- Details
- Category: บทวิเคราะห์
- Published: Thursday, 10 March 2016 17:48
- Hits: 535
บล.ไอร่า : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด
ทิศทางตลาด
Sideway? คาดตลาดส่วนใหญ่อยู่ระหว่างรอผลการประชุมECB ในวันนี้(10/3/59) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีการขยายวงเงินซื้อคืนพันธบัตรจากปัจจุบัน60,000 ล้านยูโร/เดือนและปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันติดลบ0.3% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องอย่างไรก็ตามคาดหากผลประชุมออกมาตามความคาดหมายอาจมีแรงขายทำกำไร(Sell on Fact) ออกมา
ขณะที่คาดอาจมีแรงซื้อขายกลับเข้าไปในหุ้นกลุ่มพลังงานอีกครั้ง ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ภายใต้คาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ จะสามารถบรรลุข้อตกลงจำกัดการผลิตได้ โดยกลุ่มโอเปกและรัสเซีย จะมีการประชุมในวันที่ 20/3/59
ส่วนทางด้านFund Flow ยังเป็นแรงซื้อสุทธิต่างชาติต่อเนื่องล่าสุดอีกเกือบ500 ล้านบาทและทำให้YTD ยอดซื้อสุทธิสะสมเพิ่มขึ้นเป็น7,873 ล้านบาท
แนะติดตามหุ้นในกลุ่มBig Cap ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติเช่นPTT, SCC, ADVANC, AOT เป็นต้น
นอกจากนี้ยังแนะจับตา(1) กลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่คาดหลังจากนี้มีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการอื่นๆ ที่มีความพร้อมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางศูนย์วัฒนธรรม –มีนบุรีวงเงิน110,116 ล้านบาทที่คาดสามารถเปิดประมูลได้ในช่วง1Q/59 และรถไฟทางคู่สายประจวบคีรีขันธ์- ชุมพรวงเงินประมาณ24,000 ล้านบาท คาดส่งผลดีต่อ CK และUNIQ
(2) กลุ่มการบินที่คาดราคามีโอกาสฟื้นตัว หลังสายการบินของไทยผ่านการประเมินของสำนักงานบริหารความปลอดภัยด้านการบินของสหภาพยุโรป (EASA) และสามารถบินได้ตามปกตินอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำและช่วงHigh Season ของการท่องเที่ยวคาดส่งผลดีต่อBA, AAV
(3) กลุ่มพลังงานระยะสั้น PTT และPTTEP จะได้รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นแต่ในระยะยาวราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากภาวะอุปทานส่วนเกิน
(4) หุ้นกลุ่มโรงกลั่นเช่นIRPC, TOP และSPRC จะได้รับผลบวกจากค่าการกลั่นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง1Q/59 และคาดจะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากอีก
(5) กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่คาดได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากโครงการก่อสร้างของภาครัฐ เช่น SCC, SCCC และTPIPL เป็นต้น โดยเฉพาะใน 2H/59 ที่คาดความต้องการดีกว่า1H/59
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาดวันนี้
(+) ตลาดหุ้นต่างประเทศDJIA +36.26, NASDAQ +25.55, S&P +10.00, FTSE +20.88, CAC +21.63 และDAX +30.27
ภายใต้ปัจจัยบวกจาก(1) ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อจำกัดการผลิตในการประชุมเดือนนี้(20/3/59) และ(2) อยู่ระหว่างรอการประชุมของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ในวันนี้(10/3/59) ว่าECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหรือไม่? โดยคาดECB อาจจะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) ซึ่งขณะนี้มีวงเงินอยู่ที่6 หมื่นล้าน
ยูโร/เดือนและคาดECB อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับธนาคารพาณิชย์ที่นำเงินมาฝากไว้ที่ECB จากขณะนี้ที่ระดับ-0.3% โดยธนาคารพาณิชย์จะต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าฝากแก่ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ECB
ขณะที่สหรัฐฯเปิดเผยสต็อกสินค้าภาคค้าส่ง–ม.ค. เพิ่มขึ้น0.3% สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง0.2%
ราคาน้ำมันดิบ(NYMEX) ส่งมอบเดือน เม.ย. +US$1.79 อยู่ที่US$ 38.29ต่อบาร์เรล ภายใต้การคาดการณ์ว่า กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงจำกัดการผลิตในการประชุมเดือนนี้ โดยโอเปก และรัสเซีย จะประชุมกันในวันที่ 20 มี.ค. เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการผลักดันราคาน้ำมันขึ้นหลังจากที่ทรุดตัวลงก่อนหน้านี้
ซึ่งสามารถช่วยชดเชยปัจจัยลบหลังสหรัฐฯเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบล่าสุดเพิ่มขึ้น3.9 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 522 ล้านบาร์เรลซึ่งงเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สัปดาห์ที่4 ติดต่อกัน
P/E (เท่า) P/BV (เท่า) Dividend Yield (%)
20.4 1.82 3.34
ที่มา: www.set.or.th
มูลค่าการซื้อขาย หน่วย(ลบ.)
มูลค่าการซื้อขาย 56,222.21
สถาบัน -1,230.47
บัญชีหลักทรัพย์ 1,161.59
ต่างประเทศ 494.32
ในประเทศ -425.44
(6) หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเช่น โรงแรม (MINT, CENTEL) และAOT จากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงHigh season ใน4Q/58 – 1Q/59
(7) กลุ่มค้าปลีกเช่นCPALL ที่คาดได้รับประโยชน์หลังรัฐบาลอัดฉีดกำลังซื้อรากหญ้าอย่างต่อเนื่องจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลเกษตรกร3 โครงการวงเงิน93,000 ล้านบาท
ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ10 ปี+0.06 อยู่ที่1.89% (ระดับสูงสุด3.77% เมื่อกพ.’54)
ดัชนีความเสี่ยง(VIX) -0.33 อยู่ที่18.34
หุ้นแนะนำ: PTT
นักวิเคราะห์: จิตรลดา เลขาพันธ์ โทร.02-684-8788