- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 March 2016 17:10
- Hits: 1630
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
'เลือกซื้อเก็งกำไร/ถือหุ้นพื้นฐานดี'
Stock Picks-Mar 2016 : Fundamental : BA, EPG, ERW, GL, PTT
Fundamental Pick -Today: TU(ดู Theme ลงทุนด้านใน)
Top Picks-High Div Yield : ADVANC, INTUCH, DCC, AP, LPN, QH, SPALI, MODERN, SNC, TCAP, TMT, BTSGIF, DIF, CPNRF, SPF
Shot Sell-Prev : BJC 19%, BLA 14%, PTT 12%, PTTEP 10%
Technical View ภาพตลาดพลิกกลับมาเป็นบวก
Support Resistance Stop Loss
SET ซื้อค่าบวก 1400,1410-1420 ค่าลบ
SET50 ซื้อค่าบวก 910,920-930 ค่าลบ
Technical Picks - Today SCB, EPG, SCI, PTT, TNH, HMPRO, ERW, CENTEL
หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยปิด +10.67 จุดที่ 1393.63 จุด นำโดยกลุ่มสื่อสาร ที่มีแรงซื้อกลับเมื่อ JAS ไม่จ่ายใบอนุญาตและวางแบงค์การันตี 4G ย่าน 900 MHz ตามเงื่อนไข ทำให้ความวิตกกังวลเรื่องการแข่งขันรุนแรงในอุตสาหกรรมผ่อนคลายลง นอกจากนั้นยังมีข่าวว่าโครงการลงทุนภาครัฐจะมีความคืบหน้าในการพิจารณาและประมูลมากขึ้นตั้งแต่เม.ย.59 เป็นต้นไป นักลงทุนสถาบันในประเทศและพอร์ตบล.ซื้อสุทธิ รายย่อยขายสุทธิ ส่วนต่างชาติซื้อ/ขายใกล้เคียงกัน
วันนี้ คาดว่าหุ้นกลุ่มสื่อสารจะยังคึกคักต่อ เมื่อ JAS ไม่ได้เข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายที่ 4 ในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยหุ้นที่เราแนะนำซื้อเป็น ADVANC (ราคาพื้นฐาน 193 บาท), INTUCH (ราคาพื้นฐาน 66 บาท), DIF (ราคาพื้นฐาน 14.8 บาท) และ JASIF (ราคาพื้นฐาน 10.8%) แนะนำถือ DTAC (ราคาพื้นฐาน 40 บาท) ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะทรงตัวที่ 1.50% ในการประชุมรอบ 23 มี.ค.นี้ สำหรับการลงทุนโครงการภาครัฐ ดูว่าจะมีความคืบหน้าในการพิจารณาและเปิดประมูลมากขึ้นตั้งแต่เม.ย.59 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ซึ่งในเชิงกลยุทธ์เราแนะนำเป็นซื้อเก็งกำไรกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และแนะนำซื้อลงทุนในกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรดีกว่า หุ้นเด่น คือ SCC (ราคาพื้นฐาน 580 บาท) และ TMT (ราคาพื้นฐาน 11.80 บาท) ทั้งนี้ในระยะสั้น ราคาเหล็กในประเทศช่วง 1Q59 กระเตื้องขึ้นด้วยเพราะอุปทานจำกัดจากการผลิตของผู้ประกอบการรายใหญ่และการนำเข้าที่น้อยลง หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น TU
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดโดยรวมพลิกมาเป็นบวกอีกครั้ง ให้แนวต้านระยะสั้นไว้ที่ 1400, 1410-1420 จุด แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 1380 จุด ส่วน SET50 มีแนวต้าน 910, 920-930 จุด แนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุด 890 จุด การเก็งกำไรตามรอบเน้นซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้นและดัชนี ส่วนการลงทุนระยะยาว แนะนำให้ทยอยซื้อสะสมหุ้นพื้นฐานดีจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีสัญญาณเทคนิคดี และมีโอกาสทำ New High หุ้นเข้ามาใหม่เป็น TPIPL, EPG, SCI ส่วนหุ้นที่ยังอยู่ใน List และหาจังหวะขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นปรับขึ้น คือ DIF, IRPC, CPN, NPP, VGI, BEAUTY, SYNEX, BA, KSL หุ้นที่หาจังหวะขายทำกำไรคือ TKN, CBG, TNH, JMART
Market Drivers
ปัจจัยต่างประเทศ & ราคาโภคภัณฑ์
- สหรัฐ : ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.ดิ่งลง 7.1%MoM สู่ 5.08 ล้านยูนิต ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.58 ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าคาดการณ์ที่ 2.8%MoM ส่วนสต็อคบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 3.3%MoM สู่ระดับ 1.88 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. และราคากลางของบ้านเพิ่มขึ้น 4.4%YoY ในเดือนก.พ.สู่ระดับ 210,800 ดอลลาร์
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเล็กน้อย โดยดัชนี DJIA ปิด 17,623.87 จุด เพิ่มขึ้น 21.57 จุด ปัจจัยหนุน คือ ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีขึ้น และตอบรับดีลการซื้อกิจการขนาดใหญ่ในธุรกิจโรงแรม (แมริออทฯ เข้าซื้อสตาร์วูดในวงเงิน 1.441 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ปัจจัยติดตาม คือ ตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.ที่เปิดเผยจากมาร์กิต และคาดการณ์จีดีพี 4Q58 ครั้งสุดท้ายของสหรัฐที่จะออกมาในสัปดาห์นี้
+ น้ำมันดิบ : การผลิตน้ำมันดิบสหรัฐลดลง สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานว่า การผลิตน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง 10,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.068 ล้านบาร์เรลต่อวันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 11 มี.ค.
