- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Tuesday, 22 March 2016 16:42
- Hits: 879
บล.ซีไอเอ็มบี : Thailand Trading Picks(PM)
SET Index: ยังไม่ทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ 1407 แนวโน้มลงทดสอบ 1340-1350
SET Index: 1396.54 ปรับตัวลดลงหลังจากเพิ่มขึ้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1400 จุด แต่ยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่อง หลังจากเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 1377 จุด แต่เรายังคงแนะนำให้เน้นการขายทำกำไรเพื่อถือเงินสด เนื่องจากโอกาสขึ้นต่อมีค่อนข้างจำกัด ถ้าทะลุผ่าน 1407 จุดจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1430 จุด และมีแนวรับสำคัญที่ 1375 จุด ถ้าหลุดจะมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 1340 จุด
แนวต้าน : 1397 และ 1402
แนวรับ : 1394 และ 1386
ADVANC = 184 / 187, DTAC = 45.00 / 46.00, INTUCH = 63.00 / 64.00, AOT = 390 / 395, PTTEP = 68.00 / 69.50
SVI (SVI TB; THB 5.35) – ซื้อ
แนวต้าน : 5.70 และ 6.00
แนวรับ : 5.35 และ 5.30
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเคลื่อนไหวออกด้านข้างเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนลบ เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 50
แนะนำซื้อ SVI โดยมีแนวรับที่ 5.35 และ 5.30 และมีแนวต้านที่ 5.70 และ 6.00 เป็นจุดขายทำกำไร
ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 5.25 ลงไป จะมีแนวรับถัดไปที่ 5.00 เป็นแนวรับสำคัญ
Wiik & Hoeglund (WIIK TB; THB 3.06) – ซื้อ
แนวต้าน : 3.20 และ 3.30
แนวรับ : 3.06 และ 3.02
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิค พร้อมด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากฟื้นตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ในขณะที่โครงสร้างในระยะยาวเริ่มทะลุผ่านแนวโน้มขาลงขึ้นไปได้แล้ว
MACD ปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยในแดนบวก เครื่องมือทางเทคนิคชี้วัดแนวโน้มขึ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเหนือแนวโน้มลง RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทดสอบระดับ 60
แนะนำซื้อ WIIK โดยมีแนวรับที่ 3.06 และ 3.02 และมีแนวต้านที่ 3.20 และ 3.30 เป็นจุดขายทำกำไร
STOP LOSS ถ้าราคาหุ้นปิดต่ำกว่า 2.96 ลงไป
SET50 Index Futures
S50H16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 907.60 ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาทดสอบระดับ 900 ซึ่งเราแนะนำให้กลับเข้าไป Open Long ถ้าทะลุผ่านแนวต้านสำคัญที่ 907 ขึ้นไป เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 930 แต่ถ้ามีแรงขายทำกำไรออกมาต่อเนื่องหลุดระดับ 900 ลงไป จะเป็นสัญญาณขายทางเทคนิค
แนวต้าน : 905 และ 907**
แนวรับ : 900** และ 894
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Long เอาไว้ที่บริเวณ 907 เพื่อคาดหวังการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 930
STOP LOSS สถานะ Long ถ้า S50H16 ปรับตัวลดลงหลุด 900 ลงไป
TRUEH16
ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิดสัญญาณไปทดสอบแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาลงในระยะยาวที่ 8.10 แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 8.00 จึงทำให้แนวโน้มหลักยังมีความเสี่ยงในการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 7.50 และ 7.20
