่ PE ปี 59 ที่ 13.3 เท่า คาดการณ์ปันผลตอบแทนที่ 3%
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
เตรียมใช้ E-payment ใน ก.ค. ตามที่ รมว.คลังและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ธปท. โครงการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ ได้แก่ Any ID, e-tax และเพิ่มจำนวนเครื่องรูดบัตร (EDC) โดยคาดว่าจะเริ่มได้ใน ก.ค. โดย Any ID คือระบบที่ทำให้คนที่ไม่มีแม้บัญชีธนาคารสามารถโอนเงินผ่านมือถือและบัตรประชาชนได้ รมต.ได้คาดว่าต้องใช้เครื่อง EDC ราว 1 ล้านเครื่องถึงจะเพียงพอทั่วประเทศ (Bangkok Post)
เทศกาลสงกรานต์น่าจะเห็นการจับจ่ายเพิ่มขึ้น ตามรายงานผลสำรวจของ ม.หอการค้า แม้ว่าจะมีสถานการณ์ภัยแล้ว การจับจ่ายช่วงสงกรานต์จะเพิ่มขึ้น 4.51% สู่ระดับราว 1.245 แสน ลบ. เป็นการขยายตัวแข็งแกร่งสุดในรอบ 3 ปี การเติบโตเป็นผลจากการหยุดยาวประกอบกับรัฐให้ลดหย่อนภาษีได้ (The Nation)
เขตชุมชนทั่วประเทศขอให้ช่วยโปรโมทการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี นายประยุทธ์ จันโอชา ได้ขอความร่วมมือจาก 7,000 ตำบลทั่วประเทศที่จะช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจจากการมองหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่น่าสนใจ หรือจัดกิจกรรมในเขตชุมชนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้ชุมชน การสนับสนุนการท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประชารัฐ ซึ่งมีอุตสาหกรรมหลักอื่นด้วย เช่น อสังหาริมทรัพย์ การลงทุนและค้าปลีก (The Nation)
ธ.ออมสินและเอสเอ็มอีหั่นดอกเบี้ยเงินกู้ ธ.ออมสินประกาศวานนี้ในการปรับดอกเบี้ยเงินกู้ MRR ลง 0.35% และ MLR ลง 0.20% ลงมาอยู่ที่ 7.125% และ 6.5% ตามลำดับ มีผลนับตั้งแต่วันที่ 12 เม.ย. ในขณะที่ธ.พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.125-0.625% เช่นกัน โดย MRR ลงมาอยู่ที่ 8.925% จาก 9.25% และ MLR อยู่ที่ 6.875% จาก 7% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. การปรับดอกเบี้ยดังกล่าวตั้งเป้าที่จะช่วยผู้ประกอบการธุรกิจขนาดย่อมซึ่งเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน (Bangkok Post)
หุ้นกลุ่มก่อสร้าง: บริษัทรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ได้แก่ ITD-CK-STEC-UNIQ-NWR ได้ซื้อซองประมูลงานก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟสสองในสองสัญญาแรกมูลค่างานก่อสร้าง 1.67 หมื่นลบ. โดยมีกำหนดส่งซองประมูลภายใน 20-21 มิ.ย.ก่อนประกาศผล ในวันที่ 20-21 ก.ค.59 (ข่าวหุ้น) ความเห็น: ข่าวดังกล่าวเป็นผลบวกผู้รับเหมาก่อสร้างที่มีคุณสมบัติรับก่อสร้างงานโยธาจากภาครัฐ ได้แก่ ITD-CK-STEC-UNIQ-NWR ในปี 59-60 รัฐบาลยังจะเปิดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานรวมมูลค่าประมาณ 1.796 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยตุนงานก่อสร้างในมือสำหรับอนาคตให้บริษัทดังกล่าว
TU (21.40 บ., ซื้อ, AWS 59TP 22.00 บ.) ยังมองหาการลงทุนธุรกิจกุ้งในบังกลาเทศและอินโดนีเซียเพื่อลดการพึ่งพิงต่อแหล่งวัตถุดิบในประเทศสำหรับธุรกิจอาหารทะเลซึ่งมีขนาดธุรกิจใหญ่เป็นอันดับสองรองจากทูน่า TU ได้ตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจกุ้งให้ถึง 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 63 จาก 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีก่อน ทั้งนี้ จากการเข้าซื้อหุ้น 40% ในบริษัทผลิตกุ้งที่อินเดียล่าสุดคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มเป็น 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 จากประมาณ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2559 (Bangkok Post)
ต่างประเทศ
ECB กังวลว่าเศรษฐกิจกำลังเป็นขาลง นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรปหรืออีซีบีกล่าวในรายงานประจำปีที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสว่าอนาคตของเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงไม่แน่นอนและมีคำถามเกี่ยวกับความสามารถของยุโรปที่จะรับมือกับปัญหาใหม่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น รายงานการประชุมนโยบายประจำเดือนมี.ค.ของอีซีบีที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบ่งชี้ว่าผู้ปกครองในเขตยูโรโซนต่างได้รับการบอกกล่าวว่าแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกได้ตกต่ำลงไปอีก (Reuters)
