- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 29 March 2016 15:36
- Hits: 977
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
SET บวกได้แต่คาดว่าแคบและมีสิทธิปรับลงต่อได้อีก จึงน่ารอซื้อต่ำ!
กลยุทธ์ : FSS ยังคาดหมายว่า SET จะอยู่ในช่วงแกว่งตัวลงต่อเนื่องอีกสักพัก เพื่อรอปัจจัยบวกใหม่ที่จะเข้ามาหนุนอีกครั้ง ดังนั้นช่วงนี้ถ้ามีจังหวะรีบาวด์ขึ้น กรอบบวกก็น่าจะยังค่อนข้างจำกัด และยังมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลงต่ำกว่านี้ได้อีกตามคาดเดิม ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วงลบ โดยคาดว่า SET มีลุ้นแกว่งตัวลงหาแนวรับทางเทคนิคแถว 1360 จุด(+/-) ได้ในช่วงถัดไป ส่วนในจังหวะบวกขึ้น โดยเฉพาะถ้าเข้าใกล้ 1420 จุดหรือสูงกว่าขึ้นไป เราแนะนำให้เน้นขายเพื่อลดพอร์ตหรือปรับพอร์ตก่อน แล้วถือเงินสดไว้รอตลาดปรับตัวลงค่อยพิจารณาหาจังหวะเลือกหุ้นซื้อต่อไป
หุ้นเด่นทางเทคนิค : BCH, IRCP, CBG(buy back)
แนวโน้ม : เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปิดทำการเป็นส่วนใหญ่ เนื่องในวัน Easter ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาเปิดทำการปกติ โดยมีจังหวะแกว่งตัวผันผวนเป็นบวกเป็นลบในกรอบไม่กว้างนัก ก่อนจะปิดบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาช่วงนี้ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ที่เป็นบวกได้ไม่มากเพราะนักลงทุนยังรอติดตามดูถ้อยแถลงของประธานเฟดในค่ำวันนี้ว่าจะมีมุมมองเศรษฐกิจอย่างไร รวมถึงติดตามสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยว่าจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้หรือไม่ด้วย ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ก็สะท้อนมุมมองในลักษณะเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เปิดทำการเป็นบวกได้ แต่ยังมีกรอบบวกที่ค่อนข้างแคบ รวมทั้งราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังอยู่ในช่วงซึมลง เพราะนักลงทุนยังค่อนข้างระมัดระวัง เพื่อติดตามความคืบหน้าการประชุมร่วมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.นี้ที่ประเทศกาตาร์ก่อน ทำให้ FSS ยังคาดหมายว่า SET มีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวลงต่อเนื่องได้อีก แม้ว่าระยะสั้นอาจมีจังหวะรีบาวด์กลับเป็นบวกสลับบ้าง แต่กรอบบวกน่าจะค่อนข้างจำกัด ดังนั้นเรายังแนะนำให้รอเลือกหุ้นทยอยซื้อช่วง SET ปรับตัวลงไว้ก่อนเหมือนเดิมดีกว่า
แนวรับ 1387-1382 , 1380-1375 จุด
แนวต้าน 1391-1393 , 1396-1400 จุด
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคแต่เบาบาง US$57 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$104.1 ล้าน และไทย US$9.5 ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$36.7 ล้าน และเกาหลีใต้ US$18.1 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคแต่อาจชะลอตัวลง ตลาดจับตาคำแถลงของประธานเฟดต่อมุมมองเศรษฐกิจและสัญญาณเรืองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ข่าว/หุ้นเด่นมีประเด็น
(+) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูเข้าครม.วันนี้ หากครม.อนุมัติ คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายใน มิ.ย. นี้ ส่วนสายสีส้มฝั่งตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) เลื่อนเป็นอังคารหน้า (5 เม.ย.) เพราะมีการปรับลดวงเงินลงทุนอีก 2 พันล้านบาทเหลือ 9.2 หมื่นล้านบาท และฝั่งตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน) จะเข้าครม. 20 เม.ย. สำหรับงานเดินรถของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแคและบางซื่อ-ท่าพระ กำลังเลือกว่าจะเป็น BEM (รายเดิม) หรือเปิดประมูลใหม่ คาดรู้ผลภายในปีนี้ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) วงเงิน 1.03 แสนล้านบาท รอผล EIA เรายังคงชอบ CK (ราคาพื้นฐาน 40 บาท), BEM (ราคาพื้นฐาน 6 บาท) และเป็น sentiment บวกต่อกลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCC, SEAFCO, PYLON
(+) การประชุมครม.วันนี้ยังพิจารณาเรื่องมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว-กินอาหารเพื่อให้ทันเทศกาลสงกรานต์ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นมาตรการลดหย่อนภาษีวงเงินไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นผลดีกับกลุ่มค้าปลีก-โรงแรม เช่น HMPRO, ROBINS, MINT, CENTEL, ERW
