- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 March 2016 18:45
- Hits: 471
บล.เอเชีย เวลท์ : Daily Market Outlook
เข้าใจความเคลื่อนไหวของอีซีบีมากขึ้น
คาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นในตลาดโลกหลังมาตรการผ่อนคลายล่าสุดของอีซีบีถูกมองว่าเป็นผลในทางบวกมากกว่าตอนที่รับรู้การประกาศมาตรการในครั้งแรก ในสัปดาห์นี้ความสนใจกลับมาที่การพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธขณะที่ความคิดเห็นของนักวิเคราะห์มองว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงของโลกจะยังได้รับความสนใจจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของจีนที่ประกาศออกมาจะยังอ่อนแอต่อเนื่อง ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ไม่ได้มีผลบวกลบต่อตลาดโดยตรงในระยะสั้น แต่จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจในระยะยาว อาทิ การที่รัฐบาลมุ่งให้อิหร่านเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญและการเพิ่มสินเชื่อที่จะสนับสนุนเอสเอ็มอี
หุ้นเด่นวันนี้ : GPSC (ราคาปิด 22.80 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 31.00 บาท)
เราเลือก บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ เป็นหุ้นเด่นในวันนี้เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรสูงในระยะยาวที่ยังสามารถให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่จูงใจในระดับราคาหุ้นปัจจุบัน โดย GPSC ตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้เฉลี่ยราว 16% ต่อปีสู่ระดับ 2,850 เมกะวัตต์ในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ จากระดับ 1,338 เมกะวัตต์ที่ผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อยู่ในปัจจุบัน และ 1,917 เมกะวัตต์ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวเรียบร้อยแล้ว ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งหลังจากการทำ IPO เมื่อปีที่แล้วเชื่อว่าจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ ยังได้รับผลบวกจากต้นทุนราคาก๊าซฯ ที่ปรับตัวลดลงเนื่องจากกว่า 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมดในปัจจุบันเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ จากประมาณการกำไรของ Bloomberg consensus คาดว่าจะเห็น EPS ปีนี้เติบโตเล็กน้อย 2.6% YoY
ก่อนจะเร่งการเติบโตเป็น 21% YoY ในปีหน้า และต่อเนื่องอีก 47% YoY ในปี 2561 จากการทยอยผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้าในมือ นอกจากการเติบโตดังกล่าวแล้วยังสามารถให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลยังน่าสนใจที่ระดับราว 4.0% ต่อปี ที่ระดับราคาปัจจุบัน ในส่วนของ Price Pattern ของ GPSC มีความแข็งแกร่งจากการเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal และแนวโน้มการเกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่หากสามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 24.20 บาท ณ สิ้นเดือนนี้ เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ GPSC คาดว่าการปรับตัวขึ้นของ GPSC มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ 26.25 บาท ซึ่งหาก Price Pattern ของ GPSC สามารถปิดตลาดเหนือ 26.25 บาท นี่จะเป็นการบ่งบอกถึงการทำ New High ครั้งใหม่ของ GPSC โดยมีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 27.75 บาท และมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 29.25 บาท โดยมีจุด Stop Loss ในรอบนี้อยู่ที่ 24.30 บาท (แนวต้าน: 26.25, 26.75, 27.50; แนวรับ: 25.75, 25.25, 24.30)
ปัจจัยสำคัญ
ประเด็นในประเทศ :
มุ่งเป้าอิหร่านเป็นตลาดส่งออกสำคัญ หลังจากที่ล่าสุดได้มีการพูดคุยกัย รมว.ต่างประเทศของอิหร่านที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลไทยสนใจที่จะมุ่งให้ประเทศอิหร่านเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติต่อประเทศอิหร่าน เช่นเดียวกับความร่วมมือระหว่างไทยและอิหร่านในเรื่องการค้า การลงทุน พลังงานและการขนส่ง (Bangkok Post)
