- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 21 March 2016 18:06
- Hits: 1022
บล.ยูโอบีเคย์เฮียน : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : แกว่งกรอบ 1360-1400
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มจะเเกว่งในกรอบ 1360-1400 โดยขาดปัจจัยใหม่ๆมาสนับสนุน แต่แรงซื้อของต่างชาติยังคงช่วยพยุงตลาด หลังเฟดประกาศชะลอการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วสัปดาห์ก่อน แนะนำติดตามความคืบหน้าประเด็นการจ่ายค่าใบประมูลของ JAS ซึ่งจะมีผลต่อกลุ่มสื่อสารทั้งกลุ่มในสัปดาห์นี้ และแนะนำทยอยซื้อเมื่อดัชนีตํ่ากว่า 1380 จุดเท่านั้น เพื่อขายเมื่อดัชนีใกล้ 1400 เนื่องจาก upside ของ SET Index มีจำกัดแล้ว
แนวรับ/แนวต้าน : 1370/1400 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%
กลยุทธ์ : ทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ขึ้นมามากแล้ว เช่น กลุ่มแบงก์และสื่อสาร เก็บสะสมหุ้นปันผลสูงในกลุ่มพลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว
1) DRT (5.20) : แผนขยายธุรกิจไปยังประเทศลาวและพม่าจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศขึ้นเป็น 18% และ 20% ในปี 59 และ 60 ตามลำดับซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากในประเทศที่ลดลงนอกจากนี้ การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดของ DRT จะช่วยทำให้ margin อยู่ในระดับเดิมแม้ยอดขายลดลง อีกทั้ง DRT ยังมี dividend yield ที่สูงถึง 7% ในปี 59
2) THCOM (35) : เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 59 หนุนจากการรับรู้รายได้จากดาวเทียม Thaicom 7 ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าลงและการเปิดให้บริการดาวเทียม Thaicom 8 นอกจากนี้ เราคาดว่า dividend yield ในปี 59 จะอยู่ที่ 6.2%
3) PS (34) : บริษัทฯ จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นด้านอสังหาฯ ของรัฐบาลและความต้องการด้านอสังหาฯ ที่เกิดขึ้นจริงเนื่องจากเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ที่สุดในกลุ่มโครงการแนวราบ นอกจากนี้ยอดจอง (พรีเซล) ของ PS อยู่ในระดับสูงและมี dividend yield สูงถึง 4.6%
4) CPF (30) : เราคาดว่ากำไรหลักจะฟื้นตัวขึ้นแข็งแกร่งจาก 1,200 ล้านบาทในปี 58 มาอยู่ที่ 6,000 ล้านบาทในปี 59 ด้วยปัจจัยหนุนจากสภาวะเศรษฐกิจและความต้องการที่ดีขึ้น, ผลผลิตไก่และหมูที่ลดลงซึ่งจะช่วยทำให้ราคาขายสูงขึ้น, ธุรกิจกุ้งและโรงงานผลิตไก่ที่ประเทศตุรกีที่ฟื้นตัวขึ้นหลังประสบผลขาดทุนในปี 58 และกำไรพิเศษ 1,500 ล้านบาทจากบริษัทไก่ในรัสเซียคือ S&W ที่ทาง CPF เข้าซื้อกิจการในเดือน ธ.ค.58 นอกจากนี้ เราคาดว่า dividend yield ในปี 59 จะอยู่ที่ 4%
5) SCC (630) : ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของกลุ่มเคมีภัณฑ์จะช่วยหนุน bottom-line จนถึงปี 61 เป็นอย่างน้อยหนุนจากซัพพลายที่ตึงตัว (ซัพพลายเพิ่มขึ้นแต่ความต้องการเพิ่มขึ้นมากกว่า) นอกจากนี้ Chandra Asri cracker ซึ่งเป็ นโรงผลิตด้านเคมีภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียที่ SCC ถือหุ้นอยู่ 30% จะเสร็จสิ้นขั้นตอน debottlenecking ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิต cracker ขึ้น 43% อยู่ที่ 1.3 ล้าน tpa ประกอบกับความต้องการซีเมนต์ที่มากขึ้นในภูมิภาคและโรงผลิตซีเมนต์ใหม่ที่ประเทศกัมพูชาและอินโดนีเซียจะช่วยเพิ่มกำไรหลักในปี 59 ขึ้น 17% และเราคาดว่า dividend yield ในปี 58 จะอยู่ที่ 4%
