- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 March 2016 17:09
- Hits: 813
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'แกว่งรอข่าวใหม่'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: CENTEL(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : KCE 38%, PTT 20%, THAI 15%, BBL & DELTA 14%, KBANK 13%, TOP 11%
Technical View ภาพตลาดเป็นลบ
Support Resistance Stop Loss
SET 1375-1365 1400-1410,1420 ค่าลบ
SET50 885-875 900-910,920 ค่าลบ
Technical Picks - Today LHBANK, TPIPL, DELTA, IFEC, COM7, WORK, IRCP
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหลักทรัพย์ไทยเมื่อวานนี้แกว่งแคบและการซื้อขายซบเซา โดย SET Index ปิดที่ 1,389.01 จุด ลดลง 5.77 จุด (-0.41%) เนื่องจากตลาดรอข่าวใหม่ โดยเฉพาะสัญญาณจากเฟดเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สถาบันในประเทศขายสุทธิ 3.3 พันล้านบาท ส่วนอีก 3 กลุ่มซื้อสุทธิ นำโดยรายย่อยที่ซื้อสุทธิ 2.8 พันล้านบาท
ตลาดยังจับตาปัจจัยสำคัญ 2 เรื่องในสหรัฐ คือ สัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจากสุนทรพจน์ของนางเยลเลนที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐนิวยอร์กในวันนี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ที่จะออกมาในวันศุกร์ ซึ่งจากดัชนีค่าเงินดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบบ่งชี้ว่าตลาดก็ยังไม่แน่ใจว่าจะมีสัญญาณที่ชัดเจนออกมาหรือไม่ และสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในจีน ก็มีกระแสข่าวดีว่ากองทุนบำนาญกำลังจะเริ่มลงทุนในหุ้น A-Share แล้วหลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการให้ลงทุนในหุ้นได้ 30% ของสินทรัพย์เมื่อส.ค.58 มีการประเมินว่าเม็ดเงินจากกองทุนที่จะเข้าสู่ตลาดหุ้นจีนอยู่ที่ราว 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนในประเทศ ความคืบหน้าของโครงการลงทุนภาครัฐและมาตรการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคยังเป็นความหวังและปัจจัยกระตุ้นตลาด การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ 4G เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การลงทุนภาคเอกชนเติบโตในปีนี้ ภาคท่องเที่ยวยังไปได้ดีและเติบโตในปี 59 หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น CENTEL
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมเป็นลบ แต่ยังไม่ตัดโอกาสรีบาวด์ ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1400-1410, 1420 จุด ค่าลบดูไม่ดี มีโอกาสลงไปที่แนวรับ 1375-1365 จุด ส่วน SET50 มีแนวต้าน 900-910, 920 จุด ค่าลบบ่งชี้ว่ามีโอกาสที่ดัชนีจะอ่อนลงไปยังแนวรับ 885-875 จุด การเก็งกำไรตามรอบจึงเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดี โดยเฉพาะจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว
สำหรับ การ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น SEAFCO, LPN, PERM, LHBANK, TPIPL ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ VGI, BEAUTY, IMPACT, CK, GFPT
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
+ จีน : กองทุนบำนาญของจีนจะเริ่มเข้าลงทุนใน A-Share ในปี 59 นี้ โดยคาดกว่าจะมีกระแสเงินไหลเข้าตลาดหุ้นจีนราว 6 แสนล้านหยวน หรือราว 92.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้เมื่อเดือนส.ค.58 คณะรัฐมนตรีได้ออกแนวทางการลงทุนฯ ซึ่งระบุว่ากองทุนบำนาญของจีนสามารถลงทุนในหุ้นและหลักทรัพย์ได้ในสัดส่วน 30% ของสินทรัพย์ทั้งหมด โดยคาดว่าจะเริ่มลงทุนในหุ้นเร็วๆนี้ ทั้งนี้ปัจจุบันกองทุนฯลงทุนในพันธบัตรและฝากเงินในธนาคารเท่านั้น
สหรัฐ : การใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์และเท่ากับการปรับขึ้นในเดือนม.ค. โดยเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 3 สำหรับรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.