หนุนสินเชื่อแก่เอสเอ็มอี ธนาคารเพื่อการส่งออกนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงค์) เตรียมเสนอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำมูลค่ารวม 1.6 พันลบ. แก่เอสเอ็มอีที่จะลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ นางวรรธนา มงคลศรี รองกรรมการผู้จัดการธนาคารฯ ได้กล่าวว่าโครงการสินเชื่อดังกล่าวเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มมากขึ้น โดยธนาคารไม่ได้กำหนดเพดานสูงสุดที่จะปล่อยสินเชื่อแก่เอสอ็มอีต่อหนึ่งราย (Bangkok Post)
ผู้แทนการค้ายุโรปกระตุ้นความร่วมมือภาคเอกชนไทย-อียู ผู้แทนการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (EABC) ได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยร่วมมือกับบริษัทจากยุโรปมากขึ้นเพื่อขยายความสามารถในการแข่งขันของประเทศและพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพแก่ตลาดโลก ทั้งนี้ บางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์ และเวียดนามได้เซ็นสัญญาการค้าเสรี (FTAs) กับกลุ่มอียูแล้ว ในขณะที่ไทยยังไม่สามารถวางทิศทางการค้ากับกลุ่มอียูได้ (The Nation)
ADVANC (177 บาท, ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 199 บาท) ปฏิเสธข้องเสนอของ TRUE (8 บาท) ที่จะให้ใช้คลื่น 900 เมกะเฮิร์ตซ์ได้ฟรีแทนที่จะคิดค่าใช้ 450 ลบ.ต่อเดือนในการคงลูกค้า 2G ของ ADVANC จำนวน 4 แสนราย โดย ADVANC อ้างว่า กสทช.ไม่เป็นธรรมเนื่องจาก TRUE มีเวลาย้ายเครือข่ายถึงกว่า 2 ปีในขณะที่ ADVANC มีแค่ 5 เดือนสำหรับการย้ายลูกค้า โดย ADVANC ยังยืนยันที่จะใช้คลื่น 900 ล็อตแรกที่ JAS (3.70 บาท) ประมูลได้ (Bangkok Post) ความเห็น: ดูเหมือน ADVANC พร้อมจะสละลูกค้า2Gจำนวน 4 แสนราย หากไม่ได้ใช้คลื่นล็อตที่ JAS ประมูลชนะ ควรจับตาวันนี้ให้ดีว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะออกมาประกาศอะไรเนื่องจากซิมจะดับเที่ยงคืนที่จะถึงนี้
ต่างประเทศ
เฟดจะประกาศผลการประชุมในวันพุธนี้ ซึ่งส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม ตลาดจะรอถ้อยแถลงของเฟดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อไหร่และเท่าไหร่ในปีนี้ ส่วนมากคาดว่าเฟดจะยังคงมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังและมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในเดือนเม.ย. (Reuters)
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่มีกิจกรรมสำคัญสำหรับธนาคารกลางของหลายประเทศนอกเหนือจากธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางสวิส ธนาคารกลางนอร์เวย์ ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางอังกฤษจะมาพบกันในสัปดาห์นี้ เป็นที่คาดการณ์ส่วนใหญ่ว่าธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังคงอัตราดอกเบี้ย ส่วนธนาคารกลางนอร์เวย์จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ธนาคารกลางญี่ปุ่นอาจสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดโดยทำเช่นเดียวกับ ECB โดยเน้นการผ่อนคลายทางการเงินหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยติดลบได้ส่งผลกระทบรุนแรง (Reuters)
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐขยับขึ้นเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งพอที่จะรองรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและหลังจากที่ประธาน ECB ได้กล่าวว่าอาจไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลง 10/32 และให้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 1.979% เพิ่มขึ้นจาก 1.929% เมื่อวันพฤหัส (Reuters)
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นเมื่อวันศุกร์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นหลังจากการดำเนินการของ ECB ที่ไม่คาดฝัน เงินยูโรซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดในการคำนวณดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ลดลง 0.2% อยู่ที่ 1.1155 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 1.4% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ก่อน (Reuters)
สหรัฐ :
