- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Wednesday, 30 March 2016 17:57
- Hits: 663
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET บวกได้แต่คาดกรอบขึ้นจำกัด ก่อนปรับลงต่อ จึงน่ารอซื้อลบ...
กลยุทธ์ : แม้ว่าช่วงนี้ SET ยังมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นสลับกับการปรับตัวลงให้เห็น แต่เราคาดว่ากรอบบวกน่าจะยังค่อนข้างจำกัด และมีแนวโน้มปรับตัวลงต่ำกว่านี้ได้อีกตามคาด ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบต่อดีกว่า ส่วนในจังหวะบวกขึ้น โดยเฉพาะถ้าเข้าใกล้ 1420 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไป เราแนะนำให้แบ่งส่วนขายเพื่อลดพอร์ตหรือปรับพอร์ตก่อน แล้วถือเงินสดไว้รอรับต่ำต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : EPG, RS, SAMART(short)
แนวโน้ม : SET เริ่มมีแรงซื้อหนุนให้ดัชนีฟื้นตัวกลับมาแกว่งด้านบวกได้บ้างวานนี้จากการปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้า ขณะที่เช้านี้ยังได้รับแรงกระตุ้นจากการขยับปิดบวกเกือบ 100 จุดของตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากในช่วงเปิดทำการดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงก่อนกว่า 100 จุดจากแรงกดดันของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่กลับมาอ่อนแอลงอีกครั้งโดยปิดลบเกือบ 3% เนื่องจาก API(สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐปรับสูงขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนยังรอดูตัวเลขสต็อกน้ำมันจาก EIA ในคืนวันนี้อีกครั้ง ส่วนแรงซื้อที่หนุนตลาดหุ้นสหรัฐพลิกกลับไปปิดบวก มาจากถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังไม่รีบขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าการประชุมเฟดครั้งถัดไปในช่วงท้ายเดือน เม.ย. น่าจะยังไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ จึงทำให้มีแรงซื้อช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดในด้านบวกด้วยเช่นกัน ซึ่งแม้ว่ากรอบบวกจะไม่ได้กว้างมากนัก แต่ก็ช่วยสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีกับตลาดหุ้นไทยไปด้วย อย่างไรก็ตาม FSS คาดว่ากรอบบวกของ SET น่าจะยังค่อนข้างจำกัด เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นมาตอบรับข่าวบวกไปมากพอควรแล้ว และช่วงหลายสัปดาห์นี้เราเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรกดดัน SET มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตลาดขยับบวก ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับตัวลงต่อไว้ก่อนดีกว่า
แนวรับ 1390-1386 , 1382-1378 จุด
แนวต้าน 1394-1396 , 1398-1400 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$324 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$227.4 ล้าน ไต้หวัน US$144.9 ล้าน และไทย US$20.3 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$57.4 ล้าน และฟิลิปปินส์ US$8.6 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาค ตลาดน่าจะคลายกังวลหลังจากคำแถลงของประธานเฟดเมื่อคืนนี้ส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะยังระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง เม็ดเงินไหลกลับเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) เยลเลนเป็นห่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันดูเป็นบวกน้อยกว่าในช่วง ธ.ค. และตอกย้ำว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยคำนึงถึงผลของการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย ตลาดตีความว่า Fed ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อน Bond yield ปรับลง แม้จะเป็นบวกกับตลาดหุ้นระยะสั้น แต่ยังต้องระวังความเห็นของประธานเฟดสาขาต่างๆที่จะทยอยพูดตั้งแต่คืนนี้ถึง 6 เม.ย. รวมถึงตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐคืนวันศุกร์ เรามอง flow พักฐานในเดือนหน้าหลังเข้ามาเก็งกำไรกับการประชุมของธนาคารกลางต่างๆไปมากแล้วในเดือนนี้
(+) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกำลังเริ่มเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง ที่ประชุมครม.วานนี้อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) วงเงิน 51,810 ล้านบาท และสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) วงเงิน 53,490 ล้านบาท เป็นรถไฟฟ้า Monorail เป็นการร่วมลงทุนระหว่างเอกชนกับรัฐแบบ Net cost (เอกชนลงทุนเป็นส่วนใหญ่และจัดเก็บค่าโดยสารเอง) สัมปทาน 30 ปี นายกฯเร่งให้เปิดประมูลเร็วๆนี้ ส่วนสายสีส้มฝั่งตะวันออกคาดเข้าครม.อังคารหน้า (5 เม.ย.) และฝั่งตะวันตกจะเข้าครม. 20 เม.ย. สำหรับรถไฟทางคู่ 4 เส้นทางจะทยอยเข้าครม.เดือน เม.ย.-พ.ค. กลุ่มรับเหมา (-6% YTD) ซึ่ง laggard SET (+8% YTD) กำลังเริ่มมีข่าวดีทยอยเข้ามา เรายังชอบ CK (ราคาพื้นฐาน 40 บาท), BEM (ราคาพื้นฐาน 6 บาท) และเป็น sentiment บวกต่อ SCC, UNIQ, SEAFCO, PYLON