เยลเลน: สหรัฐยังอยู่ในเส้นทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจสหรัฐอยู่บนแนวทางที่แข็งแกร่งและยังอยู่ในเส้นทางที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต จากคำกล่าวของนางเจเน็ท เยลเลน ประธานเฟดเมื่อวันพฤหัส นางเยลเลนกล่าวว่าตลาดแรงงานสหรัฐ “ใกล้” จะแข็งแกร่งเต็มที่และภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในระยะนี้เกิดจากปัจจัยชั่วคราว (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตสหรัฐลดลงมากเมื่อวันพฤหัส สู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงและความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกได้หนุนราคาพันธบัตรให้สูงขึ้น โดยราคาพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 12/32 และให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.711% ต่ำสุดนับแต่ 1 มี.ค. และลดลง 0.03% จากช่วงหลังของวันพุธ (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงต่ำกว่า 108 เยนเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือนเมื่อวันพฤหัส จากความคาดหวังต่อเนื่องว่าบีโอเจไม่น่าจะแทรกแซงค่าเงินเยน ส่วนเงินยูโรอ่อนค่าลงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐจากท่าทีของ ECB ที่เป็น dovish มากขึ้น ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงมากกว่า 1.6% เทียบกับเงินเยนอยู่ที่ 107.94 เยน ต่ำสุดนับแต่ปลายเดือนต.ค. 57 (Reuters)
สหรัฐ :
ดัชนี ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเมื่อวันพฤหัส จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกได้กลับมาใหม่หลังจากรายงานการประชุมนโยบายประจำเดือนมี.ค.ของอีซีบีแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกตกต่ำลงซึ่งเป็นการตอกย้ำรายงานการประชุมเฟดที่ได้แสดงไว้เช่นกันเมื่อวันพุธ นักลงทุนต่างวิตกกังวลว่ามาตรการที่ธนาคารกลางหลายแห่งใช้ดำเนินการอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกกลับสู่ภาวะปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ราคาน้ำมันที่ร่วงลงได้ฉุดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนลงเทียบกับเงินเยนและทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (Reuters)
มีการคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนลดลง การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะเป็นไปอย่างคึกคักในสัปดาห์หน้า โดยมีการคาดการณ์ว่าบริษัทที่อยู่ในการคำนวณดัชนี S&P500 จะมีกำไรลดลง 7.4% YoY จากข้อมูลของทอมสันรอยเตอร์ส อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางรายเห็นแย้งว่าประมาณการกำไรที่ลดลงมากในขณะนี้อาจส่งผลให้เกิดเรื่องประหลาดใจที่เป็นบวกก็ได้ (Reuters)
ยุโรป :
หุ้นยุโรปร่วงในวันพฤหัส แม้ว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลจะปรับตัวขึ้นแต่กลับถูกลดทอนโดยหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ปรับตัวลงเนื่องจากต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยติดลบและการพูดถึงการปรับลดจำนวนพนักงานลง หุ้น Daimler และ Skanska มีผลดึงตลาดลงหลังการประกาศจ่ายปันผลไม่จูงใจพอ (Reuters)
เอเชีย :
ญี่ปุ่นพยายามแทรกแซงการแข็งค่าของเงินเยนอาจต้องเผชิญกับการคัดค้าน จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ สร้างความลำบากต่อนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายอาเบะ ที่กำลังพยายามให้เศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดใหญ่อันดับสามของโลกหลุดพ้นจากภาวะซบเซา กลุ่มของ 20 ประเทศตามข้อตกลงที่เซียงไฮ้ที่ได้เตือนให้ออกจากการแข่งขันด้วยการลดค่าเงินต่างก็สนับสนุนให้ค่าเงินเยนแข็งขึ้น (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
ราคาน้ำมันร่วงกว่า 2% วันพฤหัส หลังมีตัวเลขอุตสาหกรรมชี้ว่าการปิดท่อส่งของ TransCanada Corp ไม่ได้ลดจำนวนน้ำมันไหลสู่คลังเก็บน้ำมันที่ Cushing รัฐ Oklahoma มากเท่าที่คาด Genscape รายงานปริมาณน้ำมันเพิ่มขึ้น 255,804 บาร์เรลรายสัปดาห์ถึงวันอังคาร Brent ส่งมอบ มิ.ย. ปรับลง 41 เซนต์ (-1.0%) ปิดที่ 39.43 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันสหรัฐลดลง 49 เซนต์ (-1.3%) สู่ 37.26 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากร่วงไปถึง 36.69 (Reuters)
ราคาทองพุ่ง 2% วันพฤหัส เพราะดอลลาร์ร่วงแตะจุดต่ำสุดรอบ 17 เดือนเทียบเยนญี่ปุ่นเพราะรายงานการประชุมล่าสุดของ Fed และหุ้นโลกก็ร่วง ราคาทองคำตลาดจรแตะจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 1,243.50 ดอลลาร์หรือบวก 1.8% และปิดบวก 1.3% ที่ 1,237.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ มิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.1% ปิด 1,223.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
ทองแดงร่วงมากสุดในรอบ 6 เดือนในวันพฤหัส หรือร่วง 2.8% และแตะจุดต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์ที่ 4,631 ดอลลาร์ต่อตัน นักลงทุนกังวลว่าจีนอาจจะปล่อยสต็อกโลหะที่ใกล้ทำสถิติออกมาสู่ตลาด (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331