- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 01 April 2016 17:47
- Hits: 10399
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดการเคลื่อนไหวคล้ายกับวานนี้ ภายใต้ที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ (+) ตัวเลขการผลิตของจีน ที่เปิดเผยเช้านี้ ปรับตัวดีขึ้น โดย PMI ภาคการผลิต – มี.ค. อยู่ที่ 50.2 เพิ่มจาก 49.0 เมื่อก.พ. แต่ (-) ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุดตัวเลขขอรับสวัสดิการเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด รวมถึงแนะติดตามสถานการณ์การก่อการร้ายในยุโรป ที่คาดอาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน
ส่วนทางด้านประเด็นในประเทศ ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ เช่นกัน แต่คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow ที่คาดมีน้ำหนักมากขึ้นหลังจากนี้ไป โดยคาดน่าจะกลับเข้ามาในภูมิภาคอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงไทย หลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดแรงซื้อสุทธิจากต่างชาติ อีกเกือบ 1,800 ล้านบาท และทำให้ YTD เพิ่มขึ้นเป็น +18,978 ล้านบาท แนะจับตาหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของ
นักลงทุนต่างชาติ
รวมถึงมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอาหาร
โครงการบ้านประชารัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้นและกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเปิดประมูล โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) หลังเข้าที่ประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) วานนี้ คาดเริ่มเปิดประมูลประมาณ 2Q – 3Q/59
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ยังทรงตัวอยู่บริเวณ 35 - 36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล คาดยังมีผลต่อราคาหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP
นอกจากนี้ยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เรามองจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศเบลเยี่ยมเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้น ควรหาจังหวะเข้าลงทุนเพื่อการลงทุนระยะยาว เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP อาจมีแรงขายทำกำไร จากความกังวลอุปทานล้นตลาด และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA -31.57, NASDAQ +0.55, S&P -4.21, FTSE -28.27, CAC -59.36 และ DAX -81.10
ภายใต้การซื้อขายที่ซบเซา หลังสหรัฐฯ เปิดเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ล่าสุด เพิ่มขึ้น 11,000 ราย อยู่ที่ 276,000 ราย สูงกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่ 265,000 รายขณะที่อยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร - มี.ค. ซึ่งจะเปิดเผยในวันนี้ (1/4/59) โดยคาดเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยลบเพิ่มจาก (1) เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสหรัฐฯ กดดันส่งออก และ (2) ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ของยูโรโซน – มี.ค. ลดลง 0.1% โดยลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และต่ำกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ 2.0%
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$0.02 อยู่ที่ US$ 38.34ต่อบาร์เรล โดยอยู่ระหว่างรอการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17/4/59 ซึ่งคาดจะหารือเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมัน
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน มิ.ย. +US$7.0 อยู่ที่ US$ 1,235.6 ต่อออนซ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินสหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง และข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ข้างต้น กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง โดยอยู่ระหว่างรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร - มี.ค. ในวันนี้ (1/4/59)
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.65 1.84 3.38
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 41,055.18
สถาบัน -1,489.86
บัญชีหลักทรัพย์ -204.99
ต่างประเทศ 1,790.92
ในประเทศ -96.07
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) ในระยะยาวยังดูดี แต่ในระยะสั้นจะได้รับปัจจัยลบจากเหตุการณ์ก่อการร้าย เช่นกัน
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.04 อยู่ที่ 1.79% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.39 อยู่ที่ 13.95
หุ้นแนะนำ : TWPC
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788