- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Friday, 11 March 2016 17:50
- Hits: 1105
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
ผันผวน? คาดมีโอกาสลดลงตามตลาดต่างประเทศหลังผลการประชุมECB วานนี้(10/3/59) เป็นไปตามความคาดหมายของตลาดทั้งการขยายวงเงินซื้อคืนพันธบัตรจาก60,000 ล้านยูโร/เดือนเป็น80,000 ล้านยูโร/เดือนและปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากติดลบ0.3% เป็น0.4% ทำให้ตลาดขายทำกำไร(Sell on Fact) ออกมาขณะที่ECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต
นอกจากนี้ยังได้รับปัจัจัยกดดันจากราคาน้ำมันหลังมีความเป็นไปได้ว่าการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและรัสเซีย(เพื่อจำกัดปริมาณผลิตและทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น) ในวันที่20/3/59 อาจยกเลิก
ส่วนทางด้านFund Flow ยังเป็นแรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่องล่าสุดอีกเกือบ210 ล้านบาทและทำให้YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น8,083 ล้านบาท
แนะติดตามหุ้นในกลุ่มBig Cap ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติเช่นPTT, SCC, ADVANC, AOT เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์- ชุมพรวงเงินประมาณ24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และUNIQ
(2) กลุ่มการบินที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและช่วงHigh Season ของการท่องเที่ยวคาดส่งผลดีต่อBA, AAV
(3) กลุ่มพลังงานระยะสั้น PTT และPTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, TOP และSPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และTPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า1H/59
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(-) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA -5.23, NASDAQ -12.22, S&P +0.31, FTSE -109.62, CAC -75.30 และDAX -224.94
ภายใต้การเคลื่อนไหวที่มีความผันผวนหลังช่วงแรกการซื้อขายตอบรับในเชิงบวกต่อผลการประชุมECB ที่ประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินครั้งใหญ่ของทั้ง(1) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้งอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร
สู่ระดับ0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์จากระดับ0.05% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับECB สู่ระดับ-0.4% จากเดิมที่-0.3% และ(2) เพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการQE สู่ระดับ8 หมื่นล้านยูโร/เดือนจากเดิมที่6 หมื่นล้านยูโร/เดือนถึงมีค.’60 อย่างไร
ก็ตามECB ส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในอนาคต ทำให้ตลาดกลับมาเคลื่อนไหวแดนลบ
ขณะเดียวกันยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงหลังเกิดความไม่แน่นอนว่าจะมีการประชุมของกลุ่มโอเปกและประเทศนอกกลุ่มซึ่งเดิมกำหนดในวันที่20/3/59 คาดมีโอกาสถูกยกเลิกเนื่องจากอิหร่านไม่ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมการประชุม
แม้สหรัฐฯเปิดเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานล่าสุด ลดลง 18,000 ราย อยู่ที่ 259,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่ต.ค.’58 และดีกว่าที่คาดว่าจะอยู่ที่275,000 ราย
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. -US$0.45 อยู่ที่US$ 37.84ต่อบาร์เรล หลังมีข่าวยกเลิกการประชุมกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 20/3/59 และยังได้รับปัจจัยกดดันจากการขายทำกำไรหลังสัญญาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันก่อน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.22 1.8 3.37
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 49,489.90
สถาบัน -778.44
บัญชีหลักทรัพย์ -639.67
ต่างประเทศ 210.26
ในประเทศ 1,207.85
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร3 โครงการวงเงิน93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.04 อยู่ที่1.93% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -0.29 อยู่ที่18.05
หุ้นแนะนำ: STEC
นักวิเคราะห์: จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788