- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Monday, 14 March 2016 18:23
- Hits: 673
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
กลยุทธ์วันนี้ Test 1400
ตลาดหุ้นวานนี้:
ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ เปิดบวกและไต่ระดับขึ้นแกว่งเหนือ 1,390 จุด ด้วยหุ้นหลักกลุ่มธนาคารที่ยังไม่ขึ้นเครื่องหมาย XD รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT / AOT ภายใต้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างโดดเด่น อีกทั้งตลาดหุ้นยุโรปเปิดฟื้นตัว ส่งผลให้ SET INDEX ปิดบวก 14.35 จุด มาอยู่ที่ 1,393.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,374 ล้านบาท
เม็ดเงินทุนต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 เหลือเพียง 143 ล้านบาท กลับมา Short สุทธิใน SET50 Index Futures อีกครั้ง 1,207 สัญญา แต่คงการซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 5 หนาแน่นถึง 15,538 ล้านบาท
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น หลัง IEA ประเมินกำลังการผลิตนอกกลุ่มโอเปกจะลดง
- ยอดสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวนเดือนก.พ.ออกมาต่ำกว่าคาด
- เงินทุนต่างชาติเลือกเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยเป็นหลัก หลัง ECB เพิ่มมาตรการ
มุมมองต่อตลาด
เราคงมุมมองต่อการลงทุน "บวก" วันที่ 2 พร้อมให้น้ำหนักกับโอกาสที่ SET INDEX จะทดสอบและปิดเหนือ 1,400 จุด เนื่องจาก
- สภาพคล่องทางการเงินที่ล้นในระบบการเงินทั่วโลก นโยบายการเงินทั่วโลกยกเว้นเฟด - BoE จะเป็นการคงที่ถึงผ่อนคลายมากขึ้น
- แม้เงินทุนต่างชาติจะเลือกเข้าเก็งกำไรในตลาดตราสารหนี้ไทยช่วงสั้นนี้ แต่เราเชื่อว่าท้ายที่สุดต่างชาติจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นหลักที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง เป็นเป้าหมาย อย่างกลุ่มธนาคาร / อสังหาฯ
- การเร่งทำงาน / ผลักดัน โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มากขึ้น เราคาดว่าครม.จะพิจารณาโครงการรถไฟฟ้าสีเหลือง - ชมพู ในสัปดาห์นี้
- ทิศทางค่าเงินบาทมีแนวโน้มทรงตัวถึงแข็งค่า เป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดเม็ดเงินทุนต่างชาติ
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของตลาดหุ้นไทย ณ ปัจจุบันคือ ท่าทีการลงทุนของพอร์ตโบรกเกอร์เป็นสำคัญ เพราะ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิหนาแน่นที่สุด 15,327 ล้านบาท อีกทั้งเข้าใกล้ช่วงสิ้นเดือนมี.ค. หรือปิด 1Q59 อาจเกิดแรงขายทำกำไร แต่เชื่อว่า Downside risk ของ SET INDEX จะยังจำกัด ด้วยบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกทั่วโลก
เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX วันนี้ระหว่าง 1,388-1,410 จุด พร้อมมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นระดับ 5.0-6.0 หมื่นล้านบาท
กลยุทธ์การลงทุน
เราคงแนะนำให้ "นักลงทุน เข้าเก็งกำไรหุ้นหลัก / High Beta ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เพื่อล้อไปกับบรรยากาศการลงทุนที่เอื้อในช่วงนี้"
Accumulative Buy: TPIPL
Speculative Buy: BIG
Stock Pick of the Day
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. TPIPL : ราคาปิด 2.66 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET ประเมินว่า TPIPL เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมของ ECB ในสัปดาห์ที่ผ่านมา และดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ได้แก่ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 0%, ลดดอกเบี้ยเงินฝากลงเป็น -0.4% และเพิ่มวงเงิน QE เป็น เดือนละ 8 หมื่นล้านยูโร
b) เนื่องจากจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรในระยะกลางมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ดังนั้น TPIPL จึงมีโอกาสที่จะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จากหนี้เงินกู้ระยะยาวในสกุลเงินยูโรจำนวน 163 ล้านยูโร
c) การนำบริษัทลูก คือ TPIPP เข้าจดทะเบียน IPO จะเป็น Catalyst ในปีนี้ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่ม Market Cap ให้กับบริษัทแม่โดยตรง และสะท้อนมูลค่าของบริษัทลูกได้ชัดเจนขึ้น
d) คาดว่า TPIPP จะมีกำไรสุทธิราว 3.3 พันล้านบาท ในปี 2560 และหากอิง PE 15 เท่า ใกล้เคียงกับหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน จะได้มูลค่าตลาดของ TPIPP ที่ 4.95 หมื่นล้านบาท หรือเทียบเท่ามูลค่าต่อหุ้น TPIPL ที่ 2.45 บาท
e) ราคาปิด TPIPL วานนี้ที่ 2.66 บาท ยัง Undervalue มาก และเทียบเท่าว่าตลาดให้มูลค่าธุรกิจปูนซีเมนต์เพียง 0.21 บาท ทั้งที TPIPL เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ และซื้อขายที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.90 เท่า ต่ำกว่า SCC และ SCCC ที่ 2.4x และ 2.9x ตามลำดับ
และ "ซื้อเก็งกำไร" ได้แก่
2. BIG : ราคาปิด 1.96 บาท ราคาเหมาะสม 2.30 บาท
a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อ BIG ในฐานะผู้นำธุรกิจจัดจำหน่ายกล่องถ่ายรูปที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด จึงได้ประโยชน์โดยตรงจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
b) คาดผลประกอบการ 1Q59 จะเติบโตสูง +30-40% yoy เป็น 100 ล้านบาท หรือ มากกว่า จากการเกิด Economy of Scale และยอดขายกล้องถ่ายรูปประเภท Mirrorless ยังเติบโตสูง ซึ่งจะช่วยผลักดันกำไรสุทธิทุกไตรมาสในปี 2559 ให้ขยายตัว yoy
c) มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น หลังทิศทางกำไร 1Q59 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดการณ์เดิม โดย BIG จะจัดประชุมนักวิเคราะห์ในวันนี้
a) Valuation น่าสนใจ ซื้อขายระดับ PER2559 ที่ 14.5 เท่า และมี ROE สูงถึง 45.8% เทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 22.7 เท่า และหุ้นในกลุ่มสินค้า IT เช่น COM7 ที่ 19.2 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 12 อีก US$500 ล้าน ชะลอตัวจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$734 ล้าน
Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติยังคงชะลอตัวในตลาดหุ้นต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 ลดลงเหลือ 143 ล้านบาท รวม 8 วันทำการซื้อสุทธิ 15,847 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 8,227 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา short เล็กน้อย 1,207 สัญญา คาดเป็นการปิดสถานะ Long อีกครั้ง เมื่อ SET50 Index ยังไม่ผ่าน 900 จุด ขณะที่ S50H16 กลับมาปิดเหนือ SET50 Index อีกครั้ง 0.07bps จากวันก่อนหน้า Discount เพียง 0.06 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิกลับไปมากกว่า 120,000 สัญญาอีกครั้ง เท่ากับ 121,749 สัญญา
ขณะที่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 5 มากถึง 15,538 ล้านบาท รวม 5 วันทำการ ซื้อสุทธิ 48,140 ล้านบาท โดยที่ราคาพันธบัตรไทยปรับตัวลงแรง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นถึง 5.91bps จากวันก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 1.42bps ปิดที่ 1.968%
Short-Selling วานนี้
ลดลงเหลือ 866 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 1,088 ล้านบาท
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 9 ยังคงเน้นกลุ่มหลักธนาคารและพลังงานต่อเนื่อง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิเร่งขึ้นเป็น 2,932 ล้านบาทจากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,068 ล้านบาท รวม 9 วันทำการ ซื้อสุทธิ 26,711 ล้านบาท โดยยังคงเน้นกลุ่มพลังงานและธนาคารอย่างต่อเนื่อง สรุปภาพรวมผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มธนาคาร ซื้อสุทธิ สูงสุด 642 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 384 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มพลังงานซื้อสุทธิ 631 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 544 ล้านบาท กลุ่มขนส่ง ซื้อสุทธิ 410 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 249 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 211 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มไฟแนนซ์ถูกขายสุทธิสูงสุด แต่ก็เพียง 20 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
ไม่มี
ยุโรป
อังกฤษจะลดการใช้จ่ายภาครัฐต่อเนื่อง เพื่อรักษาแผนงบประมาณ: รมว.คลัง เตรียมประกาศแผนการลดการใช้จ่ายส่วนของสาธารณะลงอีกในสัปดาห์นี้ เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฎิรูปงบประมาณ ในระยะสั้น คาดหวังว่าจะเห็นเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ขณะที่แผนการลงประชามติของการออกจากกลุ่มอียู เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ
จีน
ธนาคารกลางจีนยืนยันนโยบายการเงินยืดหยุ่นมากกว่าอัดฉีด: ไม่ใช่การเร่งอัดฉีดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมาก แต่จะคงความยืดหยุ่น เพื่อรองรับกับความเสี่ยงเศรษฐกิจในประเทศ หรือ ต่างประเทศ
IMF เตรียมให้เงินหยวนเข้าในตะกร้าเงินเดือนต.ค.: โดยจะเริ่มกำหนดให้เงินหยวนเข้าเป็นเงินสกุลที่ใช้ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ เดือนต.ค. เนื่องจากปริมาณเงินหยวนที่อยู่นอกประเทศจีนมีความพร้อมที่จะให้ IMF พิจารณานำเข้าเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลต่อการสำรวจของ IMF ใน 4Q59
ยอดสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวนหดตัวลง: ยอดสินเชื่อรวม เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 7.802 แสนล้านหยวน ต่ำกว่า Bloomberg consensus จาก 1.84 ล้านล้านหยวน โดยสินเชื่อใหม่สกุลเงินหยวน เท่ากับ 7.226 แสนล้านหยวน ต่ำกว่าคาดที่ 1.20 ล้านล้านหยวน ส่วนปริมาณเงินในระบบ เพิ่มขึ้น 13.3% yoy ต่ำกว่าเดือนม.ค.ที่เพิ่มขึ้น 14.0% yoy และที่ตลาดคาด 13.7% yoy ทั้งนี้เป็นผลจากช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้ตัวเลขเหล่านี้ชะลอตัว
เอเชียแปซิฟิก
IMF เรียกร้องให้เอเชียเป็นแกนนำในการกระตุ้นเศรษฐกิจโลกมากขึ้น: เพราะเศรษฐกิจเอเชียสามารถผลักดันเศรษฐกิจโลกได้ 2 ใน 3 ในช่วง 4 ปีข้างหน้า ดังนั้นนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และใช้นโยบายการคลังที่กระตุ้นเศรษฐกิจจึงเป็นส่งจำเป็น การปรับโครงสร้าง / ปฎิรูป ในการกระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน, การเติบโต และการสร้างงาน เป็นสิ่งสำคัญ
อิหร่านอาจร่วมหารือกับกลุ่มโอเปก: หากกำลังการผลิตของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 4.0 ล้านบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ 2.93 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ควรจะเป็นคือ US$70/barrel
ไทย
ไม่มี
Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530