WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ASIAwealthบล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook

 

จับตาการตัดสินใจของบรรดาธนาคารกลาง
 คาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบทิศทางเป็นลบได้ ด้วยนักลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในความระมัดระวัง ก่อนถ้อยแถลงของบรรดาธนาคารกลางสำคัญของโลก โดยเฉพาะ BOJ ในวันนี้ และ Fed ในวันพรุ่งนี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะลงความเห็นกันว่า BOJ และ Fed จะยังคงนโยบายเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่นักลงทุนก็อยากรู้ว่าก้าวต่อไปจะเป็นอย่างไรโดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย หุ้นพลังงานจะถูกกดดันอีก หลังราคาน้ำมันร่วงแรง ปัจจัยภายในประเทศที่สำคัญคือความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่พุ่งขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน จากนโยบายลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ชัดเจนขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกอย่างยิ่ง แต่คงไม่อาจต้านมุมมองลบ/ระมัดระวังจากปัจจัยตลาดโลกโดยรวมได้

หุ้นเด่นวันนี้ : CENTEL (ราคาปิด 42.25 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมายปี 59 AWS 47.00 บาท)
 ผลประกอบการของ บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า ในไตรมาส 1/59 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องสนับสนุนโดยตัวเลขอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือน ม.ค อยู่ที่ 84.4% และ ก.พ. อยู่ที่ 89% ขณะที่ในเดือน มี.ค. ยังมีสัญญาณเชิงบวก ทำให้คาดว่าบริษัทน่าจะสามารถรักษาระดับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยได้ดีกว่าไตรมาส 1/58 ซึ่งอยู่ที่ 85% นอกจากนี้ การกลับมาของกลุ่มไมซ์ (กลุ่มคนเดินทางเพื่อร่วมประชุม, นิทรรศการ หรือได้รางวัลจากบริษัท) จะยิ่งช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักในเขตกรุงเทพและรายได้จากการให้บริการ F&B สำหรับธุรกิจอาหาร แม้ว่าอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเป็นบวกในเดือน ม.ค. กลับติดลบในเดือน ก.พ. แต่ความสามารถทำกำไรของธุรกิจอาหารมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากการที่บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและประสิทธิภาพการดำเนินงาน สำหรับปัจจัยผลักดันผลประกอบการในปีนี้จะอยู่ที่การปรับเพิ่มขึ้นของค่าห้องพักเฉลี่ย (ARR), โดยหลักจากโรงแรมที่มัลดีลฟ์หลังทำการปรับปรุงห้องในปีก่อน, การเข้าบริหารโรงแรมตามสัญญาว่าจ้างซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8-10 แห่ง และการขยายสาขาร้านอาหารเพิ่มเติมอีก 30 แห่งในปีนี้ เราประมาณการกำไรจากการดำเนินงานเติบโตได้ 19% ในปี 59 และ 7% ในปี 60 สำหรับรูปแบบราคาของ CENTEL ขณะนี้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยเกิดสัญญาณซื้อทั้งรายวัน รายสัปดาห์และรายเดือน และกำลังปรับตัวขึ้นไปเพื่อทดสอบเป้าหมายที่ 43.50 บาท จุด Stop Loss อยู่ที่ 38.25 บาท (แนวต้าน: 42.75, 43.50, 44.50; แนวรับ: 42.00, 41.25, 40.25)

ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :

     เร่งผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว. คมนาคม ได้สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนถึงโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล 20 โครงการ มูลค่า 1.8 ล้านล้านบาท ว่าจะยังคงดำเนินต่อไปภายใต้มาตรการของ คสช. ล่าสุดที่อนุญาตให้หน่วยงานราชการสามารถใช้ช่องทางด่วนพิเศษเตรียมโครงการรัฐในระหว่างขั้นตอนประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) (Bangkok Post)
สภาอุตฯ เร่งผลักดันการค้าชายแดน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวเตือนรัฐบาลถึงการจัดตั้งศูนย์การแสดงสินค้าในประเทศเพื่อนบ้าน รวมประเทศใน CLMV และมาเลเซียเพื่อสนับสนุนการค้าชายแดนและเป็นช่องทางรวมตลาดของภูมิภาคหลังจากที่ได้เข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วอย่างเป็นทางการ (Bangkok Post)
      หนี้สาธารณะลดลงในเดือน ม.ค. ตามรายงานของสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ในเดือน ม.ค. หนี้สาธารณะลดลง 2.43 หมื่นลบ. จากเดือน ธ.ค.58 ทำให้มูลค่าหนี้รวมของประเทศอยู่ที่ 5.98 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็น 44.05% ของจีดีพี แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล 4.39 ล้านล้านบาท, หนี้ของรัฐวิสาหกิจ 1.04 ล้านล้านบาท, หนี้พันธบัตรของรัฐวิสาหกิจอยู่ที่ 5.31 แสนลบ. และเป็นหนี้จากหน่วยงานอื่นของรัฐบาลอีก 1.75 หมื่นลบ. (Bangkok Post)
ธปท. บรรลุข้อตกลงกับบีเอ็นเอ็ม ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือทวิภาคีภายใต้กรอบคุณสมบัติของธนาคารอาเซียนกับธนาคารกลางมาเลเซีย (บีเอ็นเอ็ม) ข้อตกลงดังกล่าวได้อนุญาตให้ธนาคารท้องถิ่นของทั้งสองประเทศที่มีคุณสมบัติครบตามกรอบข้อตกลงสามารถดำเนินงานในประเทศเพื่อนบ้านได้และจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับธนาคารท้องถิ่น (Bangkok Post)
      ความเชื่อมั่นผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือน สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (Fetco) ได้ประเมินดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือถึงเดือน พ.ค.นี้สำรวจจากรายย่อย สถาบันในประเทศและต่างประเทศ พบว่าพุ่งขึ้น 31.15% สู่ 94.30 จากเดือนที่แล้วที่ 71.9 ความเชื่อมั่นผู้ลงทุนนี้เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบห้าเดือนจากนโยบายโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่ชัดเจนมากขึ้นและมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยตัวเลขต่ำกว่า 80 คือขาลง 80-120 คือกลางๆ และเกิน 120 คือขาขึ้น (Bangkok Post)
      ADVANC (172.50 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 199 บาท) ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อคัดค้านมติ กทค. ที่ไม่อนุมัติให้ขยายมาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการด้วยการใช้ช่วงคลื่นความถี่ชุดที่ 1 โดยจากมติดังกล่าว ADVANC ต้องหยุดให้บริการบนคลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ตั้งแต่ 00.00.01น. ของวันที่ 16 มี.ค.เป็นต้นไป (SET) ความเห็น: ดูท่า ADVANC ต้องการให้ขยายช่วงมาตรการคุ้มครองไม่เช่นนั้นแล้วก็เลือกที่จะสละลูกค้า 2G ทั้ง 4 แสนรายไปเลย เราเห็นว่าศาลไม่น่าพิจารณาเคสนี้ทันภายในเวลาเหลือเพียงแค่วันเดียวและน่าจะเกิดเหตุการณ์ซิมดับ เราเห็นว่า ADVANC น่าจะเล็งเห็นตรงประโยชน์จากการนี้เนื่องจากไม่ต้องมีค่าดำเนินการเกิดขึ้นและขณะที่รายได้จาก 4 แสนรายนี้ก็น่าจะไม่มาก ทั้งนี้ ADVANC ได้เตรียมย้ายลูกค้า 2G ส่วนใหญ่ 8 ล้านเลขหมายไปเครือข่ายของ DTAC พร้อมแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่ารายได้ส่วนหลักนี้จะยังอยู่
      NOK (7.00 บ.) จะยกเลิกเที่ยวบิน 60 เที่ยวต่อวันจนถึงเดือน เม.ษ. เนื่องจากสายการบินยังไม่สามารถหานักบินได้พอเพียงที่จะบินได้ครบตามตาราง (Bangkok Post)
ต่างประเทศ

      เน้นไปที่ผลการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศ นักลงทุนหันมาให้ความสนใจต่อการประชุมนโยบายในสัปดาห์นี้ของธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางอังกฤษ การประชุมจะมีขึ้นหลังจากที่สัปดาห์ก่อนธนาคารกลางยุโรปได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพิ่มวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร และออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับธนาคารต่าง ๆ (Reuters)
      อาจจะมีการลงนามในข้อตกลงที่จะระงับการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย. ยกเว้นอิหร่าน ซึ่งมีสิทธิที่จะเพิ่มกำลังการผลิตหลังจากถูกคว่ำบาตรระงับการผลิตน้ำมันมาหลายปี จากคำกล่าวของนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเมื่อวันจันทร์หลังจากการเจรจาที่กรุงเตหะราน ข้อตกลงขั้นสุดท้ายในการระงับการผลิตเพิ่อพยุงราคาน้ำมันซึ่งได้ร่วงลง 65% นับแต่อยู่ระดับสูงสุดในเดือนมิ.ย. 57 เนื่องจากภาวะน้ำมันล้นตลาดจะได้เห็นในเดือนหน้า (Reuters)
      ราคาพันธบัตรสหรัฐขยับขึ้นเมื่อวันจันทร์ กำลังฟื้นตัวหลังจากการเทขายอย่างหนักในสัปดาห์ก่อนเนื่องจากนักลงทุนพยายามที่จะกลับเข้าสู่สถานะปกติก่อนการประชุมเฟด ในช่วงกลางของการซื้อขายในช่วงเช้า ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 6/32 และให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.955% ลดลงจาก 1.993% เมื่อวันศุกร์ (Reuters)
      ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อวันจันทร์ มีการซื้อขายหนาแน่น และแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินยูโรและเงินสกุลอื่น ๆ ของยุโรปเนื่องจากนักลงทุนติดตามสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นและรอผลการประชุมธนาคารกลางของหลายประเทศในสัปดาห์นี้ (Reuters)
สหรัฐ :