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
ปัจจัยภายในประเทศ
+ ค่ายรถส่งรถใหม่กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค งานมอเตอร์โชว์ กลุ่มยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมหวังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมผ่านยอดจอง 4 หมื่นคัน ด้านผู้จัดมองตัวเลขเฉียด 5 หมื่นคัน ด้านแคมเปญปีนี้ไม่เด่น เหตุค่ายรถเปิดข้อเสนอล่วงหน้า
+ จับตา "แจส" ชำระเงินประมูล 4จี งวดแรก พร้อมแบงก์การันตีวันนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวทั้ง "จ่าย" และ "ทิ้ง" ด้าน กสทช. จัดสถานที่รับเงินถึงเวลา 16.30 น. จ่อเปิดประชุมบอร์ดรับรอง ก่อนออกใบอนุญาตวันที่ 15 เม.ย. "ฐากร" เผยผู้บริหารแจสแจ้งไม่เป็นทางการแล้วยัน "จ่าย" ขณะนักวิเคราะห์ประเมิน หาก "แจส" ลงสนามอาจไม่ง่าย เหตุลูกค้าเริ่มเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว
+ คลังเตรียมชง ครม.อนุมัติโครงการช้อป ช่วยชาติ ล็อต 2 นำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีในช่วง 2 สัปดาห์ของเทศกาลสงกรานต์ หวังกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ หลังโครงการช้อปช่วยชาติ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ดันยอดภาษีมูลค่าเพิ่มได้เท่าตัวของภาษีที่ขอหักลดหย่อน เล็งออกมาตรการต่อเนื่องช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยขณะประเมินจีดีพีปีนี้อาจตํ่ากว่าคาดการณ์ แต่เชื่อยังเกิน 3%
+ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิ ดเผยว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ลงมติเห็นชอบให้ไทยลดภาษีศุลกากร ภายใต้ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA Expansion) ซึ่งเป็น ความตกลงฉบับใหม่ที่ขยายขอบเขตการลดภาษีภายใต้กรอบความร่วมมือองค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) โดยไทยจะลดภาษีสินค้า ไอทีจำนวน 524 รายการ เป็น 0% แต่จะมีระยะ เวลาในการลดภาษีแตกต่างกัน และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ก.ค. 2559 คาดช่วยดันเศรษฐกิจไทยโต 0.66%
ปัจจัยต่างประเทศ
+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,602.30 จุด เพิ่มขึ้น 120.81 จุด หรือ +0.69%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิ ดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับมติคงดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
- ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,189.64 จุด ลดลง 11.48 จุด หรือ -0.19%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิ ดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนปรับโพสิชั่นหลังตลาดปิ ดบวกติดต่อกัน 2 วัน
- ดัชนีนิกเกอิปิดร่วงลง 211.57 จุด หรือ 1.25% แตะที่ 16,724.81 จุด
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิ ดร่วงลงในวันนี้ ทำสถิติปิดตลาดปรับตัวลงติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มส่งออกร่วงลง
+ สัญญาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน เม.ย.ปิ ดเมื่อวันศุกร์ (18 มี.ค.) ปรับตัวลง 76 เซนต์ หรือ 1.89% แตะระดับที่ 39.44 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น
นักวิเคราะห ์ : ยศพณ แสงนิล , CFA Email : [email protected] Tel: 02 659 8154