แนวต้าน : 8.10 และ 8.20
แนวรับ : 7.90 และ 7.80
คำแนะนำ: เราแนะนำให้ Open Short ใน TRUEH16 หรือ TRUEM16 หลังจากปรับตัวลดลงต่ำกว่า 8.00 ลงไป และมีแนวรับถัดไปที่ 7.60 และ 7.50
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า TRUEH16 ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปยืนเหนือระดับ 8.15
IRPCH16
เคลื่อไนหวออกด้านข้างเหนือระดับ 5.00 หลังจากปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน 5.20 ซึ่งเราแนะนำให้ Open Short ที่บริเวณแนวต้าน 4.95-5.00 เนื่องจากเป็นแนวต้านของกรอบแนวโน้มขาขึ้น และมีแนวต้านสำคัญของกรอบแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวที่ 5.20 โดยมีแนวรับที่ 4.60 เป็นจังหวะขายทำกำไร
แนวต้าน : 5.10 และ 5.20
แนวรับ : 4.80 และ 4.70
คำแนะนำ: เรายังคงแนะนำให้ Open Short ใน IRPCH16 หรือ IRPCM16 ที่แนวต้าน 5.10-5.20 เพื่อคาดหวังการปรับตัวลดลงไปทดสอบแนวรับที่ 4.70
STOP LOSS สถานะ Short ถ้า IRPCH16 ทะลุผ่าน 5.25 ขึ้นไป
Analysts :
Teerasak Tanavarakul +662 657-9231 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Investment Strategy(AM)
SET… กรอบขึ้นจำกัด
ดัชนีในระดับที่เป็นอยู่ หากมาวิเคราะห์ถึงความถูกความแพงผ่านค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของดัชนี MSCI Thailand จะพบว่ากำลังอยู่ในระดับ 14 เท่าซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี การที่ดัชนีขึ้นได้แค่ใกล้ 1400 จุดแต่ค่า P/E กลับสูงมากๆ เทียบปี 2015 ที่ตอนนั้นดัชนี SET ขึ้นไปถึง 1600 จุดและค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าสูงที่ 14 เท่า (ดูรูปด้านซ้าย) เหตุมาจากแนวโน้มกำไรของตลาดหุ้นไทยเริ่มทรุดตัวลงรอบใหม่ การที่จะให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นไปมากกว่านี้ในสถานการณ์ปัจจุบัน ถือว่าทำได้ยาก แม้จะมีเม็ดงินไหลเข้า โดยการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย เรามองว่าอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากเศรษฐกิจภายในกลับทรุดตัวลงและไม่มีกลุ่มอุตสาหกรรมไหนที่โดดเด่น
ภาพของแนวโน้มการทำกำไรของตลาด ดูได้จากรูปด้านขวา ที่ตอนนี้กำลังผงกหัวลงรอบใหม่ ต่างจาก ฟิลลิปปินส์และอินโดนีเชีย ที่ค่าดังกล่าวขึ้นไปสูงใกล้จะเป็นบวก ทำให้ 2 ตลาดนี้ยังมีช่องให้ขึ้นได้ นอกจากนั้นหากดูจากค่า P/E 12 เดือนล่วงหน้าของทั้ง 2 พบว่าปัจจุบันเทรดกันที่ค่าต่ำกว่า +1SD ส่วนของตลาดหุ้นไทยขึ้นไปเทรดที่ค่า +2SD นอกจากนั้นหากดูว่าเมื่อตลาดขึ้นไปเทรดที่ค่า P/E ถึงกรอบ +2SD อย่างตลาดหุ้นไทย เวลาลงจะลงได้ค่อนข้างลึก คือ อาจลงมาที่ระดับ +1SD หรือต่ำกว่า ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดในเดือน เม.ย. ถึง พ.ค. นี้
ปัจจัยที่จะส่งผลต่อดัชนีในปลายเดือนนี้ คือ 1. ค่าเงินดอลลาร์ 2. ราคาน้ำมัน และ 3. ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ ในส่วนของค่าเงินดอลลาร์ น่าจะเริ่มแข็งตัวขึ้นหลังลงมาที่ค่า RSI 20 (Overbought) ส่วนราคาน้ำมัน น่าจะเริ่มได้รับความผันผวนจากจำนวนหัวขุดเจาะและปริมาณสำรองน้ำมันของสหรัฐ ส่วนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ จะเข้าสู่ช่วงการพักตัว หลังขึ้นมาสูงจนมองไม่เห็นปัจจัยที่หนุนต่อ