      ตลาดหุ้นสหรัฐปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคชดเชยหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามการร่วงลงของราคาน้ำมันที่มากถึง 4% และนักลงทุนได้พักชั่วคราวก่อนการประชุมนโยบายของเฟดซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าเฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้แต่นักลงทุนจะรอฟังความเห็นของเฟดต่อเศรษฐกิจและมองหาเบาะแสเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งถัดไป (Reuters)
อัตราเงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนก่อนจากเดิมที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจจะช่วยให้เฟดตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนถัด ๆ ไป ผลการสำรวจผู้บริโภคของเฟดในรัฐนิวยอร์คพบว่ามีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในเวลา 1 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.71% ในเดือนก.พ. เทียบกับเดือนม.ค. ที่ 2.42% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่เริ่มทำการสำรวจในกลางปี 56 ส่วนประมาณการเฉลี่ยของอัตราเงินเฟ้อในอีก 3 ปีข้างหน้าขยับขึ้นอยู่ที่ 2.62% ในเดือนก่อน จาก 2.45% (Reuters)
ยุโรป :

      ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันจันทร์ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยหุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้นจากมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้แรงหนุนจากราคาทองแดงที่มีเสถียรภาพมากขึ้น (Reuters)
เอเชีย :

     ตลาดคาดหวังการคงดอกเบี้ยนโยบายของ BOJ ไว้เช่นเดิมสำหรับการประชุมในวันนี้ หลังจากที่ผู้ว่า BOJ กล่าวว่าอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการใช้ดอกเบี้ยติดลบ ขณะที่การผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมน่าจะมาจากการเพิ่มวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ (Reuters)
    หุ้นจีนขึ้นแรงวันจันทร์ นำโดยหุ้นขนาดเล็ก หนุนโดยทางการที่ยืนยันว่ายังเร็วไปที่จะพิจารณาถอนเงินกองทุนช่วยเหลือของรัฐบาล ช่วยลดความกังวลของหุ้น IPO ที่กำลังเตรียมออกซื้อขายจำนวนมาก (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :

     น้ำมันร่วงถึง 4% วันจันทร์หลังจากความกังวลว่าราคาที่ฟื้น 6 สัปดาห์จะเกินพื้นฐานไปแล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐยังคงพอกพูนขึ้นและอิหร่านไม่ค่อยสนใจที่จะหั่นกำลังการผลิต น้ำมันดิบสหรัฐลง 1.65 ดอลลาร์หรือ -4.3% สู่ 38.85 ดอลลาร์สหรัฐ โดยได้เคยแตะจุดสูงสุดรอบ 3 เดือนที่ 39.02 ดอลลาร์ในวันศุกร์ พุ่งขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 12 ปีที่ 26.05 ดอลลาร์ น้ำมัน Brent ปรับลง 1.20 ดอลลาร์หรือ -2.9% ปิดที่ 39.19 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ราคาอ้างอิงน้ำมันโลกลดลงสู่จุดต่ำสุดตั้งแต่ปี 46 ที่ 27.10 ดอลลาร์ในช่วงปลายเดือน ม.ค. (Reuters)
     ราคาทองคงที่วันจันทร์ การปรับขึ้นก่อนหน้าถูกหักล้างไปเนื่องจากตลาดหุ้นและดอลลาร์ปรับตัวขึ้นโดยยังรอดูท่าทีการประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐและญี่ปุ่นสัปดาห์นี้ ราคาทองคำตลาดจรปรับเล็กน้อยเป็น 1,248.66 ดอลลาร์ จากที่เคยขึ้นไปแตะ 1,260.71 ดอลลาร์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ เม.ย.ลดลง 9.60 ดอลลาร์ ปิด 1,249.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
      โลหะพื้นฐานร่วงลงวันจันทร์ ผลักดันโดยดอลลาร์ที่แข็งค่าและข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีนอ่อนแอ อลูมิเนียม 3 เดือนในตลาด LME ปิดลบ 1.2% อยู่ที่ 1,542.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันหลังแตะ 1,536 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนแอสุดนับแต่ 19 ก.พ. ทองแดง LME ลง 0.5% เหลือ 4,946 ดอลลาร์ต่อตันหลังไปแตะจุดสูงสุดรอบสี่เดือนที่ 5,059 ดอลลาร์ใน 4 มี.ค. และบวกไป 1.6% ในการซื้อขายช่วงวันก่อน (Reuters)

Thailand Research Department
  Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
  Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
  Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
  Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
  Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!