(+) MTLS จัดประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยแผนธุรกิจปี 2016 ยังใกล้เคียงกับประมาณการของเรา ทั้งนี้ ในช่วง 1Q16 สินเชื่อยังขยายตัวได้กว่าแผนที่วางไว้ เราคาดกำไรสุทธิ 1Q16 ยังเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 246 ล้านบาท +2.5% Q-Q, +36% Y-Y ด้านภัยแล้งไม่น่าห่วงอย่างที่ตลาดกังวล เพราะเกษตรกรที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้กลับนำเงินมาชำระเงินกู้ ทำให้ NPL ยังคุมได้ต่ำกว่า 1% ประมาณการกำไรปี 2016 ที่เราคาด +34% Y-Y อาจมี upside ต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายสำรองที่มีโอกาสต่ำกว่าคาด เรายังคงแนะนำซื้อ คงราคาเหมาะสมที่ 25 บาท
(-) DTAC เราคาดกำไรปกติ 1Q16 หดตัวถึง 50.6% Y-Y แต่ฟื้นเพียง 10% จาก 4Q15 ที่ต่ำผิดปกติ กำไรที่อ่อนแอมาจากรายได้ค่าบริการที่มีแนวโน้มหดตัวต่อเพราะถูกแย่งส่วนแบ่งตลาด ขณะที่ต้นทุนค่าเสื่อมราคาเร่งตัวขึ้นหลังเพิ่มการลงทุนบนคลื่น 1800 MHz อีก 4,000 ล้านบาท เพิ่มจาก 8,000 ล้านบาทในปีก่อน ซึ่งตัดค่าเสื่อมเพียง 3 ปีตามอายุสัมปทานที่เหลือ แนวโน้มกำไร 2Q16 ยิ่งอ่อนแอจากการอุดหนุนค่าเครื่องโทรศัพท์มือถือ ยอมให้ margin ติดลบมากขึ้นหลังถูก ADVANC และ TRUE แย่งส่วนแบ่งตลาด และค่าเสื่อมก็ยังเพิ่มตามการลงทุน เรายังคงแนะนำขาย ราคาหุ้นเกินพื้นฐานที่ 30 บาทไปมาก ไลเซนส์ที่กสทช.จะนำมาประมูลใหม่ หากราคาตั้งต้นเป็น 7 หมื่นล้านบาท เราไม่คิดว่า DTAC พร้อมที่จะสู้ ในบรรดา Mobile operator ทั้ง 3 ราย DTAC ดูน่าเป็นห่วงที่สุด
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปิดผสม หลังข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือน ก.พ. ปรับขึ้น 0.1% เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตาดูคำแถลงของประธานเฟด เกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
(0) ด้านตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนปิดทำการ เนื่องในวัน Easter Monday
(0) ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดผสมในกรอบแคบ ตามทิศทางตลาดโลก โดยนักลงทุนยังรอดูคำแถลงของเฟดว่าจะส่งสัญญาณต่อการขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร
(0) ค่าเงินบาทแกว่งตัวในกรอบแคบ ล่าสุดเคลื่อนไหวแถว 35.32-35.36 บาท/ดอลลาร์
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ค. ปรับลง 0.07 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่ที่ 39.39 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางเนื่องจากวันหยุด Easter Monday ในยุโรป และ นักลงทุนรอดูการประชุมผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. นี้
ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. ลดลง 1.50 ดอลลาร์/ออนซ์ มาอยู่ที่ 1,220.10 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนรอดูคำแถลงของประธานเฟด ว่าจะส่งสัญญาณต่อการขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29-มี.ค. - สหรัฐ: ดัชีราคาบ้าน S&P/Case-Shiller
30-มี.ค. - สหรัฐ: การจ้างงานภาคเอกชน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภค (มี.ค.)
31-มี.ค. - ไทย: ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจเดือน ก.พ.
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
1-เม.ย. - ตลาดหุ้นอินเดียปิดทำการ
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ (มี.ค.)
- จีน: Manufacturing and Non-manufacturing PMI (มี.ค.)
- ญี่ปุ่น: ดัชนี Tankan 1Q16
- สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน (มี.ค.)
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Manufacturing PMI (มี.ค.)
4-5 เม.ย. - ตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการ
4-เม.ย. - สหรัฐ: คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (ก.พ.)
5-เม.ย. - ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง (RBA) ประชุม
- อินเดีย: ธนาคารกลาง (RBI) ประชุม
- ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มี.ค.)
6-เม.ย. - ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันจักรี
Contact person : Somchai Anektaweepon Register : 002265
Tel: 02-646-9967, 02-646-9852 www.fnsyrus.com
FB: Finansia Syrus Research, IG: finansiasyrusresearch