WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

May copyบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

 

กลยุทธ์วันนี้ Sideways

ตลาดหุ้นวานนี้:
     ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เข้าสู่โหมดของการพักฐานอีกครั้ง ด้วยแรงขายทำกำไรในหุ้นหลักที่ขึ้นมาแรงในช่วงก่อน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ICT / ธนาคาร / พลังงาน / AOT ขณะที่กลุ่มรับเหมาก่อสร้างยังมีความโดดเด่นในแง่ของโอกาสผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐ SET INDEX ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,379.06 จุด ลบ 11.60 จุด มูลค่าการซื้อขาย 49,490 ล้านบาท
      เม็ดเงินทุนต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง ซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 ลดลงเหลือ 210 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 9,476 สัญญา และซื้อสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 4 มากถึง 12,300 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ECB ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากคาดทั้งลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย / ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ติดลบมากขึ้น และเพิ่มวงเงิน QE ต่อเดือน
การชำระเงินงวดแรก พร้อม Bank Guarantee ของ TRUE ต่อ กสทช. เช้าวันนี้

ปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า
- การประชุมธนาคารกลาง BoJ วันที่ 15 มี.ค. / FOMC วันที่ 16 มี.ค. / BoE วันที่ 17 มี.ค.
- สิ้นสุดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน วันที่ 17 มี.ค.
- การชี้แจงความคืบหน้าของ JAS ต่อกรณีใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900MHz วันที่ 17-18 มี.ค.

มุมมองต่อตลาด
เราปรับมุมมองการลงทุนกลับขึ้นเป็น "บวก" วันแรกในรอบ 10 วันทำการ จาก "กลาง" หลัง ECB ตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ผลกระทบที่ตามมาได้แก่
- ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราเร่ง แม้ว่าคืนวานนี้ค่าเงินยูโรจะกลับตัวเป็นการแข็งค่าก็ตาม เราคาดว่าจะเป็นการ Covered short เงินยูโรที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ แนวโน้มค่าเงินยูโรจะกลับมาเป็นการอ่อนค่าในที่สุด
- ผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศหลักของอียู จะมีแนวโน้มติดลบมากขึ้น
- การทำ Euro Carry Trade มีแนวโน้มากยิ่งขึ้น เพราะการผ่อนคลายลักษณะนี้ ส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายไปอีกไม่ต่ำกว่า 12 เดือนข้างหน้า
- กระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้น เพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดตราสารหนี้
- ทองคำกลายเป็น Safe haven ที่น่าสนใจมากกว่าพันธบัตร
- สร้างแรงกดดันต่อการประชุมเฟดในวันที่ 16 มี.ค. ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายทำได้ยากมากขึ้น เพราะจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แข็งค่ามากยิ่งขึ้น
ผลการประชุมของ ECB ครั้งนี้ ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง รวมถึงตลาดหุ้นไทย ประเมินว่าหุ้นหลัก / หุ้นปันผลเด่น จะขึ้นได้ดี รวมถึงบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกจะเอื้อต่อหุ้นขนาดกลาง รวมถึงกลุ่ม Domestic Play เช่นกัน
ขณะที่กลุ่ม ICT จะยังแกว่งตัวผันผวน ตามมุมมองของตลาดต่อท่าทีของ JAS ว่าจะเดินหน้าชำระเงินงวดแรกพร้อม Bank Guarantee ในใบอนุญาตคลื่นความถี่ 900MHz หรือไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาสนับสนุนแผนการลงทุนได้
เราประเมิน SET INDEX วันนี้จะแกว่งระหว่าง 1,370-1,390 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นระดับ 60,000 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยสำคัญ ยังคงอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางที่เหลืออย่าง BoJ / FOMC / BOE ระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค. แนวโน้มจะเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จนถึง การเพิ่มมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมของ BoJ / BoE ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติจะยังไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ต่อเนื่อง

กลยุทธ์การลงทุน
เราคงแนะนำให้ "นักลงทุน เข้าเก็งกำไรหุ้นหลัก / High Beta มากขึ้น เพื่อเก็งกำไรไปกับกระแสเงินทุนต่างชาติที่จะกลับมาไหลเข้าหนาแน่นอีกระลอก"

Accumulative Buy: ITD/ TPIPL

Stock Pick of the Day

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำ "ทยอยสะสม" ได้แก่
1. ITD : ราคาปิด 6.90 บาท ราคาเหมาะสม 12.00 บาท
a) MBKET คาดว่าหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะ Outperform ตลาดได้ต่อ จากการเกิด Sector Rotation เนื่องจากหุ้นกลุ่มหลักมี Upside ที่จำกัด ส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับสู่หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ Underperform ตลาดตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
b) เนื่องจากตลาดมีความมั่นใจมากขึ้น ว่าแผนลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐฯจะเดินหน้าได้ตามแผนงาน หลัง คสช. ประกาศใช้มาตรา 44 ในวันอังคารที่ผ่านมา เพื่อผลักดันโครงการด้านคมนาคมขนส่ง ให้ครม.สามารถอนุมัติให้เอกชนดำเนินการคู่ขนานไปได้ระหว่างที่รอผล EIA แต่จะยังไม่สามารถลงนามผูกพันในสัญญาได้
c) มี Catalyst รออยู่ โดยคาดว่าครม.จะมีการอนุมัติแผนลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองในสัปดาห์หน้า นอกจากนั้น เชื่อว่าโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท จะมีความคืบหน้า เช่น การออก TOR ในเดือน มี.ค.
d) ความคืบหน้าของโครงการเหมืองแร่โปรแตซที่ จ.อุดรธานี จะเป็นปัจจัยบวกสำคัญให้ ITD โดดเด่นกว่าหุ้นรับเหมาอื่นๆในกลุ่ม
a) ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ 7.00 บาท จึงเปรียบเสมือนได้ธุรกิจอื่นฟรี ได้แก่ เหมืองแร่โปรแตซ, โครงการทวายและทางด่วนที่บังกลาเทศคิดเป็นมูลค่ารวม 5.00 บาทต่อหุ้น
2. TPIPL : ราคาปิด 2.50 บาท ราคาเหมาะสม 3.40 บาท
a) MBKET ประเมินว่า TPIPL เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมของ ECB เมื่อคืนนี้และดีกว่าคาดการณ์ของตลาด ได้แก่ ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 0%, ลดดอกเบี้ยเงินฝากลงเป็น -0.4% และเพิ่มวงเงิน QE เป็น เดือนละ 8 หมื่นล้านยูโร
b) เนื่องจากจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรในระยะกลางมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ดังนั้น TPIPL จึงมีโอกาสที่จะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จากหนี้เงินกู้ระยะยาวในสกุลเงินยูโรจำนวน 163 ล้านยูโร
c) การนำบริษัทลูก คือ TPIPP เข้าจดทะเบียน IPO จะเป็น Catalyst ในปีนี้ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่ม Market Cap ให้กับบริษัทแม่โดยตรง และสะท้อนมูลค่าของบริษัทลูกได้ชัดเจนขึ้น
e) คาดว่า TPIPP จะมีกำไรสุทธิราว 3.3 พันล้านบาท ในปี 2560 และหากอิง PE 15 เท่า ใกล้เคียงกับหุ้นในกลุ่มพลังงานทดแทน จะได้มูลค่าตลาดของ TPIPP ที่ 4.95 หมื่นล้านบาท หรือเทียบเท่ามูลค่าต่อหุ้น TPIPL ที่ 2.45 บาท
a) ราคาปิด TPIPL วานนี้ที่ 2.50 บาท เปรียบเสมือนกับได้ธุรกิจปูนซีเมนต์ฟรี และยังซื้อขายที่ระดับ PBV2559 เพียง 0.84 เท่า ต่ำกว่า SCC และ SCCC ที่ 2.4x และ 2.9x ตามลำดับ

Fund Flow Analysis

Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 11 เร่งขึ้นเป็น US$734 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$72 ล้าน

Foreign Investors Action วานนี้
เงินทุนต่างชาติชะลอตัวในตลาดหุ้นต่อเนื่อง
นักลงทุนต่างชาติคงการซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 7 แต่เหลือเพียง 210 ล้านบาท รวม 7 วันทำการซื้อสุทธิ 15,704 ล้านบาท และทำให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิขยับขึ้นเป็น 8,083 ล้านบาท
SET50 Index Futures นักลงทุนกลุ่มนี้กลับมา Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ 9,476 สัญญา คาดว่าจะเป็นการกลับมาเปิดสถานะ Long อีกครั้ง แม้ว่า SET50 Index จะหลุดแนว 900 จุดอีกครั้ง โดย S50H16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index แคบลงเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการเหลือเพียง 0.06 จุด จากวันก่อนหน้า Discount มากถึง 2.09 จุด และทำให้ QTD นักลงทุนกลุ่มนี้ Long สุทธิกลับไปมากกว่า 120,000 สัญญาอีกครั้ง เท่ากับ 122,956 สัญญา
ขณะที่คงการซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ เป็นวันที่ 4 เร่งขึ้นเป็น 12,300 ล้านบาท รวม 4 วันทำการ ซื้อสุทธิ 32,602 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยเริ่มปรับตัวลงอีกครั้ง ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 1.42bps จากวันก่อนหน้าลดลงเพียง 0.10bps ปิดที่ 1.909%

Short-Selling วานนี้
เร่งขึ้นเป็น 1,088 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 845 ล้านบาท

NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 8 กลับมาเน้นกลุ่มพลังงานอีกครั้ง
การซื้อขายผ่าน NVDR ซื้อสุทธิอีก 1,068 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิมากถึง 6,265 ล้านบาท รวม 8 วันทำการ ซื้อสุทธิ 23,779 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นสะสมกลุ่มพลังงาน อีกครั้ง สรุปภาพรวมการลงทุนผ่าน NVDR ได้ดังนี้
1. กลุ่มพลังงาน ซื้อสุทธิสูงสุดอีกครั้ง 544 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,144 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่มธนาคารซื้อสุทธิ 384 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,544 ล้านบาท กลุ่มค้าปลีก ซื้อสุทธิ 118 ล้านบาท และกลุ่มอสังหาฯ ซื้อสุทธิ 103 ล้านบาท
2. ส่วนกลุ่มวัสดุก่อสร้างถูกขายสุทธิสูงสุด 163 ล้านบาท ตามมาด้วยกลุ่ม ICT ขายสุทธิ 99 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ - การเงินรายภูมิภาค

สหรัฐอเมริกา
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลาง
ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เพิ่มขึ้น 2.59 แสนตำแหน่ง ดีกว่า Bloomberg consensus คาดที่ 2.72 แสนตำแหน่ง และสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.77 แสนตำแหน่ง

ยุโรป
ECB ผ่อนคลายนโยบายการเงินมากกว่าที่ตลาดคาด
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ปรับลดลงจาก 0.05% เป็น 0.00% สวนทางกับที่ Bloomberg consensus คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ปรับลดลงจาก -0.30% เป็น -0.40% สอดคล้องกับที่ Bloomberg consensus คาดการณ์
การเพิ่มวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือ QE เป็น 8.0 หมื่นล้าน/เดือน จากเดิม 6.0 หมื่นล้าน/เดือน และ Bloomberg consensus คาด 7.0 หมื่นล้าน/เดือน โดยมีผลตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้ พร้อมกันนี้ได้เพิ่มประเภทของสินทรัพย์ที่จะเข้าซื้อ คือ หุ้นกู้เอกชน
ตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นไป ECB จะเริ่มโครงการใหม่ด้วยการให้ธนาคารพาณิชย์กู้เงินจาก EC ได้ หากธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เป็นเวลา 4 ปี โดยโครงการนี้จะสิ้นสุดลงปี 2564

จีน
อัตราเงินเฟ้อในจีนเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด: เดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.3% yoy เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 1.8% yoy และมากกว่าที่ Bloomberg consensus คาด 1.8% yoy โดยราคาอาหารพุ่งขึ้นถึง 7.3% yoy ส่วนราคาที่ไม่ใช่อาหารเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 1.0% mom ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนก.พ. ยังคงหดตัว 4.9% yoy ชะลอตัวจากเดือนม.ค.ที่ -5.3% yoy ถือเป็นเดือนที่ 48 ของดัชนีฯ ที่หดตัวลง

เอเชียแปซิฟิก
S&P ลดแนวโน้มของศรีลังกาลงเป็น "ลบ": จากเดิม "คงที่" เนื่องจากความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ และฐานะการคลัง ทั้งนี้การปรับลดแนวโน้มของ S&P เป็นการปรับตามหลัง Fitch Rating ที่ลดอันดับความน่าเชื่อถือลงไปก่อนหน้านี้ โดย S&P ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือที่ B+ สำหรับระยะยาว และ B สำหรับระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง รองรับการระดับหนี้สาธารณะที่สูง 72% ของ GDP

ไทย
อาคม ย้ำรัฐเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ 1.78 ล้านล้านบาทแน่: รมว.คมนาคม ภายหลังให้ข้อมูลกับผู้จัดการกองทุนทั้งไทยและต่างประเทศในงาน CLSA Asean Forum ครั้งที่ 13 กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อย้ำให้นักลงทุนมั่นใจว่ารัฐบาลมีความตั้งใจที่จะผลัก ดัน Mega Project 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.78 ล้านล้านบาท และเพิ่มอีก 3 โครงการให้แล้วเสร็จ ภายในรัฐบาลชุดนี้ ล่าสุดได้มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศใช้มาตรา 44 ให้โครงการภาครัฐสามารถเปิดประกวดราคาโครงการที่ยังติดขั้นตอนการพิจารณา EIA สำหรับความคืบหน้าจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ได้หารือกับนายอภิศักดิ์ ตันติว รวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังแล้ว ที่จะนำโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง (GreenField) เข้าเป็นทรัพย์สินในกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ จึงต้องปรับเงื่อนไขในกองทุน ทั้งนี้จะนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) พิจารณาในเดือนหน้า (เม.ย.)

Strategist Team Maybank KimEng
Mayuree Chowvikran, CISA Strategist / Analyst 662-6586300 x 1440
Padon Vannarat Equity Analyst 662-6586300 x 1450
Rinrada Lianghathaitham Assistant Analyst 662-6586300 x 1530 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!