(+) มาตรการกระตุ้นใช้จ่ายหนุนกลุ่มค้าปลีก-โรงแรม ครม.อนุมัติมาตรการลดหย่อนภาษีไม่เกิน 15,000 บาทสำหรับการทานอาหารนอกบ้านในช่วง 9-17 เม.ย. และต่ออายุมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศที่ให้ลดหย่อนไม่เกิน 15,000 บาทต่อไปอีก 1 ปีถึง 31 ธ.ค. นี้ ดีกับกลุ่มค้าปลีก-โรงแรม เช่น KTC, HMPRO, ROBINS, MINT, CENTEL โดยเฉพาะ KTC ที่ราคาหุ้น laggard และปรับลงมาจนมี upside กว้างเมื่อเทียบกับพื้นฐาน 94 บาท
(0) SIRI เราคิดว่าปี 2016 ยังไม่ใช่ปีที่สดใสของ SIRI ด้วย Backlog ที่มี 1.6 หมื่นล้านบาท คิดเป็นไม่ถึง 50% ของประมาณการรายได้ในปีนี้ของเรา แม้จะตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่ารวม 5 หมื่นล้านบาท เป้าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นระดับบนซึ่งมีกำลังซื้อสูง แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่อำนวย การผลักดันยอดขายจึงลำบาก ยอดขาย 2 เดือนแรกทำได้เพียง 7.6% ของเป้า แต่จะมีค่าใช้จ่ายเปิดโครงการจำนวนมากในปีนี้แทน ส่วนโครงการที่ทำร่วมกับ BTS จะเริ่มเห็นผลบวกตั้งแต่ปี 2017 แต่กำไรปีนี้เราคาด +1.5% Y-Y ประเมินราคาพื้นฐานได้ 1.60 บาท (PE 8 เท่าเท่าค่าเฉลี่ยในอดีต) แนะนำเพียงถือ
(-) LHBANK จะเพิ่มทุน 7,545 ล้านหุ้นขายให้ CTBC Bank ในราคา 2.20 บาท/หุ้น (1.6 เท่าของ Book value) ทำให้ CTBC ถือหุ้น 35.6% (เท่ากับสัดส่วนที่ LH และ QH ถือรวมกัน โดยสัดส่วน LH จะเหลือ 21.9% และ QH เหลือ 13.7%) คาดแล้วเสร็จปลาย 3Q16 ทั้งนี้ CTBC Bank เป็นธนาคารใหญ่อันดับ 4 ในไต้หวัน มีความชำนาญด้าน Wealth management และ digital banking แม้จะทำให้เงินกองทุนของ LHBANK ขึ้นไปเหนือ 20% และราคาหุ้นวันนี้อาจขยับขึ้นเพราะราคาเพิ่มทุนสูงกว่าราคาบนกระดาน แต่การไม่ทำ Tender offer และจำนวนหุ้นที่เพิ่มถึง 55% จะเกิด dilution ต่อผู้ถือหุ้นเดิม เรามองเป็นจังหวะขาย
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดในแดนบวกได้หลังประธาน FED ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะทำอย่างระมัดระวัง ขณะที่ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.ของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดค่อนไปในแดนบวกได้เป็นส่วนใหญ่ท่ามกลางราคาสินค้า Commodity ที่ผันผวนรวมถึงจับตาดูถ้อยแถลงของประธาน FED
(+) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดค่อนมาในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯหลังถ้อยแถลงของประธาน FED ช่วยคลายความกังวลในเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบ ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 35.25-35.38 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ร่วงลง 1.11 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 38.28 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยตลาดกังวลว่าภาพการปรับขึ้นของราคาในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจะเริ่มหายไปเพราะ Supply ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. พุ่งขึ้น 15.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,237.50 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังประธาน FED ส่งสัญญาณว่ายังไม่เร่งรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
30-มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภค (มี.ค.)
31-มี.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
1-เม.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-manufacturing PMI (มี.ค.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan 1Q16
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
4-5 เม.ย. - ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการ
4-เม.ย. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
5-เม.ย. - ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
6-เม.ย. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันจักรี
8-เม.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ
Contact person : Somchai Anektaweepon
Register : 002265 Tel: 02-646-9967, 02-646-9852
www.fnsyrus.com FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch