- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 31 March 2016 17:11
- Hits: 863
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
คาดมีโอกาสปรับขึ้น? แต่คาดอยู่ในกรอบแคบ หลังดัชนีปรับขึ้นแรงวานนี้ คาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นในประเทศ โดยเฉพาะ Fund Flow ที่เรามองว่าหลังจากนี้ไปจะมีน้ำหนักมากขึ้น คาดน่าจะกลับเข้ามาในภูมิภาคอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงไทย หลังเฟดส่งสัญญาณยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดแรงซื้อสุทธิจากต่างชาติ สูงกว่า 8,500 ล้านบาท และทำให้ YTD เพิ่มขึ้นเป็น +17,187 ล้านบาท แนะจับตาหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ยังมีประเด็นการทำ Window Dressing สำหรับงวดไตรมาส 1 ซึ่งจะมีการปิดงบในวันนี้ (31/3/59)
รวมถึงมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงแรม และกลุ่มอาหาร
โครงการบ้านประชารัฐ ที่คาดส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย เช่น PS และ LPN เป็นต้น
และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการเปิดประมูล โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) หลังเข้าที่ประชุมคณะรัฐมตรี (ครม.) วานนี้ คาดเริ่มเปิดประมูลประมาณ 2Q – 3Q/59
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ยังทรงตัวอยู่บริเวณ 36 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ทำให้คาดหุ้นใหญ่ในกลุ่มพลังงาน เช่น PTT และ PTTEP เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
นอกจากนี้ยังแนะจับตา
(1) กลุ่มการบินและสนามบิน เรามองจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ประเทศ
เบลเยี่ยมเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้น ควรหาจังหวะเข้าลงทุนเพื่อการลงทุน
ระยะยาว เช่น AOT, BA, AAV
(2) กลุ่มพลังงาน PTT และ PTTEP อาจมีแรงขายทำกำไร จากความกังวลอุปทานล้นตลาด และราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว
(3) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(4) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น TPIPL
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +83.55, NASDAQ +22.67, S&P +8.94, FTSE +97.27, CAC +77.75 และ DAX +158.67
โดยยังได้รับแรงหนุนจากการส่งสัญญาณของประธานเฟด ว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป ประกาศปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ เหลือเพียง 1 ครั้ง นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ -
มี.ค. เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง สอดคล้องกับที่คาดการณ์ อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร - มี.ค. ในวันศุกร์นี้ (1/4/59) โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง และคาดอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี
ส่วนทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ได้รับปัจจัยบวกเพิ่มจากตัวเลข อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนี – มี.ค. กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ที่ 0.1% หลังเดือน ก.พ. ลดลง 0.2%
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน พ.ค. +US$0.04 อยู่ที่ US$ 38.32ต่อบาร์เรล หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบ ล่าสุด เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่าปริมาณน้ำมันจากอิหร่านจะไม่ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดรุนแรงอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามอยู่ระหว่างรอการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17/4/59 ซึ่งคาดจะหารือเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.69 1.84 3.37
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 57,621.65
สถาบัน +2,207.41
บัญชีหลักทรัพย์ -2,409.14
ต่างประเทศ +8,551.68
ในประเทศ -8,349.95
(5) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) ในระยะยาวยังดูดี แต่ในระยะสั้นจะได้รับปัจจัยลบจากเหตุการณ์ก่อการร้าย เช่นกัน
(6) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, HMPRO และ ROBINS ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี -0.03 อยู่ที่ 1.87% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) +0.50 อยู่ที่ 15.24
หุ้นแนะนำ : SPA
นักวิเคราะห์ : จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788