หากราคาน้ำมันค่อยๆ ปรับตัวลงหรือดิ่งลงแรงๆ ตลาดหุ้นเกิดใหม่น่าจะปรับตัวลงตาม กรอบน้ำมันในรอบนี้มองที่ 35-30 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ แต่หากมองผิดพลาด คือราคาน้ำมันขึ้นต่อ ก็น่าจะไปยืนที่กรอบ 43+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์ สำหรับประเด็นภายในหลังเกิดความชัดเจนเรื่อง JAS และการประชุม กนง. ก็คงไม่มีประเด็นอะไรใหม่ๆ เข้ามา หากมีก็แค่ ตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือน ที่คาดกันว่าจะถดถอยลง นอกนั้นเป็นแรงกดดันจากปัญหาภัยแล้ง
การลงทุนในช่วงที่ดัชนีขึ้นมาสูงและขาดปัจจัยหนุนใหม่ๆ กลุ่มที่น่าจะยืนได้หรือลงน้อยกว่าตลาด ยังคงเป็น โรงพยาบาล ที่โยงกับการท่องเที่ยว นาโนไฟแนนซ์ ชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ อสังหาริมทรัพย์บางตัว (สร้างบ้านและรับเหมา) และหุ้นเล็กที่กำไรใน Q4/15 ออกมาดีกว่าคาด ส่วนกลุ่มหลักๆ ทั้ง พลังงาน ปิโตรเคมี สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ค้าปลีก วัสดุก่อสร้างใหญ่ น่าจะเริ่มอืดๆ
ทิศทางดัชนี SET ในอาทิตย์นี้ ยังมีโอกาสที่จะขึ้นไปทดสอบ 1400+/- จุด แต่จะเกิดในช่วงสั้นๆ แล้วปรับตัวลง หรือ ลงเลยจากระดับปัจจุบัน ขึ้นอยู่กับแรงซื้อ/ขายของนักลงทุนต่างชาติ ราคาน้ำมันและดัชนีตลาดหุ้นในสหรัฐ ไม่ว่าจะขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1400 จุด ได้หรือไม่ สภาพการลงทุนในตอนนี้ถือว่าเสี่ยงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามวันนี้เราคาดว่ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร (ADVANC DTAC INTUCH JAS JASIF) หลัง JAS ไม่มาจ่ายเงินเมื่อวานนี้ ทำให้ตลาดน่าจะมีการปรับมุมมองและผลกำไรของกลุ่มเพิ่มขึ้นหลังไม่มีผู้เล่นรายใหม่เข้าตลาด โดยเราให้ ADVANC เป็น top pick ของการฟื้นตัวในรอบนี้ทั้งในด้านของ upside และอัตราเงินปันผลที่สูง 6% โดยเราให้ราคาเป้าหมายกรณี best case ไว้ที่ 209 บาท (upside 18%) วันนี้เราให้แนวรับที่ 1385-1390 และแนวต้านที่ 1400-1407 จุด
Analysts :
Kiatkong Decho +662 657-9236 [email protected]
บล.ซีไอเอ็มบี : Trend Spotter(PM)
Morning Market Summary…
SET ช่วงเช้าปิดที่ 1,396.54 จุด เพิ่มขึ้น 2.91 จุด (+0.21%) มูลค่าการซื้อขาย 29,855.39 ล้านบาท หุ้นไทยเช้านี้เปิดดีดขึ้น โดยมีแรงหนุนจากกลุ่มสื่อสารเป็นหลัก หลัง JAS ไม่ชำระเงินค่าประมูล 4G เมื่อวานนี้ ขณะที่แรงขายทำกำไรกดดัชนี SET ไม่สามารถยืนเหนือ 1400 จุดได้ ด้านตลาดภูมิภาคแกว่งบวก-ลบ โดยการนำของตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังเงินเยนอ่อนค่า นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น
Afternoon Perspective…
แนวโน้มตลาดบ่าย คาดแกว่งขึ้นในกรอบ โดยมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 1400 จุดอีกครั้ง หลังเช้านี้ SET ดีดขึ้นแรง จากแรงหนุนของกลุ่มสื่อสารที่ได้รับผลบวก หลัง JAS ไม่สามารถชำระเงินค่าประมูล 4G ขณะที่แรงขายในชั่วโมงซื้อขายน่าจะเป็นการปรับฐานในช่วงสั้น มองโครงการประชารัฐ และมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ น่าจะส่งผลต่อกลุ่มอสังหาฯ โรงแรม และท่องเที่ยว บ่ายมองแนวต้าน 1400-1410 จุด แนวรับ 1394 และ 1385 จุด
Fundamental Picks & Technic (PM) ...
SVI (SVI TB; THB 5.35) - ซื้อ
Wiik & Hoeglund (WIIK TB; THB 3.06) - ซื้อ
Analysts :
Teerawut Kanniphakul +66(2) 657 9233 - [email protected]/ [email protected]