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ DJIA และ S&P500 ปิดเพิ่มขึ้นดีที่สุดในปี 59 เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินของ ECB และไม่สนใจต่อสัญญาณการหยุดลดอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น (Reuters)
ราคาสินค้านำเข้าสหรัฐลดลงในเดือนก.พ. ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ถูกถ่วงน้ำหนักลงจากต้นทุนที่ลดลงสำหรับเชื้อเพลิงปิโตรเลียมและสินค้าอื่น ๆ แต่ทิศทางของการลดลงเป็นไปอย่างช้า ๆ เนื่องจากการทะยานขึ้นของดอลลาร์สหรัฐแผ่วลงและราคาน้ำมันมีเสถียรภาพ ราคาสินค้านำเข้าสหรัฐลดลง 0.3% ในเดือนก่อนหลังจากที่ลดลง 1.0% ในเดือนม.ค. (ตัวเลขปรับปรุงแล้ว) ราคานำเข้าลดลง 18 ใน 20 เดือนที่ผ่านมา โดยลดลง 6.1% ในช่วง 12 เดือนนับถึงเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการลดลง YoY ที่น้อยที่สุดนับแต่เดือนธ.ค. 57 นักเศรษฐศาสตร์ได้ประมาณการว่าราคานำเข้าจะลดลง 0.6% ในเดือนก่อน (Reuters)
ยุโรป :
ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันศุกร์ปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาโลหะและราคาน้ำมัน ประกอบกับแรงหนุนอย่างต่อเนื่องจากการประกาศผ่อนคลายทางการเงินของ ECB เมื่อวันพฤหัสบดี (Reuters)
เอเชีย :
ข้อมูลเศรษฐกิจจีนในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. ที่ประกาศออกมาเมื่อวันเสาร์มีทั้งบวกและลบ แต่โดยรวมถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยยอดค้าปลีกขยายตัว 10.2% น้อยกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 10.8% ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 5.4% เทียบกับที่ตลาดคาดคาดว่าจะขยายตัว 5.6% อย่างไรก็ตามมูลค่าการลงทุนในเขตเมืองเพิ่มขึ้น 10.2% มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 9.5% (Reuters)
PBOC เผยขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องผ่อนคลายมาตรการทางการเงินไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่อ่อนแอของจีนจะบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ดังกล่าว ทั้งนี้ PBOC กล่าวว่าพร้อมที่จะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจรุนแรง (Reuters)
คำสั่งซื้อเครื่องจักรญี่ปุ่นสูงขึ้น 15.0% MoM ในเดือน ม.ค. มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.0% ทั้งนี้ตัวเลขข้อมูลดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดนำ (Leading indicator) ของการใช้จ่ายลงทุนในช่วง 6-9 เดือนข้างหน้า (Reuters)
สินค้าโภคภัณฑ์ :
น้ำมันดิบสหรัฐพุ่งเกือบ 2% และ Brent ยืนเหนือ 40 ดอลลาร์วันศุกร์ หลัง International Energy Agency ออกมาบอกว่าราคาน้ำมันน่าจะถึงจุดต่ำสุดเพราะการผลิตของสหรัฐและประเทศนอก OPEC อื่นๆ เริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐร่วงแตะจุดต่ำสุดนับแต่ปี 2483 Baker Hughes ระบุ น้ำมัน Brent ปรับขึ้น 34 เซนต์หรือ +0.9% ปิดที่ 40.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณที่รายสัปดาห์ขึ้นไปแล้ว 4% ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐบวก 85 เซนต์หรือ +2.3% สู่ 38.69 ดอลลาร์สหรัฐ รายสัปดาห์บวก 7% เป็นการปรับขึ้น 4 สัปดาห์ติด (Reuters)
ราคาทองร่วงกว่า 1% วันศุกร์ เพราะดอลลาร์กลับแข็งค่าและน้ำมันและหุ้นโลกบวก หลังทองแท่งให้บวกต่อเนื่องมาแตะจุดสูงสุด 13 เดือนในช่วงแรกของการซื้อขาย ตามที่ ECB ได้ประกาศจะผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น ราคาทองคำตลาดจรบวกไปถึง 1,282 ดอลลาร์สูงสุดนับแต่ 3 ก.พ. ก่อนที่จะร่วง 1% ปิด 1,259.01 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าส่งมอบ เม.ย.ลดลง 1.1% ปิด 1,259.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (Reuters)
Thailand Research Department
Mr. Warut Siwasariyanon (No.17923) Tel: 02 680 5041
Mr. Krit Suwanpibul (No.17968) Tel: 02 680 5090
Mr. Narudon Rusme, CFA (No.29737) Tel: 02 680 5056
Mr. Napat Siworapongpun (No.49234) Tel: 02 680 5094
Ms. Sukanya Leelarwerachai (No.68790) Tel: 02 680 5331