- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 March 2016 18:49
- Hits: 1035
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,400 จุด? คาดมีโอกาสเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจากผลการประชุม ECB เมื่อ 10/3/59 มีการขยายวงเงินซื้อคืนพันธบัตร จาก 60,000 ล้านยูโร/เดือน เป็น 80,000 ล้านยูโร/เดือน และปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก ติดลบ 0.3% เป็น 0.4% ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 36 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
นอกจากนี้ตลาดยังอยู่ระหว่างจับตาการประชุมของ BOJ ในวันที่ 14-15 มี.ค. 59 และการประชุมเฟดในวันที่ 15-16 มี.ค. 59
ส่วนทางด้าน Fund Flow ยังเป็นแรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่อง ล่าสุดอีก 1,382 ล้านบาท และทำให้ YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 8,227 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วง 1-11 มี.ค. 59 มีแรงซื้อต่างชาติสูงถึง 15,702 ล้านบาท
แนะติดตามหุ้นในกลุ่ม Big Cap ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ เช่น PTT, SCC, ADVANC, AOT เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา (1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี วงเงิน 110,116 ล้านบาท ที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง 1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์ - ชุมพร วงเงิน ประมาณ 24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และ UNIQ
(2) กลุ่มการบิน ที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกติ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ และช่วง High Season ของการท่องเที่ยว คาดส่งผลดีต่อ BA, AAV
(3) กลุ่มพลังงาน ระยะสั้น PTT และ PTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น แต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่น เช่น IRPC, TOP และ SPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และ TPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า 1H/59
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศ DJIA +218.18, NASDAQ +86.31, S&P +32.62, FTSE +103.09, CAC +142.44 และ DAX +332.98
โดยตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงได้รับปัจจัยบวก จากผลการประชุม ECB ที่ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของทั้ง (1) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ถึงมีค.’60 ประกอบกับการที่ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นยังคงส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
นอกจากนี้ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงตอบรับตัวเลขคำสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นในเดือน ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 15% จากเดือนก่อน และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์
ราคาน้ำมันดิบ (NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$0.85 อยู่ที่ US$ 38.69ต่อบาร์เรล หลังมี IEA ระบุว่าราคาน้ำมันดิบอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากปริมาณการผลิตของสหรัฐฯและกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มลดลง
ราคาทองคำ (COMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$13.4 อยู่ที่ US$ 1,259.40 ต่อออนซ์ จากแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ECB ประกอบกับการที่ทั้ง ECB และญี่ปุ่นใช้มาตรการดอกเบี้ยติดลบ
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.44 1.82 3.34
ที่มา : www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย (ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 49,374.08
สถาบัน -152.71
บัญชีหลักทรัพย์ +1,382.28
ต่างประเทศ +143.38
ในประเทศ -1,372.95
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และ AOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น และเข้าสู่ช่วง High season ใน 4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่อง จากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร 3 โครงการวงเงิน 93,000 ล้านบาท ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี +0.05 อยู่ที่ 1.98% (ระดับสูงสุด 3.77% เมื่อ กพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง (VIX) -1.55 อยู่ที่ 16.50
หุ้นแนะนำ : IRPC
นักวิเคราะห์ : ศักดิ์นรินทร์ ศศานนท์ โทร.02-684-8789