- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 28 March 2016 16:21
- Hits: 853
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: แนวโน้มลงทดสอบ 1375-1380
SET Index: 1390.05 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นหลุดแนวรับสำคัญที่ 1397 จุดลงไป ทำให้แนวโน้มของ SET Index มีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1380 จุดที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน แต่ถ้าไม่มีแรงซื้อกลับเข้ามา แนวโน้มหลักจะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1340-1350 จุด และมีแนวต้านสำคัญที่ 1395-1400 จุด
แนวต้าน : 1394 และ 1397
แนวรับ : 1390 และ 1385
KBANK = 168 / 170, DTAC = 42.00 / 43.00, JAS = 3.30 / 3.40, SCB = 138 / 140, KTB = 18.40 / 18.60
N. D. Rubber (NDR TB; THB 4.00) - ซื้อ
แนวต้าน : 4.14 และ 4.30
แนวรับ : 4.00 และ 3.96
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเพื่อสร้างฐานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้แนวโน้มหลักยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD เคลื่อนไหวออกด้านข้างที่ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นเคลื่อนไหวเหนือแนวโน้มลงต่อเนื่อง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 60
แนะนำซื้อ NDR โดยมีแนวรับที่ 4.00 และ 3.96 และมีแนวต้านที่ 4.14 และ 4.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 3.88 ลงไป
Samart I-Mobile (SIM TB; THB 0.98) - ซื้อ
แนวต้าน : 1.05 และ 1.08
แนวรับ : 0.98 และ 0.97
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เคลื่อนไหวออกด้านข้างต่อเนื่องหลังจากเกิดสัญญาณขัดแย้งในเชิงบวก ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเข้าใกล้ระดับ 0 เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับ 50
แนะนำซื้อ SIM โดยมีแนวรับที่ 0.98 และ 0.97 และมีแนวต้านที่ 1.05 และ 1.08 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 0.95 ลงไป
SET50 Index Futures
S50H16 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลังจากปรับตัวลดลงเกิดสัญญาณขายทางเทคนิคในระยะสั้นหลุดแนวรับสำคัญของเส้นแนวโน้มขาขึ้นที่ 904 ลงไป ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 880 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และมีแนวต้านที่ 900 และ 904
แนวต้าน : 895 และ 898
แนวรับ : 890 และ 886
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน S50H16 ที่แนวต้าน 896-898 เอาไว้ เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 886 และ 880
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า S50H16 ปรับตัวลดลงหลุด 900 กลับขึ้นไป
JASH16
ปรับตัวลดลงต่อเนื่อหลุดแนวรับสำคัญที่ 3.44 ลงไป หลังจากปรับตัวเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 3.60 ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 3.20 และ 3.00 แต่ถ้าสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 3.60 จะเป็นสัญญาณซื้อ
แนวต้าน : 3.44 และ 3.50
แนวรับ : 3.30 และ 3.20
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ STOP LOSS สถานะ Long ใน JASH16 หรือ JASM16 หลังจากปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 3.44 ลงไป
STOP LOSS สถานะ Long หลังจาก JASH16 ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3.44 ลงไป
ITDH16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากเกิดสัญญาณซื้อทางเทคนิคหลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นไปเคลื่อนไหวเหนือระดับ 7.00 หลังจากปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะยาว ทำให้แนวโน้มในระยะสั้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปทดสอบแนวต้านที่ 7.40-7.50
แนวต้าน : 7.30 และ 7.40
แนวรับ : 7.20 และ 7.15
คำแนะนำ: เราแนะนำให้เน้นการ Open Long ใน ITDH16 หรือ ITDM16 ที่แนวรับ 7.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 7.40-7.50
STOP LOSS สถานะ Long หลังจาก ITDH16 ปรับตัวลดลงหลุด 7.05 ลงไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET...คาดตลาดปรับฐานจากแรงขายของนักลงทุนต่างประเทศ
เมื่อวันศุกร์ตลาดถูกแรงเทขายลงมาจนหลุดระดับ 1,400 จุด โดยดัชนีปรับลดลง -10.63 จุด หรือ -0.76% ปิดที่ 1,394.78 จุด โดยมีแรงขายทากำไรออกมาในกลุ่ม ICT และธนาคารเป็นหลัก ในขณะที่มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้เพื่อเก็งกำไรว่ารัฐบาลจะมีการเร่งพิจารณาโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แรงขายในวันศุกร์ส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างประเทศที่มีการขายสุทธิออกมา 1,769 ล้านบาท เป็นวันแรกในรอบ 4 วัน สอดคล้องกับทิศทางค่าเงินบาทที่กลับมาอ่อนค่าลงจากระดับ 34.885 บาท/ดอลลาร์ มาที่ 35.27 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนสถาบันก็เริ่มกลับมาขายสุทธิเป็นวันแรกในรอบ 5 วัน จำนวน 662 ล้านบาท สำหรับปริมาณการซื้อขายในวันศุกร์ลดลงจากระดับ 5 หมื่นล้านบาทเหลือ 35,036 ล้านบาท เนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดในวัน Good Friday