สหรัฐ : ดัชนีราคาใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (PCE) เดือนก.พ.ลดลง 0.1%MoM แต่เพิ่มขึ้น 1.0%YoY ส่วน PCE พื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.1%MoM และ 1.7%YoY แต่ PCE พื้นฐานยังต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ 2.0% ทั้งนี้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ
+ สหรัฐ : ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเพิ่มขึ้น 3.5%MoM และ 0.7%YoY ที่ 109.1 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน หลังจากลดลง 3.0% ในเดือนม.ค. และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.2% ทั้งนี้ ค่าดัชนีที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ถึงการขยายตัว
สหรัฐ : 2 ปัจจัยสำคัญที่ติดตาม ได้แก่ 1. สุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐนิวยอร์กในวันนี้ เพื่อจับสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังเจ้าหน้าที่หลายคนของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นว่าเฟดควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย.หรือมิ.ย.59 และ 2. ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมี.ค.ที่จะออกมาวันศุกร์ที่ 1 เม.ย. ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยด้วย
ตลาดหุ้นสหรัฐ : เคลื่อนไหวกรอบแคบรอข่าวใหม่ โดยดัชนี DJIA ปิด +19.66 จุด ที่ 17,535.39 จุด ทั้งนี้ปัจจัยหนุน คือ การใช้จ่ายผู้บริโภคและตัวเลขภาคที่อยู่อาศัยเดือนก.พ.ที่ออกมาดี แต่ตลาดก็ยังกังวลกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดหลังจากเศรษฐกิจสหรัฐใน 4Q58 เติบโต 1.4% ดีกว่าคาด
ราคาน้ำมันดิบ : อ่อนตัวลงเล็กน้อย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI และ BRENT ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิดลดลงเล็กน้อย 0.07 และ 0.17 ดอลลาร์ที่ 39.39 และ 40.27 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้นักลงทุนยังไม่แน่ใจว่าการประชุมเพื่อตรึงปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของประเทศผู้ผลิตขนาดใหญ่ในวันที่ 17 เม.ย.นี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบยังคงสูงมาก
ราคาทองคำ : ชะลอลงเพื่อดูทิศทางดอกเบี้ยของเฟด สัญญาทองคำ COMEX ปิดลดลง 1.5 ดอลลาร์ที่ 1220.10 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ปัจจัยที่มีผลต่อสัญญาทองคำในช่วงนี้ คือ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเหตุการณ์ความไม่สงบระดับโลกที่ดูเหมือนว่าจะถี่ขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
+ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง & วัสดุก่อสร้าง : รัฐบาลเร่งผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อเป็นแรงส่งให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นในช่วง 2Q59-3Q59 โดยการเปิดประมูลโครงการจะมีมากขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.59 เป็นต้นไป และเม็ดเงินลงทุนของโครงการใหม่ๆ จะเริ่มเข้ามาในช่วง 3Q-4Q59 เป็นต้นไป ส่วนเม็ดเงินจากโครงการลงทุนเดิมก็เข้ามาเรื่อยๆตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยปัจจัยกระตุ้นกลุ่มนี้ คือ การได้รับงานใหม่เข้ามาต่อเนื่องทั้งในด้านงานก่อสร้างเหนือดินและงานฐานราก ทำให้มี Backlog ที่มั่นคงในระยะยาว หุ้นเด่นใน DBSV Coverage คือ CK, STEC, TRC, SEAFCO และแนะนำซื้อลงทุนในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีและเสถียรกว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (เพราะปัจจัยเสี่ยง ความผันแปรมีน้อยกว่า การควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานทำได้ดีกว่า) ธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาวจากอุปสงค์วัสดุก่อสร้างที่มากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามการขยายตัวของงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หุ้นเด่นเป็น SCC, TMT
+ CENTEL (ราคาปิด 42.75 บาท, ราคาพื้นฐาน 46 บาท) : คาดว่ารายได้ต่อห้องพักปี 59 จะเพิ่มขึ้นดี (คาดการณ์ไว้ที่ +6.5%) โดยเป็นผลจากอัตราค่าห้องพักที่เพิ่มขึ้นหลังมัลดีฟส์ปรับปรุงห้องพัก 112 ห้องแล้วเสร็จ (ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มค่าห้องพักโรงแรมนี้ 8-9%) ส่วนอัตราการเข้าพัก (AOR) จะอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวที่ 81% สำหรับโรงแรมในกรุงเทพจะเพิ่มราคาห้องพักราว 3-5%
ด้านธุรกิจอาหาร บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ +1.0% จากปี 58 ที่ -0.7% ด้วยการปิดสาขาที่ไม่กำไรและเพิ่มสาขาในทำเลที่มีศักยภาพ อัตรากำไรสุทธิของปี 59 มีแรงกดดันจากการตั้งสำรองฯน้อยลงและราคาวัตถุดิบของธุรกิจอาหารก็ไม่ได้ปรับตัวขึ้นมาก ทั้งนี้บริษัท
เน้นการปรับปรุงการดำเนินงานของสาขาเพื่อให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เราประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 59 จะเติบโต 23% และขยายตัวต่อ 14% ในปี 60
แนะนำซื้อลงทุน โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 46.00 บาท ประเมินด้วยวิธี DCF (WACC 10.9%, TG 3%) ทั้งนี้ CENTEL เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวไทยที่สดใส ส่วนธุรกิจอาหารก็ปรับตัวได้เป็นอย่างดี โดยใช้กลยุทธ์ปิดสาขาที่ขาดทุน เน้นเจาะตลาดที่ให้ผลกำไร นอกจากนี้ยังได้พยายามหาแบรนด์ธุรกิจอาหารใหม่ๆ เข้ามาด้วยการทำ M&A เพื่อเปิดโอกาสการเติบโตในอนาคต
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค - [email protected]