สัญญาน้ำมันดิบขยับขึ้น โดยสัญญา WTI และ BRENT ส่งมอบเม.ย.ปิดเพิ่มขึ้น 47 เซนต์ และ 34 เซนต์ ที่ระดับ 39.91 และ 41.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามลำดับ จับตาผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกในวันที่ 17 เม.ย.59 นี้ ซึ่งคาดว่าจะมี 15 ชาติเข้าร่วมประชุม (คิดเป็น 73% ของปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโลก) ว่าจะมีข้อตกลงในการตรึงปริมาณการผลิตหรือไม่
- ราคาทองคำร่วงลง โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเม.ย.ลดลง 10.1 ดอลลาร์ มาปิดที่ 1,244.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นผลจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐหลังประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเม.ย.59
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวเด่น
กลุ่มสื่อสาร : JAS ไม่เอาใบอนุญาต 4G ย่าน 900 MHz ทางกสทช.เตรียมเปิดประมูลใหมในอีก 4 เดือนข้างหน้า ราคาเริ่มประมูลใหม่จะเท่ากับที่ JAS ชนะไปคือ 75,654 ล้านบาท โดยเปิดให้ทุกค่ายร่วมประมูลยกเว้น JAS (ซึ่งรวมถึง TRUE ด้วย) หากไม่มีใครสนใจร่วมประมูล จะเว้นวรรคไป 1 ปีจึงจะเปิดประมูลใหม่ และเริ่มต้นที่ราคา 75,654 ล้านบาทอีกเช่นเดิม ทางด้าน JAS จะถูกริบเงินประกัน 644 ล้านบาท+ปรับค่าเตรียมการประมูล 160 ล้านบาท+ฟ้องทางแพ่งให้รับผิดชอบความเสียหายจากการไม่มาชำระเงิน (เช่น ค่าเสียโอกาสในการใช้คลื่น, ค่าความล่าช้าในการนำเงินประมูลส่งรัฐ เป็นต้น)
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ความวิตกเรื่องการแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อสารผ่อนคลายลง เมื่อยังไม่มีผู้ประกอบการรายที่ 4 เข้ามา ในเชิงกลยุทธ์แนะนำซื้อ ADVANC (DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 193 บาท, คาด Dividend Yield ปี 59 ที่ 6.5%), ซื้อ INTUCH (ราคาพื้นฐาน 66 บาท, คาด Yield 7%) ซื้อ DIF (ราคาพื้นฐาน 14.8 บาท, คาด Yield 7%), ซื้อ JASIF (ราคาพื้นฐาน 11 บาท, คาด Yield 10.8%) แนะนำถือ DTAC (ราคาพื้นฐาน 40 บาท, คาด Yield 4%) ปัจจัยเสี่ยง คือ ต้นทุนและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่อาจสูงกว่าคาดของผู้ประกอบการ
กนง.ประชุม 23 มี.ค.นี้ ตลาดประเมินกันคณะกรรมการฯน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ก่อน โดยเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในความเสี่ยงทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในที่พ่วงภัยแล้งเข้ามาด้วย ดังนั้นกนง.จึงน่าจะสงวนการลดดอกเบี้ยไว้ใช้เมื่อจำเป็นในระยะต่อไป
ความคืบหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ คมนาคมมอบให้รฟม.ดำเนินการปรับค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) และเสนอให้ครม.พิจารณาอนุมัติ 29 มี.ค.นี้ รวมทั้งเสนอสายสีเหลืองและชมพูที่ผ่านการพิจารณาในคณะกรรมการนโยบาย PPP แล้วเข้าพิจารณาในครม.ด้วย หลังครม.อนุมัติแล้วจะทำร่าง TOR และดำเนินการประกวดราคาในเดือนก.ค.-ส.ค.59 ส่วนสายสีม่วงใต้จะเข้าครม.ประมาณพ.ค.-มิ.ย.59 สีส้มตะวันตกเข้าครม.ภายในปีนี้ สำหรับสายสีม่วงที่ก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์จะเปิดให้บริการประมาณต้นส.ค.59 ด้านการจัดหาผู้เดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (ขณะนี้ก่อสร้างไปแล้ว 70%) คาดว่าจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ PPP และครม.ในเดือนเม.ย.59
ความเห็นเชิงกลยุทธ์ : ความคืบหน้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐเป็นข่าวบวกกับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง โดยประเมินว่าเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐจะเข้ามาในระบบมากขึ้นตั้งแต่ 4Q59 เป็นต้นไป ซึ่งในส่วนของรับเหมาก่อสร้าง เราแนะนำในเชิงซื้อเก็งกำไร หุ้นเด่นเป็น CK (ราคาพื้นฐาน 33 บาท), STEC (ราคาพื้นฐาน 22 บาท) ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างแนะนำเป็นซื้อลงทุน เพราะความสามารถในการทำกำไรดีกว่าและมีเสถียรภาพมากกว่า หุ้นเด่น คือ SCC (ราคาพื้นฐาน 580 บาท, คาด Dividend Yield ปี 59 เท่ากับ 3.5%) และ TMT (ราคาพื้นฐาน 11.80 บาท คาด Dividend Yield ปี 59 เท่ากับ 8%) ส่วนหุ้น Dark Horse ในกลุ่มนี้เป็น TPIPL (Not Rated แต่ถ้าให้ P/BV 1 เท่าจะได้ราคาเป้าหมาย 2.80 บาท)
TU (ราคาปิด 20.80 บาท) : ผลกระทบจากการเรียกคืนทูน่ากระป๋องของบริษัทย่อย Chicken of the sea น้อยมาก โดยเป็นการเรียกคืนประมาณ 1.3 แสนกระป๋องหลังจากที่บริษัทตรวจพบความผิดพลาดในการฆ่าเชื้อ ซึ่งเป็นการพบและเรียกคืนจากตัวบริษัทเอง โดยที่ลูกค้ายังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เราจึงเห็นว่าผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัทจำกัดมาก ส่วนความเสียหายคาดว่าเป็นหลัก 10-20 ล้านบาทซึ่งบริษัทมีประกันครอบคลุมความเสียหายส่วนนี้ทั้งหมด
เราชอบที่ธุรกิจมีการกระจายความเสี่ยงที่ดี โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายในยุโรปและสหรัฐคิดเป็น 70% ของทั้งหมด และอีก 30% อยู่ในเอเชีย ซึ่งกำลังพิจารณาขยายตลาดไปในตะวันออกกลางเพิ่มด้วย ในปี 59 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% จาก 3,700 ล้านดอลลาร์ในปี 58 ซึ่งมาจากการเติบโตภายในและการเข้าซื้อกิจการ บริษัทคาดว่าจะทำงบการเงินรวมกับ Rugen Fisch ตั้งแต่ 1Q59 เป็นต้นไป ซึ่งบริษัทนี้มีผลิตภัณฑ์หลัก คือ ปลาเฮอริ่ง ปลาแมคคอเรล และปลาแซลมอน ทั้งสดและแช่เย็น ตลาดหลักคือ ผู้ค้าปลีกทั่วประเทศเยอรมนี ราว 50% เป็นสินค้าแบรนด์และส่วนที่เหลือเป็น OEM มีส่วนแบ่งการตลาด 37% และมี EBITDA Margin อยู่ในช่วง 9-12% DBSV คาดว่าการทำงบการเงินรวมกับ Rugen Fisch จะช่วยให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2016 เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีก 3% เป็นเติบโต 17% แนะนำซื้อ TU โดย DBSV ให้ราคาพื้นฐาน 22.30 บาท
นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค -
[email protected]