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีกว่าตลาดหุ้นทั่วโลก (outperform) โดยปรับขึ้นมากว่า 106 จุดหรือ +8.2% นับจากต้นปี จาก 1) ราคาน้ำมันดิบเริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดที่ 26 ดอลลาร์/บาร์เรล มาที่ระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน 2) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งการกระตุ้นการบริโภค, อสังหาริมทรัพย์และการใช้จ่ายลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ที่นักลงทุนมองว่าส่งผลบวกโดยรวมต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และ 3) การที่ JAS ไม่มาจ่ายเงินค่าใบอนุญาต 4G ส่งผลให้อุตสาหกรรมไม่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขัน ส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่ม (ADVANC DTAC INTUCH TRUE) มีการปรับขึ้นมาจากคาดการณ์ว่าผลกำไรจะไม่ถูกกระทบมากนักจากการแข่งขันที่สูงเหมือนที่ตลาดคาดก่อนหน้านี้ที่ JAS ชนะการประมูลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยทั้ง 3 ประเด็นบวกหลักได้สะท้อนไปในราคาหุ้นจนทำให้ดัชนีปรับขึ้นมาทดสอบเป้าหมายปลายปีของเราที่ 1,400 จุดไปแล้ว
เมื่อวันศุกร์กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน ก.พ.59 การส่งออกมีมูลค่า 18,994 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พลิกกลับมาเป็นบวก 10.27% หลังจากที่ติดลบต่อเนื่องมา 13 เดือน ขณะที่นำเข้ามีมูลค่า 14,008 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 16.82% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 4,986 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ส่งผลให้ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 59 (ม.ค.-ก.พ.) การส่งออกขยายตัวได้ 0.67% มูลค่า 34,705 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าติดลบ 14.54% มีมูลค่า 29,482 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 5,223 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าเหตุผลที่ส่งออกพลิกกลับเป็นบวกเนื่องจากการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้น 1,051% หลังราคาทองคำในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น
สำหรับภาพรวมการส่งออกในเดือน ก.พ.59 การส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรกลับมาขยายตัวจากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 0.4% (YoY) โดยปริมาณส่งออกสินค้าสำคัญเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว ปริมาณส่งออกขยายตัว 14.2% (YoY) ยางพาราขยายตัว 4.9% (YoY) รวมทั้งทูน่ากระป๋อง (+11.0) กุ้งสดแช่แข็งและแปรรูป (+17.1) ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป (+20.5) และน้ำตาล (+107.4) ถึงแม้ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่มูลค่าการส่งออกสินค้าสำคัญในเดือนก.พ.59 นี้ กลับฟื้นตัวเป็นบวก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าสำคัญ ได้แก่ ข้าว ขยายตัว 0.3% (YoY) เช่นเดียวกับ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป (+10.0) ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป (+11.8) น้ำตาล (+78.3) ขยายตัวสูง โดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่าสินค้าส่งออกที่มีการเติบโตจะเป็นบวกกับ CPF GFPT ASIAN CFRESH CHOTI SSF TU KSL STA
แม้ว่าในระยะสั้นเรายังคาดว่าจะเห็นแรงซื้อเก็งกำไรขึ้นไปทดสอบระดับ 1,400 จุด ได้อีกจากประเด็นการเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐอย่าง 1) การเร่งพิจารณาโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 2) การออกมาตรการลดหย่อนภาษีการกิน-เที่ยวในประเทศช่วงสงกรานต์เพื่อช่วยผู้ประกอบการโรงแรม & ท่องเที่ยวและร้านอาหาร (+CENTEL ERW MINT M) 3) มาตรการแจกเงินช่วยเหลือข้าราชการ รายละ 1,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภค และ 4) การปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาลง ทำให้บุคคลที่มีรายได้ปีละ 300,000 บาทเมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้วจะไม่ต้องเสียภาษี, เพิ่มค่าลดหย่อนส่วนบุคคลจากเดิม 30,000 บาทเป็น 60,000 บาทและเพิ่มการหักค่าใช้จ่ายจากเดิม 40% แต่ไม่เกิน 60,000 บาทเป็น 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท รวมเป็นค่าลดหย่อน+ค่าใช้จ่ายที่นำไปลดหย่อนภาษีเพิ่ม 70,000 บาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังบริโภคให้กับบุคคลธรรมดาได้ (+CPALL CPN HMPRO GLOBAL MAKRO MC ROBINS )
