- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 07 April 2016 17:23
- Hits: 1914
บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) : Market Comment
กดดันจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกหลังราคาน้ำมันดิบปรับฟื้นตัวแรงจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด +0.64%, +1.59%, +1.05%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกหลังไฟเซอร์ยกเลิกสัญญาควบรวมกิจการกับอัลเลอร์แกน ทำให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด +0.64%, +1.16%, +0.81%, +0.77%
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 38.15 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาค หลังธนาคารพาณิชย์ BBL, KTB และ KBANK ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25% ในขณะที่ SCB ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.15% ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินคาดการณ์ของตลาด เพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลในอนาคต แต่ในส่วนของ NIM ของธนาคารพาณิชย์จะลดลงเช่นกัน กดดันให้มีแรงขายทำกำไรในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งกลุ่ม
ทางด้านธปท. กล่าวสนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์บางแห่ง จะเป็นประโยชน์กับผู้กู้ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในครั้งนี้ เป็นผลมาจากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่สูงในระบบการเงิน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการเงินอยู่ในปัจจุบันที่อยู่ในภาวะผ่อนคลาย ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง และเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ น่าจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจากสถาพการแข่งขันทางด้านสินเชื่อ เราคาดว่าหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงในครั้งนี้ น่าจะทำให้การเติบโตของกำไรของธนาคารพาณิชย์ในปีนี้จำกัด และอาจเติบโต 0% เราคาดว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งหันมาออกหุ้นกู้แทนการกู้เงินในระบบ ล่าสุดวันนี้ (5) KTB ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25% เช่นกัน เพื่อร่วมขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลอดจนช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อลดต้นทุนการผลิต
และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนเพิ่มขึ้น ในวันนี้คาดว่าตลาดน่าจะรีบาวด์ได้จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นแรง โดยประเด็นหลักมาจากตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์ กว่า 4.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 2.8 ล้านบาร์เรล นอกจากนั้นยังมีการให้สัมภาษณ์ของตัวแทนจากประเทศคูเวตว่าการประชุมในวันที่ 17 เมษายนนี้ อาจมีการพิจารณาข้อตกลงการตั้งเพดานการผลิตน้ำมันดิบไว้ที่ปริมาณการผลิตของเดือนกุมภาพันธ์ แม้ประเทศอิหร่านจะไม่เข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว ในขณะที่เช้านี้ยังมีการประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการของจีนซึ่งออกมาที่ 52.2 เพิ่มขึ้น 51.2 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งยังคงอยู่เหนือระดับ 50 จุด สะท้อนถึงการขยายตัวของกิจกรรมภาคบริการของจีน
กลยุทธ์การลงทุน
Trading : ไม่ต่ำกว่าแนวรับแถว ๆ 1,370 จุด แนะนำซื้อเก็งกำไรต่อได้