แต่หากเราพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ รอบด้านแล้ว เราจะเห็นว่าการปรับขึ้นมาที่ระดับ 1,400 จุด เป็นจังหวะในการขายทำกำไรลดพอร์ทการลงทุนที่ดี เนื่องจากเราคาดว่าจะมีปัจจัยลบหลายประเด็นรออยู่ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ประกอบไปด้วย 1) เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวลงโดยเฉพาะจีนดังจะเห็นได้จากการที่เฟดปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2 ครั้งในปีนี้ 2) การประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันวันที่ 17 เม.ย. คาดว่าจะออกมาสร้างความผิดหวังหลังอิหร่านและลิเบียปฎิเสธเข้าร่วมประชุม ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับลดลงแรง 3) แรงขายทากำไรของนักลงทุนต่างประเทศหลังค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง และ 4) เราไม่คาดว่าจะมีการทำราคาปิด (window dressing) ประจำงวดไตรมาสแรกหลังตลาดปรับขึ้นมา +8.2% YTD นำโดยหุ้นกลุ่มหลักอย่าง ICT +18%, ธนาคาร +14.4% และพลังงาน +12% แต่ในทางกลับกันในระยะหลังกองทุนมักเป็นผู้ขายสุทธิในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส ดังนั้นเราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรต่อหากดัชนีรีบาวน์กลับไปที่ 1400 +/- โดยวันนี้เราให้แนวรับที่ 1385-1390 และแนวต้านที่ 1400-1410 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,390.05 จุด ลดลง 4.73 จุด (-0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 14,956.97 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลดลง โดยช่วงเช้า SET เปิดดีดขึ้นแต่ยังไม่ผ่าน 1400 จุดตลาดถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรโดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ หลังตลาดกังวลการเติบโตของสินเชื่อ และการตั้งสำรอง ติดตามการประชุมครม. พิจารณานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (พรุ่งนี้) และการแถลงของเฟดว่าจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในสัปดาห์นี้
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แรงขายต่างชาติยังกดดันตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มธนาคารที่แนวโน้มผลการดำเนินงานอาจจะถูกกดดันจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เรายังมองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานย่อยอีกครั้ง หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เนื่องจากเริ่มมีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในรอบเดือนเม.ย.นี้ โดยประเด็นที่ต้องจับตา คือการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันพรุ่งนี้ หากส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการขึ้นดอดเบี้ย ตลาดน่าจะเกิดแรงขายตามมา ส่วนปัจจัยในประเทศต้องติดตาม เรื่องการโครงการรัฐที่จะเข้า ครม.ในวันพรุ่งนี้ ระยะสั้นถือเงินสดเพิ่มไปก่อน รอซื้อกลับที่แนวรับ 1375 จุด และถัดไปที่ 1354 จุด ส่วนแนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1395 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
N. D. Rubber (NDR TB; THB 4.00) - ซื้อ
Samart I-Mobile (SIM TB; THB 0.98) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,390.05 จุด ลดลง 4.73 จุด (-0.34%) มูลค่าการซื้อขาย 14,956.97 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้ปรับลดลง โดยช่วงเช้า SET เปิดดีดขึ้นแต่ยังไม่ผ่าน 1400 จุดตลาดถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรโดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ หลังตลาดกังวลการเติบโตของสินเชื่อ และการตั้งสำรอง ติดตามการประชุมครม. พิจารณานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม (พรุ่งนี้) และการแถลงของเฟดว่าจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในสัปดาห์นี้
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย แรงขายต่างชาติยังกดดันตลาดต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มธนาคารที่แนวโน้มผลการดำเนินงานอาจจะถูกกดดันจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เรายังมองว่าระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานย่อยอีกครั้ง หลังค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เนื่องจากเริ่มมีการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยในรอบเดือนเม.ย.นี้ โดยประเด็นที่ต้องจับตา คือการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันพรุ่งนี้ หากส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะมีการขึ้นดอดเบี้ย ตลาดน่าจะเกิดแรงขายตามมา ส่วนปัจจัยในประเทศต้องติดตาม เรื่องการโครงการรัฐที่จะเข้า ครม.ในวันพรุ่งนี้ ระยะสั้นถือเงินสดเพิ่มไปก่อน รอซื้อกลับที่แนวรับ 1375 จุด และถัดไปที่ 1354 จุด ส่วนแนวต้านจะอยู่ที่ระดับ 1395 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
N. D. Rubber (NDR TB; THB 4.00) - ซื้อ
Samart I-Mobile (SIM TB; THB 0.98) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]